กลับมาอีกครั้ง : เส้นทางของการเดินทางย้อนอดีตและความคิดถึงของตนสนามหลวง


ในการเดินทางในการไปเยี่ยม Case 2 คน ตามหาญาติ อีก 2 คน ทำให้เราได้เห็นภาพมากมาย ความคิดถึง เหตุผลที่ทำไมถึงต้องมาเร่ร่อน ความกดดัน การถูกกระทำจากคนรอบ ๆ ข้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เราคิดว่าเราประสบความสำเร็จคือ การย้อนกลับมาสู่ความสุข ที่ได้พบเจอกัน ความคิดถึงที่เก็บมานานหลาย ๆ ปี ที่ไม่สามารถที่จะกลับหรือตามหาได้ ทางสมาคมและทีมงานภูมิใจและตื้นตันที่ได้ทำหน้าที่สะพานเชื่อมคนที่ไม่มีหนทางที่จะกลับบ้านอันด้วยมาจากเหตุผลหลาย ๆ อย่างไม่มีเงิน ถูกกระทำจากสังคมรอบข้าง กลับไม่ได้เพราะเป็นคนแพ้ ต่าง ๆ เหล่า ได้ก้าวเข้าสู่บ้านที่ตนจากมา ได้ก้าวสู้ความอบอุ่นที่เป็นบ้านจริง ๆ ได้ความเข้าใจที่แท้จริง ที่ทางสมาคมมาเป็นสะพานเชื่อมให้ ในการเดินทางครั้งนี้มีความสุขมากที่ได้เห็นภาพที่ญาติไม่เจอกกันเป็นเวลานานหลายปี

กลับมาอีกครั้ง : เส้นทางของการเดินทางย้อนอดีตและความคิดถึงของตนสนามหลวง

 

                เช้าของวันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม 2551 เวลาแปดนาฬิกา ทีมงานของสาระดี(กันตนา)ในรายการผู้พิชิตทางตัน มาติดตามการถ่ายทำการเยี่ยม ตนสนามหลวงที่กลับสู่บ้าน ออกเดินทางจากสมาคมสร้างสรรค์กิจกรรมอิสรชน 09:00 น. มุ่งสู่สนามหลวงเพื่อไปรับ เอ็ม (Case)  กลับไปเยี่ยมบ้านที่จากมาเป็นเวลาเกือบแปดปีเต็ม ๆ ทีมงานเดินทางออกจากสนามหลวงเวลา 13:00 น. เพราะก่อนออกเดินทาง ทางสมาคมฯได้มีโอกาสต้อนรับแขกจากเกาหลีที่มาดูงานในพื้นการทำงานของสมาคมฯ ทำให้การเดินทางจึงต้องออก ณ เวลา 13:00 น.

เราเดินทางจากสนามหลวงมุ่งตรงสู่จังหวัดอุดรธานี ณ เวลา 21:00 น.  เข้าพักผ่อนเพราะเดินทางถึงเวลาค่อนข้างที่จะดึก จึงหาที่พักกัน และเริ่มอรุณรุ่งเช้าของวันที่ 12 ตุลาคม 2551 ณ เวลา 08:00 น. ทีมเรามุ่งตรงสู่  ต.เพ็ญ  อ.เพ็ญ  จ.อุดรธานี เพื่อเยี่ยม น้องดา ย้อนสู่อดีต น้องดาเกิดที่สนามหลวง เป็นลูกของพี่นาง ครอบครัวสนามหลวงที่ทางสมาคมฯได้ดูแลอยู่จนเมื่อ ปี 2550 ทางสมาคมฯ ได้ทำการรับบริจาคเพื่อส่งตัวเด็กและแม่กลับบ้าน เพราะครอบครัวนี้อยู่ในการดูแลของสมาคมฯ เกือบ 2 ปี ที่ตัดสินใจจะพาลูกกลับมาบ้านเพื่อนอนาคตของลูก แต่ไม่ทันเวลาเพราะแม่ของน้องดา เกิดอาการหัวใจโตฉับพลัน จบชีวิตลงในสนามหลวง ทางสมาคมฯจึงทำการติดจามญาติและมารับน้องดาไปอยู่ ปัจจุบันน้องดามีพ่อแม่บุญธรรมที่เลี้ยงดูอยู่ ตอนนี้น้องดาอายุ ย่าง 3 ขวบ น้องดาจากสนามหลวงไปตอนอายุ 2 ขวบ ซึ่งหลาย ๆ คนที่ติดตามงานของสมาคมฯ จะเคยเห็นน้องตามโทรทัศน์หรือบทความที่ทางสมาคมฯ ได้เขียน ทางสมาคมเคยได้ดินทางไปเยี่ยมน้องดาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อ พฤษภาคม 2551 ในโครงการตระเวนอีสาน ซึ่งตอนนั้นน้องดายังตัวเล็กอยู่มาก แต่ตอนนี้โตขึ้นมากและกำลังที่จะเรียนรู้ ในครั้งนี้ทางสมาคมก็ได้นำนมและน้ำผลไม้ไปฝากน้องดา

