มีเหตุให้ต้องไปเป็นวิทยากร อบรม อยู่บ้างเป็นระยะ จึงต้องหาข้อมูลความรู้เอาไว้เสมอ ไม่กี่วันก่อน ก่อนไปเป็นวิทยากรในการสัมมนาเรื่อง "ประสบการณ์การจัดทำวิกิพีเดียภาษาไทย" ที่ศูนย์เทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (ค่อยเล่าในบันทึกหน้า) ผมได้เตรียมตัวสอนนักเรียนเกี่ยวกับภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ มีหัวข้อที่น่าสนใจ ที่เกี่ยวข้องกันพอดี อ่านแล้วก็ขำกลิ้ง เลยนำมาฝากกันครับ
คุณ Adrian Wallwork เขียนไว้ว่า “How to make a disastrous presentation” ในหนังสือ Business Vision อย่างนี้
1. นำเสนอด้วยน้ำเสียงที่น่าเบื่อ พูดให้ได้ยินชัดๆ ไปเลยว่าอ่านจากโพยที่เขียน ไม่ต้องสนใจคนฟัง ก้มหน้าตลอด ถ้าผู้ฟังมองหน้า ก็ทำหน้าเฉยเมยแบบไร้ความรู้สึก รับรองว่าทั้งผู้ฟังผู้ดำเนินรายการปวดหัวแน่ พอเริ่มไปไม่ถึงนาที ผู้ฟังก็รอว่า เมื่อไหร่หนอจะถึงเบรกดื่มกาแฟ
2. ทำอะไรๆ ให้เขารู้ว่าคุณไม่มีเวลาเตรียมตัว หาข้อมูลลึกๆ ทำให้คนฟังเข้าใจว่า คุณรู้มากอยู่หรอก แต่ไม่ได้บอกให้หมดเท่านั้นเอง ก็คนฟังไม่รู้เรื่องเอง (นี่หว่า) ถ้าเป็นไปได้ก็พูดถึงองค์กร สถาบันอะไรต่อมิอะไรที่คนฟังไม่คุ้นหูด้วย ถ้าให้ดีกว่านั้น พูดแต่ตัวย่อก็พอ
3. เริ่มต้นเลย ออกตัวไว้ก่อน ว่าผมไม่มีเวลาเตรียมตัวนะครับ คนฟังจะได้ไม่ต้องซีเรียสมาก จากนั้นก็หยิบกระดาษผิดๆ ถูกๆ สักสองสามนาที ทำให้คนดูเห็นว่าเราไม่คุ้นกับเครื่องไม้เครื่องมือ จำพวกสวิตช์ ไมโครโฟน หรือจับเมาส์ผิดๆ ถูกๆ (เอ้อ) จากนั้นก็ไม่ต้องพูดให้ตรงเป้าเท่าไหร่ เว้าสั้นๆ ก็พอ ให้คนฟังสับสนเล่นอย่างนั้นแหละ
4.ไม่ต้องยกตัวอย่าง เรื่องโจ๊ก เรื่องเล่า หรือทัศนะส่วนตัว เพราะถ้าทำแบบนั้น คนฟังจะเข้าใจเนื้อหาง่ายเกินไป
5. ก่อนจบ ไม่ต้องสรุปสะเหริบอะไรทั้งนั้น ทิ้งให้คนฟังสับสนและสงสัย ว่า(หมอนี่)มาพูดเรื่องอะไรหว่า
6. ถ้ามีโปรเจ็คเตอร์ สไลด์
- แสดงให้คนฟังเห็นว่าเราไม่ค่อยคุ้นกับอุปกรณ์ ใช้อุปกรณ์ไม่ค่อยคล่อง สะดุดสายไฟ เป็นต้น
- ลำดับสไลด์ผิดไปมั่ง เร็วไปมั่ง จนคนดูอ่านไม่ทัน
- อ่านบนจอตามตัวหนังสือที่เขียนไว้นั่นแหละ รับรอง คนฟังเบื่อแน่ๆ
คุณ Adrian เขียนทำนองประชดประชัน ใส่อารมณ์ขันหน่อยๆ ใครจะลองนำไปใช้ดูบ้างก็ได้ครับ แต่ถ้าต้องการประสบความสำเร็จในการนำเสนอ ก็แค่ทำตรงข้ามกับที่เขาบอก เท่านั้นเอง....
อ้างอิง
Adrian Wallwork. Business Vision. Oxford University press, 2002. ISBN 0 19 437981 7.
