อ่านบันทึกของน้องต้อม...เรื่องเล่า : โฆษณาไทยประกันชีวิต ตอน แม่ต้อย แล้วประทับใจในคำที่ว่า...ได้เห็นว่าคนทุกคนย่อมอยากมีชีวิตที่มีค่า แต่การสร้างคุณค่าของชีวิตนั้นจะดียิ่งขึ้นหากเป็นการสร้าง "คุณค่าชีวิตให้ผู้อื่น" .... และทำให้ผมหันกลับมาสำรวจคุณค่าในชีวิตของตัวเองอีกครั้ง...
พอดีกับผมเพิ่งได้อ่านบทความชิ้นหนึ่งจากนิตยสารเล่มเล็กๆ ชื่อ way (ติดตามมาได้หลายฉบับ อ่านครั้งแรกผมยืมเพื่อนมาอ่าน มาถึงวันนี้ยังไม่ได้เอาไปคืน...เพราะเพื่อนไม่ยอมทวง...อิๆๆๆ) ขอนำมาเล่าต่อ...เป็นบทความที่เขียนโดย นพ. โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ในนิตยสาร way ฉบับที่ 19 คอลัมน์คิดสลับขั้ว หน้า 52-53 ...
“คุณสตีเวน บอกให้ (ผู้เข้ารับการอบรม) ทุกคนในห้องหลับตาและสร้างภาพในใจให้เห็นว่าตนเองกำลังอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นที่ไหนกันแน่ เมื่อเดินเข้าไปใกล้และเห็นชัดเจนขึ้นก็พบว่าเรากำลังอยู่ที่งานศพแห่งหนึ่ง มีผู้คนมากมายมาร่วมงาน ซึ่งก็เป็นคนที่เรารู้จักมากมาย เมื่อเดินไปที่ด้านหน้าของพิธีเราจึงได้รู้ว่า ที่แท้ผู้ตายที่ญาติๆ จัดงานศพนี้ให้ก็คือตัวเราเอง
เราตายไปแล้ว...และเราได้กลายเป็นวิญญาณที่มางานศพของเราเอง
ขณะที่เรากำลังสับสนอยู่ ผู้ประกอบพิธีได้ประกาศเชิญชวนญาติมิตรของผู้ตายให้ร่วมกันไว้อาลัยแก่ผู้ตาย และได้เชิญบุคคลสามคนขึ้นมากล่าวคำไว้อาลัยและเกียรติประวัติของผู้ตาย ซึ่งก็คือตัวเราเอง
คนทั้งสามที่ได้รับเชิญขึ้นมากล่าว ได้แก่ คู่สมรสของเรา เพื่อบ้านของเรา และเพื่อนร่วมงานที่ทำงานใกล้ชิดกับเรา...
คุณสตีเวน ตั้งคำถามให้ผู้เข้ารับการอบรมคิดว่า เราอยากจะได้ยินคนทั้งสามกล่าวถึงเราอย่างไร (เป็นวิธีการที่เรียกว่า Begin with the End in Mind หรือที่เรียกว่าให้เรามีภาพเป้าหมายสุดท้ายไว้กำกับการใช้ชีวิตของเรา) ....”
อ่านจบ...ก็ถึงเวลากลับมานั่งทบทวนตัวเองแล้วครับว่า...
เราอยากจะได้ยิน “คนทั้งสาม” หรือคนอื่นๆกล่าวถึงเราอย่างไร???
อยากจะได้ยินคำชม...หรือคำแช่ง.....
เวลาชีวิตเราเหลืออยู่อีกยาวนานเท่าไหร่กัน....
จะปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปตามวาสนา..หรือว่าเราสามารถทำอะไรได้มากกว่านั้น....
ถ้าคิดด้านบวกแบบแม่ต้อย.....สมมติว่าอายุขัยผมมีเพียงแปดสิบปี (จริงๆ อยากอยู่ถึงร้อยยี่สิบปี..อิๆ)....ถึงวันนี้ผมได้เดินข้ามเส้นกึ่งหนึ่งของอายุขัยมาแล้ว.....หูยยยยย....เหลืออายุขัยอีกตั้งเกือบสี่สิบปี......ทำอะไรดีดี ให้กับตัวเองและสังคมได้อีกตั้งเยอะ....(เน้นคำว่าเยอะๆๆ).....