 ณ เวลา 09:00 น. เดินทางออกจากอุดรธานี มุ่งสู่วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู เพื่อเยี่ยมพี่ชัย ที่เคยเป็นตนสนามหลวง ใช้ชีวิตอยู่ที่สนามหลวงเป็นเวลาเกือบ 10 ปี พี่ชัยอยู่ในความดูแลของสมาคมฯมาพร้อม ๆ กับครอบครัวของน้องดา แต่พี่ชัยเกิดอาการเจ็บทางกายและภายในจนอาเจียนเป็นเลือด ทางสมาคมจึงหาทางติดต่อไปทางบ้านจนลูกมารับพ่อกลับไปอยู่บ้าน ซึ่งตอนนี้พี่ชัยก็กลับมาทำงานรับจ้างที่บ้าน อยู่กลับญาติพี่น้องและแม่ ถึงแม้จะกินเหล้าเหมือนเดิมหรือน้องลงแล้วในช่วงนี้ แต่ก็ยังดีที่อยู่ในความดูแลของญาติ ซึ่งปัจจุบันพี่ชัยดูดีขึ้น มีความสุขในครอบครัวแลสัญญากับทางสมาคมฯว่าจะไม่กลับมาที่สนามหลวงอีก  ในครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 2 ในการไปเยี่ยมพี่ชัยที่ครั้งที่แล้วเราได้ไปเยี่ยมพร้อมกับน้องดาในการไปตระเวนอีสาน ทางสมาคมฯก็สัญญาว่าถ้ามีโอกาสก็จะไปเยี่ยมอีก

ณ เวลา 13:00 น. เดินทางออกจาก หนองบัวลำภู มุ่งตรงสู่ บ.คลองจอบ ต.ลานสะแก อ.พยัคภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ในที่นี้เราได้พา ตนสนามหลวง ไปเยี่ยมครอบครัวที่บ้านที่จากมาเป็นเวลา 8 ปี คือ เอ็ม(นามสมมติ) ตนสนามหลวง ในครั้งนี้เอ็มได้เดินทางไปกลับทางสมาคมฯและทีมงาน  เพื่อตามร่องรอยการกลับสู่บ้านที่จากมาเป็นเวลา 8 ปี ในครั้งเอ็มถึงกลับน้ำตาไหล ทำให้ทีมงานน้ำตาไหลกันไปตาม ๆ กัน กลับความตื้นตันใจที่ได้เห็นภาพที่ญาติที่ต่างก็ตามหากันได้มาเจอกัน ในครั้งนี้เอ็มได้เจอน้าและป้าที่รักที่สุดที่เลี้ยงเอ็มมาตั้งแต่เด็ก จน 11 ขวบ เอ็มหนี้ออกจากบ้านเพราะต้องหนี้การกระทำทางเพศที่เกิดจากพ่อเลี้ยง และการละเลยจากผู้เป็นแม่ที่กล่าวว่าตนแต่กลับเข้าข้างทางพ่อเลี้ยง จึงทำให้เอ็ม มีอคติกับแม่มาก จนออกมาใช้ชีวิต เร่ร่อน รับจ้างทำงานไปเรื่อย ในสนามหลวง ครั้งนี้เอ็มดีใจมากที่ได้กลับมาเจอน้าและป้าอีกครั้ง และทางสมาคมฯก็สัมผัสได้ว่าทางน้าและป้าของเอ็มนั้นมีความดีใจมากที่ได้ข่าวของหลานหลังจากหายไปเป็นเวลา 8 ปีเต็ม จนเกือบจำทางเข้าบ้านไม่ได้ ทำให้เอ็มได้ติดต่อกับญาติอีกครั้ง และเอ็มตอนนี้ก็เข้ามาเป็นอาสาสมัครของทางสมาคมฯ มาช่วยงานสมาคมฯ และหารับจ้างงานอื่น ๆ เพิ่มเติม มีบ้านอยู่ที่พระราม 2 อยู่กับแฟน ตอนนี้เอ็มก็แวะเวียนมาที่สนามหลวงมาช่วยงานสามคมฯ มารับจ้าง แต่กลับไปนอนบ้าน ความสำเร็จของ Case นี้ อยู่ที่ว่าเขาได้เจอญาติ ได้รับรู้กันว่าต่างคนต่างยังมีชีวิตอยู่ ได้หนทางที่จะติดต่อกันได้ แต่เอ็มก็กลับมาใช้ชีวิตในกรุงเทพเพื่อทำงานเลี้ยงตนเองและลูก เอ็มมีลูกหนึ่งคน ถึงแม้เอ็มอยากกลับไปอยู่บ้าน แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีงานทำ แต่เอ็มก็ดีใจที่ได้เจอญาติ ได้รู้ว่ายังไงก็มีญาติที่ต่างจังหวัดที่ยังให้การต้อนรับและเป็นห่วงเสมอ เพราะตลอดเวลาที่เอ็มหายไปทุกคนก็ยังคิดว่าเอ็มตายหรือยัง จนต้องไปทำพิธีต่าง ๆ ของทางชาวชนบทเพื่อเรียกเอ็มกลับหรือดูว่าเอ็มยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เมื่อได้เจอกันภาพที่สมาคมฯ ได้เห็นคือความดีใจ ป้าของเอ็มถึงกลับกินข้าวไม่ลง ทางสมาคมฯได้ให้เอ็มคุยกับญาติอยู่จน 17:00 น. ก็เดินทางไปหาที่พักในจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเตรียมตัวตามหาญาติป้าพร ตนสนามหลวง  ที่ป้าพรจากมาตั้งแต่อายุ 17 ปี