สวัสดีค่ะ
สบายดีนะคะ
สวัสดีครับพี่
ส่วนมากถ้าไปเป็นวิทยากร ต้องพร้อมทั้งตัวและหัวใจ
ไม่อย่างงั้น ใจฝ่อไปกว่าครึ่งค่ะ
สวัสดีครับ อาจารย์พี่อ้อย
น่าเห็นใจครับ ถ้าคนฟังไม่อยากรับ คนพูดก็รอเบรกเหมือนกัน ;)
สบายดีครับผม อากาศเริ่มดีขึ้นครับ
สวัสดีครับ คุณครูน้องโย่ง
แอบหนีไปเที่ยวสบายใจ ตามประสาคนโสด (หรือเปล่า) อิๆๆ
ขยันจริงๆ เลย ปรบมือให้ อย่าลืมซ้อมดนตรีเกินเจ็ดวันล่ะ โบราณเขาว่าไว้
สวัสดีครับ อาจารย์ขจิต ฝอยทอง
ในที่สุดก็ได้เขียนบันทึกเสียที
รออีกสามบันทึกตามมาติดๆ อิๆ
โม้เอาไว้ก่อน
นึกภาพออกเลย อาจารย์ไปที่ไหน ฮาตลอด ;)
สวัสดีครับ อาจารย์น้ำผึ้งสีชมพู
จริงครับ ต้องพร้อมทั้งหัว เอ้ย ทั้งตัว และหัวใจ
ถ้าไม่ได้เตรียมตัว ก็หายใจไม่ทั่วท้องครับ
ถ้ามีข้อมูลอยู่แล้วก็เรื่อยๆ เปื่อยๆ สบายใจได้
มาอ่านและลงชื่อไว้ครับ
สวัสดีค่ะ
เห็นภาพการนำเสนอของคุณ Adrian ในสิ่งที่ไม่น่าสนใจ แต่ทำให้น่าสนใจได้นะครับ
น่าทึ่งครับ
ครูหมูพูดด้วยแหละ ^^
^______________--^-
พ่ะดีเลยค่ะ..เดือนหน้า OOHOOH ต้องไปพรีเซ็นต์งาน จะทั้งจดทั้งจำไว้เลยล่ะค่ะเนี่ย..อิ..อิ..
สวัสดีครับ คุณพิชชา
อันนี้คงสำหรับมือใหม่นะครับ ถ้าระดับเซียน ไม่ต้องพึ่งตำราแล้ว ความรู้อยู่ในอวย อิๆ
สวัสดีครับ คุณกวิน
สบายดีไหมครับ มาจองที่เอาไว้ก่อนแน่ะ อิๆ อย่าลืมแวะมาอีกรอบนะครับ
สวัสดีครับ ครูปู~natadee t'ซู๊ด
ไม่ได้เจอนาน หน้าตาดีขึ้นเป็นกองเลย อิๆ (ปกติก็ดีอยู่แล้ว) มีเทคนิคดีๆ มาเล่าสู่กันฟังนะครับ
ผมสบายดีครับ ก่อนนี้วุ่นวายยุ่งขิง ไม่ค่อยได้แวะมาเลย ขอบคุณมากครับ อาจารย์คงสบายดี happy ending เหมือนเดิม
สวัสดีครับ คุณ Thawat
ชื่อคล้ายกันเลย อ่านแล้วระวังสับสนนะครับ เดี๋ยวทำตามที่เขาบอกหมด จบข่าวกันพอดี ;)
สวัสดีครับ เปเล่
โผล่มาได้ยังไง อิๆ
สวัสดีครับ คุณ OOHOOH
หายไปนาน หัวฟูเหมือนเดิม
แปลว่างานเยอะ
ไปพรีเซ็นต์ อย่าลืมมาถ่ายเทความรู้ให้ล่ะ
สวัสดีครับ
สวัสดีอีกครั้งครับอาจารย์นำ บันได 13 ขั้นของนักพูด มาฝากครับ
1. เตรียมให้พร้อม
2. ซ้อมให้ดี
3. ท่าทีมีสง่า
4. หน้าตาสุขุม
5. ทักที่ประชุมไม่วกวน
6. เริ่มต้นโน้มน้าว
7. เรื่องราวกระชับ
8. ตาจับผู้ฟัง
9. เสียงดังพอดี
10. อย่ามีเอ้ออ้า
11. ดูเวลาพอครบ
12. สรุปจบจับใจ
13. ยิ้มแย้มแจ่มใสเวลาพูด
พี่ ธ. แน่นอนเหมือนเดิมเลยครับ อิอิ
สวัสดีค่ะอ.ธ.วัชชัย
แวะมาอ่านวิธี...พรีเซนต์อย่างไรให้น่าเบื่อ ...
อ่านแล้วยิ้มเลยค่ะ ดีใจที่ไม่ค่อยทำที่บอกไว้ แต่มีอาการที่เพื่อน ๆ และอาจารย์คุ้นเคยกันดีของคนไม่มีรากคือ ขณะกำลังพรีเซนต์อยู่จ้อย ๆ ก็หยุดเงียบไปเลย..... จนทุกคนตื่นตะลึง คนที่กำลังจะหลับต้องรีบตื่น นึกว่าเป้นเทคนิคการทิ้งช่วงดึงความสนใจ แต่ไม่ใช่ค่ะ..