ถึงตอนนั้น คงต้องไปกระซิบ (เตี๊ยม) กับผู้ประกอบพิธีแล้วละครับว่า “เอาประวัติแบบสั้นๆ ย่อๆ ก็ได้นะ....สงสารแขกที่มาร่วมงาน”.....อิๆๆๆๆ
ร่วมเป็นกำลังใจให้คนคิดดี กระทำความดี....รวมทั้งคนที่กำลังจะทำความดี (หรือแม้แต่คนที่เกือบจะได้ทำดี) ทุกๆ คน.....นะครับ
-สวัสดีค่ะคุณพิทักษ์
-เป็นอะไร ที่ประทับใจนะ Begin with the End in Mind
-น่าคิด และควรรีบคิด
-ไปปลูกป่ากันดีไม๊คะ ที่ต.โคกขาม ริมทะเลที่มหาชัยค่ะ
เทสระบบสื่อสารใหม่เหรอ? อืม..กับคำถามที่ว่าถ้าเราตายไปแล้ว อยากได้ยินคนอื่นๆ กล่าวถึงเราอย่างไร?
ถ้าเป็นต้อม.. ยังคิดเลยว่าวันเดียวเผาเลย อิอิ คนจะได้คิดถึง ซึ่งตามทฤษฎี(ของตัวเอง) การเกิด..การอยู่..การตาย เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ คนเราก็จะมีเสียใจ อาลัย อาวรณ์แค่เพียงเวลาแป๊บๆ คนข้างหลังก็จะใช้ชีวิตต่อไปของเขา
ตกลงแล้ว..คนเขาคงไม่รู้จะพูดถึงต้อมกันอย่างไร เพราะถึงเขาพูดกัน ต้อมก็คงจะไม่ได้ยินเสียแล้ว อิอิ..เนอะ
เป็นกำลังใจให้คนคิดดี ทำดี เหมือนกันค่ะ เพราะแม้ว่าการทำความดีอาจจะไม่ส่งผลขนาดที่เปลี่ยนโลกได้ในพริบตา แต่ก็นับว่าอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสังคมที่เป็นอนุภาคเล็กๆ
สวัสดีครับ krutoi
มาต่ออีกนิ๊ด..ด..ด
หลายวันก่อนอุตส่าห์ส่งลิงค์บันทึกเรื่องเล่า : โฆษณาไทยประกันชีวิต ตอน แม่ต้อยให้พี่เซ็กซี่อ่าน เธอกลับตอบกลับมาว่า "ที่เขียนนั่นเพื่อเตือนใจตัวเองเหรอคะ ว่าให้สร้างคุณค่าของชีวิตให้ตัวเอง ไม่ใช่มองแต่ด้านลบ" เซ็งเป็ด เซ็งไก่ เซ็งท่านหัวหน้าเลย อุ๊บ! เซ็งอันหลังนี่ไม่เกี่ยวกัน
ก็เลยเถียงไปข้างๆ คูๆ ว่า.. "อย่างน้อย ทั้งชีวิตก็ทำเพื่อคนอื่นมาตลอด แทบจะไม่ค่อยมีครั้งไหนที่ทำได้ตามใจตัวเองเลย ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขามีคุณค่า นี่นะ..เป็นเรื่องดีใช่ไหม ที่ต้อมสร้าง"คุณค่าชีวิตให้ผู้อื่น" เธอบอกว่า.."ก็ช่ายยยยยยย แต่ก่อนที่จะทำให้คนอื่น ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน"
อืม ก็เลยหันกลับมาสำรวจตัวเองอีกครั้งและ..อีกครั้ง
น้องต้อมๆๆ เนปาลี
ลมหนาวมาแล้วนะ....น้องต้อมกลับบ้านดึกอีกแย้ววววว
น้องต้อมๆๆ เนปาลี
นึกภาพตัวเองตายหลายครั้ง ก็เห็นมีแต่คนคิดถึง..ง..ง อิอิ ^^ จุ๊ๆๆ กลับดึกบ้างเป็นครั้งคราว..หาใช่ทุกวันนิ
ไม่ต้องเน้นก็ได้นะ ตรงที่ "หน้ากลม" T_T วัยรุ่นเซ็งเลย เฮ้อ
น้องต้อมๆๆ เนปาลี
ล้อเล่น...แต่กลมจริงๆ นี่นา...อิๆ
ฝากไว้ก่อนนะ ^^ แล้วจะไปเก็บทั้งต้น ทั้งดอกที่ท่าน ผบ.