ณ เวลา 17:00 น. ก็เดินทางมาถึงจังหวัดบุรีรัมย์ หาที่พักกัน และเช้าวันที่ 13 ตุลาคม 2551 เวลา 09:00 น. ม ทีมงาน ออกตามหา บ.ถลุงเหล็ก ต.ถลุงเหล็ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์  ซึ่งเป็นบ้านป้าพร ตนสนามหลวง ที่จากมาตั้งแต่อายุ 17 ปี ซึ่งตอนนี้ป้าพรมีอายุ 54 ปี ป้าพรให้ข้อมูลว่าตอนนี้ที่บ้านมีพี่ชาย อาศัยอยู่แต่ไม่แน่ใจว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เพราะแก่จากบ้านมาตั้งแต่อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นเวลาเกือบ  37 ปี ในการเดินทางมาตามหาญาติป้าพรในครั้งนี้ ป้าพรไม่ได้เดินทางมาด้วยเพราะป้าติดงานที่ป้าพรมาเป็นลุกจ้างล้างจานในร้านข้าวอกงในคลองหลอด เพราะลูกสาวของเจ้านายให้กำเนิดลูก ไม่มีใครช่วยป้าพรจึงหยุดเดินทางมากลับทางสมาคมฯ ไม่ได้  แต่ทางทีมงานก็พยายามถามข้อมูลเก็บข้อมูลของแก่ให้ได้มากที่สุดในการมาตามหาญาติ เพื่อให้ปาพรได้เป็นคนไทยอย่างเต็มตัว เพราะป้าพรออกมาจากบ้านตั้งแต่อายุ 17 ปี บัตรหายก็ไม่ได้ทำบัตร ในครั้งนี้เราไปตามหาญาติป้าพร เพื่อให้ป้าพรได้ทำบัตรและได้เจอญาติ ซึ่งในการตามหาที่แรกที่เราไปถึงคือ อบต. ถลุงเหล็ก เพื่อสอบถามบ้านเลขที่ที่ป้าพรให้มา ซึ่งในครั้งนี้ถือว่าทางทีมงาน โชคดีมากที่ได้เจอรุ่นน้องที่โรงเรียนป้าพร เขาจำชื่อป้าพรได้ จึงได้ข้อมูลมากมาย ในการเข้าไปถึงบ้านป้าพร ได้เจอพี่ชายของป้าพร ซึ่งทางสมาคมฯก็ต่อสายโทรศัพท์ให้ป้าพรได้คุย ป้าพรก็พูดไม่ออก ด้วยความตื้นตันใจร้องไห้ออกมาที่ได้คุยโทรศัพท์กับพี่ชาย คนที่อยู่รอบ  ๆ ก็ดีใจตื้นตันไปพร้อม ๆ กัน ได้พูดคุยกับพี่ชายของป้าพรและหลานของป้าพร(ลูกของพี่ชายป้าพร) ซึ่งข้อมูลก็ตรงกับป้าพรที่เล่าให้ทางสมาคมฯ ฟังหลาย ๆ อย่าง และเราสัญญากลับทางญาติป้าพรว่า เมื่อป้าพรว่างอีกประมาณ 1 เดือน เราจะพาป้าพรกลับมาเจอญาติ  และได้ทำบัตร ได้รู้ว่าตนยังมีญาติ ถึงแม้จะจากกันไปนานเกือบ 2 ช่วงอายุคน แต่ความคิดถึงยังมรอยู่เสมอ รอวันที่จะได้พบเจอกัน พี่ชายป้าพรท่านดีใจมากถ้าท่านไม่ติดงานบุญท่านจะตามมาหาป้าพรที่สนามหลวง เมื่อได้เวลา 10:30 น. ทางทีมงานก็เดินทางกลับมุ่งตรงสู่กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 18:00 น.