คนพรีเซนต์...หลับกลางอากาศค่ะ...ฮา...เป็นบ่อยมาก ๆ ..^_^...
ยกคำตอบเรื่องโยเกิร์ตกับภูมิแพ้มานะคะ
คนไม่มีรากก็เป็นโรคเดียวกับอาจารย์ค่ะ วิตามินซีนั้นหมอสั่งให้ทานมาประมาณ 2 ปีแล้ว ทานจนเลิกทานค่ะ สู้ทานฝรั่ง ส้ม มะขามป้อม ทุกมื้อหลังอาหารก็ไม่ได้ค่ะ ถ้าต้องให้เลือกทานโยเกิร์ตสำเร็จรูปจริง ๆ คิดว่านะจะเป็นโบเกิร์ตที่ไม่มีส่วนผสมอื่น ๆ เช่น ผลไม้ ธัญพืชต่างๆ เพราะโดยมากเป็นแยมหวาน ๆ ที่ไม่มีคุณค่าแล้วทำให้ได้แต่น้ำตาลเกินมาอีก ทางแพทย์แผนจีนบอกว่าการทานของหวานมากๆ จะทำให้ภูมิแพ้กำเริบได้ในบางคน (ขึ้นกับธาตุประจำตัวด้วย) นอกจากนี้โยเกิร์ตสำเร็จรูปมักจะผลิตจากน้ำนมวัว (มีโยเกิร์ตจากนมแพะด้วย) ซึ่งในผู้ที่เป็นภูมิแพ้บางคนก็จะแพ้โปรตีนในนมวัวอีกด้วย... สรุปว่า...ถ้าอยากหายเหมือนคนไม่มีราก ก็น่าจะลองทำโยเกิร์ตเพื่อทาน สำหรับปริมาณนั้น น่าจะทานหลังอาหารเช้า-กลางวัน ส่วนมื้อเย็นไม่ต้องเพราะจะมากเกินไป ข้อสำคัญกว่าจะเห็นผลก็ต้องอดทนทานติดต่อกันอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ และคงต้องออกกำลังกายทุกวันรักษาร่างกายให้อบอุ่นตอนนอนด้วยนะคะ ขอให้อาจารย์หาเวลาทำให้ได้นะคะ จะได้หายจากภูมิแพ้...พอหายแล้ว...ไม่อยากบอกเลยค่ะว่าชีวิต...ดีขนาดไหน (^__^)
สวัสดีครับ พี่เกษตรยะลา
วิทยากรแบบไม่ง้อคนฟัง อิๆๆ
แบบนี้ต้องเอาอย่างครับ ;)
แต่เห็นวิทยากรไว้หนวด อย่างนี้ คนฟังไม่กล้างอแงครับ
สวัสดีครับ คุณกวิน
ขอบคุณครับ หอบมาให้ตั้ง 13 ข้อแน่ะ
รู้สึกว่าครอบคลุมพอดีเลยนะครับ
สวัสดีครับ น้อง suksom
เหมือนเดิมอยู่แล้ว ก็คนเดิมนิ
อย่าลืมใช้หลักการข้างบนนะครับ
สวัสดีครับ คุณคนไม่มีราก
สมัยก่อนให้ผมไปพูดหน้าห้อง ให้คนฟัง มีหวังขาสั่น เพราะเราไม่มั่นใจ
แต่ถ้ามั่นใจในเรื่องที่พูด ก็ดีขึ้นมาหน่อย
เรื่องโยเกิร์ตขอบคุณมากนะครับ ได้ข้อมูลอื้อเลย แต่ไม่รู้จะได้ทำหรือเปล่า อิๆๆ
สวัสดีครับ อ.ขจิต
แน่นอนที่สุด.... 3 บันทึก
แต่ว่า ใจเย็นๆ อิๆๆๆ
สวัสดีค่ะ อ.ธวัชชัย
ขออนุญาตนำไปใช้ต่อนะค่ะ เพราะเทอมนี้มีสอนในเรื่องการนำเสนอค่ะ และขออนุญาตคุณกวิน นำเทคนิค13 ขั้น ของนักพูดไปใช้ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ พี่ naree suwan
สวัสดีครับ อ. paew
เพิ่งเข้ามาอ่าน ขอบคุณที่แนะนำ ผมจะลองนำไปใช้ดู ก็ลองเดาดูก็แล้วกันว่าผมจะใช้วิธีใด
แวะมาเยี่ยมชม
ขอบคุณข้อแนะนำดีๆน่ะค่ะ แล้วจะนำไปใช้ดูค่ะ
;P มาขำ ค่ะ