นิตยสาร Way คุ้นๆว่า เพื่อนผมแนะนำให้อ่านเหมือนกันครับ แต่หาซื้อในตลาดไม่ได้...
ภาพถนน ที่อบอวลไปด้วยหมอก ก็คุ้นๆเช่นกันครับ
สบายดีนะครับ..
น้องต้อมๆๆๆ เนปาลี
สวัสดีครับคุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
สวัสดีครับ อ.อ็อด naree suwan
อิอิ
ท่านหัวหน้าคะ
สวัสดีน้องหมีเชอรี่ทะเลดาว
หมั่นรดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ยคอกเยอะๆ นะ เวลาเก็บเกี่ยวจะได้..คุ้ม ^^ ประชดนะเนี่ย และท่านพี่อ็อดขำอะไร??????? พี่ยาหยีสนใจไปเดินทอดน่องชมหมอกกับหนูไหม?
ว่าแต่ตอนนี้ ผบ. รมณ์จอยหรือยังคะ?
น้องต้อมๆๆๆ
วันนี้คิ้วของท่าน ผบ. เริ่มขมวดเข้าหากันแล้วครับ....อิอิ...เริ่มการปรับปรุงเอกสารฯ งานด่วนๆๆๆๆ
ขำน้องต้อม วัยรุ่น เซ็ง ( เลข 3 นำหน้า เนี่ย นะคะ ลุงหัวหน้า เอิ๊ก กก )
ท่านหัวหน้าคะ
น้องหมีเชอรี่
น้องหมีเชอรี่
เกิด แก่ เจ็บตายเป็นเรื่องสัจธรรม ทุกคนล้วนต้องได้รับ เพียงแตกิเลสมาอยู่บนโลกนี้ด้วยเท่านั้นเอง
คนเรานั้น ธรรมชาติให้เรามาทุกคนแล้ว ทุกคนต้องมีและมีอยู่แล้ว แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่าตัวเองนั้นมี คือ สมาธิ สติ และปํญญา แต่สำคญที่สุด คือ คนเรานั้นมีความเห็นที่แตกต่างกัน คือ สัมมาทิฐิ(การเห็นชอบ)กับมิจฉาทิฐิ (การเห็นผิด)การเห็นผิด คือ เราคิดว่า ตัวเรามีตัวมีตน สัตว์ บุคคล เราเขา คิดว่าโลกนี้น่าอยู่มากนัก ทั้ง ๆที่มีแต่ทุกข์เท่านั้น ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ถ้าเราอยากเกิดอีก เราชอบไหมที่ เกิดมาแล้ว มีแต่ทุกข์ อยู่รำไป..ดังน้น..ให้พิจารณาว่า . ธรรมะคือธรรมชาติ ที่มันเป็นเช่นนั้นๆเอง ทุกๆอยางล้วนแต่เกิดขึ้น แปรปรวนแล้วก็ดับไป เราบังคับบัญชาไม่ได้ หรอก ทุกอย่างไม่ใช่ของๆเรา เป็นของสมมุติ ที่มันสร้างขึ้นมาให้เราหลง ทั้งนั้น...ขอให้ทุกท่านที่อ่านแล้ว จงเข้าให้ถึง แก่นแท้ของธรรมะ เถิดทุกผู้ทุกนาม...
สวัสดียาย wp2509
สวัสดีครับพี่ "มหาจง" ผู้มาดำไปขาว
สวัสดีครับ อ.ขจิต ขจิต ฝอยทองที่ปรึกษา~natadee,~natachoei(หน้าตาเฉย),~ natamaidee - - But narak...(คำต่อชื่อย๊าวยาว อิๆ)
ทิชชูวัวแบบนี้เห็นวัวข้างบ้านเคยใช้บ่อยๆ ครับ
ทีแรกจะเดาว่าเป็นวัวอัดแท่งเตรียมส่งออกนอก....
เหอๆๆ
ท่านหัวหน้าคะ
ท่านหัวหน้าคะ
สวัสดีค่ะท่านหัวหน้า
น้องหมี ทะเลดาว
สุขสันต์วันหยุด..ครับ
ลุงหัวหน้า เจ้า ไปดูน้องพอ รำ กัน เตอะ
สวัสดีครับ ครูใหม่ บ้านน้ำจุน
น้องต้อมๆๆๆ
เมา+หลับ=ปาย
อิๆ