ในการเดินทางในการไปเยี่ยม Case 2 คน ตามหาญาติ อีก 2 คน ทำให้เราได้เห็นภาพมากมาย ความคิดถึง เหตุผลที่ทำไมถึงต้องมาเร่ร่อน ความกดดัน การถูกกระทำจากคนรอบ ๆ ข้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เราคิดว่าเราประสบความสำเร็จคือ การย้อนกลับมาสู่ความสุข ที่ได้พบเจอกัน ความคิดถึงที่เก็บมานานหลาย ๆ ปี ที่ไม่สามารถที่จะกลับหรือตามหาได้ ทางสมาคมและทีมงานภูมิใจและตื้นตันที่ได้ทำหน้าที่สะพานเชื่อมคนที่ไม่มีหนทางที่จะกลับบ้านอันด้วยมาจากเหตุผลหลาย ๆ อย่างไม่มีเงิน ถูกกระทำจากสังคมรอบข้าง กลับไม่ได้เพราะเป็นคนแพ้ ต่าง ๆ เหล่า ได้ก้าวเข้าสู่บ้านที่ตนจากมา ได้ก้าวสู้ความอบอุ่นที่เป็นบ้านจริง ๆ ได้ความเข้าใจที่แท้จริง ที่ทางสมาคมมาเป็นสะพานเชื่อมให้  ในการเดินทางครั้งนี้มีความสุขมากที่ได้เห็นภาพที่ญาติไม่เจอกกันเป็นเวลานานหลายปี มาเจอกันอีกครั้ง ทั้งที่การเดินทางนั้นทางทีมงานยังมองภาพไม่เห็นด้วยซ้ำว่าจะเจอบ้านหรือไม่ เจอแล้วจะเป็นเช่นไร แต่กลับหาเจอบ้านทุก Case ต่างคนต่างคิดถึงเป็นห่วงกัน ดีใจจนน้ำตาไหลที่ได้เจอกัน  แม้จะมีเวลาจำกัดแต่ภาพความสุขเหล่านี้คงตราตรึงอยู่ในหัวใจของตนสนามหลวงไปช่วงชีวิต ความสุขที่ได้กลับบ้าน ความสุขที่ได้เจอญาติ ความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัว ถึงจะเงินไม่มากเหมือนที่เคยอยู่ในกรุงเทพ แต่มีความสุขที่ได้นอนในอ้อมกอดแม่ (กรณีพี่ชัยที่ไม่ขอกลับมาที่สนามหลวงอีกขออยู่ที่บ้านอยู่กับแม่ถึงมีรายได้เพียงถอนหญ้าวันละ 150 แต่ก็ดีใจที่ได้อยู่อย่างความรักความอบอุ่นในครอบครัว) หรือการกลับไปในครั้งนี้ทำให้เอ็มมีกำลังที่จะสู้เก็บเงินทำงานเพื่อสักวันจะได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของญาติที่บ้าน ได้รู้ว่าต่างคนต่างมีชีวิตอยู่ ก่อนที่จะจากกันไป 

ในการเดินทางครั้งนี้ก็ขอขอบคุณทางทีมงานของสาระดี(กันตนา) ที่สนับสนุนงบในการเดินทางในครั้งนี้ 

 

 

บันทึกโดย : อัจฉรา อุดมศิลป์

หมายเลขบันทึก: 216393เขียนเมื่อ 13 ตุลาคม 2008 23:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม 2012 22:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท