ได้อ่านข่าว เอแบคโพลล์:
โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. : ใครเลือกใคร
แถลงข่าวโดย ดร.นพดล กรรณิกา
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
เมื่อ 26 กันยายน 2551 ซึ๋งใครจะได้รับเลือกยังไม่ทราบ
แต่ในฐานะที่เป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด ก็อยากจะบันทึก
เรื่อง กรุงเทพฯในความฝันไว้ก่อน
สมัยเมื่อดิฉันยังเด็ก กรุงเทพฯมีความน่าอยู่
มากกว่าเดี๋ยวนี้หลายเท่า รถราไม่แน่นขนัด เวลาเดินตามถนน
ก็ไม่อบอวลไปด้วยควันท่อไอเสีย เวลานั่งเรือลัดเลาะไปตามคลอง
น้ำในคลอง ก็ไม่เหม็น และเน่าเสีย เช่นในปัจจุบันนี้
กรุงเทพฯ
เมืองแห่งความเจริญ
ที่มาพร้อมกับความเสื่อมโทรม
กรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางของธุรกิจ
การศึกษา อุตสาหกรรม การเมือง
และการบริการต่างๆ เป็นที่แสวงโชคของชาวชนบทหลายๆคน
แต่ก็เป็นทั้งสวรรค์และเป็นที่น่ารังเกียจของคนอีกมากมายเช่นกัน
ที่ผ่านมา หน่วยงานกรุงเทพมหานคร
ได้พยายามทำให้กรุงเทพฯเป็นเมืองที่น่าอยู่
โดยมีการปรับปรุงในด้านต่างๆมากมาย และล่าสุด ก็ประสบความสำเร็จ
ในระดับหนึ่ง ที่
ทราเวล แอนด์
เลเชอร์
นิตยสารการท่องเที่ยวชื่อดังจากอเมริกา
เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นทางออนไลน์
ระบุว่า...
กรุงเทพมหานคร (กทม.)
ได้รับเลือกเป็นเมืองที่ดีที่สุดในโลกประจำปีนี้
คนไทยทุกคน โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ
ก็คงดีใจกับข่าวนี้ แต่สิ่งที่ประชาชน โดยเฉพาะดิฉัน
อยากได้มากกว่า .......
คือ นอกจากเราอยากปัญหาของความคับคั่งของจราจร ได้บรรเทา
เบาบางลงบ้าง
เราก็ยังอยากจะเห็นการสร้างพื้นที่สีเขียว ให้กระจายไปทั่วเมือง
มากกว่าที่เป็นอยู่
อยากเห็นกรุงเทพฯ เขียวชอุ่ม ร่มรื่นด้วยต้นไม้ค่ะ
ซึ่งผลที่ได้อันดับแรกเลย คืออากาศที่สดชื่น บริสุทธิ์ขึ้น
แม้จะดีไม่เท่าต่างจังหวัด ที่คนไม่หนาแน่น
ก็ยังดีกว่าที่จะไม่มีช่องว่างสำหรับอากาศดีๆเสียเลย ซึ่งในขณะนี้
แม้ตามทางเท้า เกาะกลางถนน
จะมีสวนริมทางอยู่บ้างแล้ว ก็ยังน้อยไป
ปัจจุบัน กรุงเทพฯ มีส่วนสาธารณะ ทั้งสิ้น 620 แห่ง
รวมพื้นที่ทั้งสิ้น 4880 ไร่ แต่จะน่าอยู่มากกว่านี้ ถ้าเรามีสวนสาธารณะ ให้มากขึ้น
ให้ครบทุกเขต
เพราะประชาชนจะได้มาพักผ่อนออกกำลังกาย จัดกลุ่มดนตรีหรือศิลปะต่างๆ
ในยามว่าง และให้อยู่ในระยะที่ สามารถเดินหรือขี่จักรยานมาก็ได้
เพราะสิ่งเหล่านี้ เป็นความจำเป็น เป็นอาหารตา อาหารใจ
และเป็นความสุนทรีย์ ของชีวิต
ซึ่งจะส่งผลดีแก่สุขภาพโดยรวมของประชาชนเช่นกัน
ปัจจุบัน
รัฐบาลมีนโยบายสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่ประชาชนอย่างมาก
ดังนั้น ตามสวนต่างๆในกทม.จึงมีการจัดกิจกรรม เดิน วิ่งและแอโรบิค
เพื่อสุขภาพ พร้อมทั้งรับการตรวจมวลกระดูก ตรวจสมรรถภาพร่างกาย
เพื่อเลือกการออกกำลังกายให้สมวัย ฟรี อยู่บ่อยๆ เช่น
ในวันสุดสัปดาห์ของเดือนกันยายนนี้ ก็จะมีกิจกรรมนี้
ที่สวนจตุจักรและสวนวชิรเบญจทัศ(
สวนรถไฟ)เป็นต้น
จริงๆแล้ว ในเรื่องของสวน ก็มีตั้งหลายแบบ เช่น
สวนพฤกษศาสตร์ สวนเกษตร สวนสมุนไพร สวนพันธุ์ไม้ไทย สวนสนุก
สวนไม้ดอก สวนน้ำ สวนกุหลาบ สวนกล้วยไม้ สวนศิลป สวนประติมากรรม
ลานธรรม ลานสมาธิ ลานออกกำลังกาย เป็นต้น
แต่ สวนบางประเภท
แม้เปิดให้ประชาชนเข้าไปใช้ฟรี
แต่ก็ไม่นับรวมไว้ในประเภทของสวนสาธารณะ
เช่น สวนพฤกษศาสตร์ (botanic gardens)
สวนรุกขชาติ (arboretums)
อุทยานสาธารณะ (public gardens)
สวนสนุก (amusement parks)
สวนสัตว์ (zoological gardens)
อุทยานแห่งชาติ (national parks)
และวนอุทยาน (forest parks)
รวมทั้งแหล่งสงวนพันธุ์สัตว์ป่า (wildlife sanctuary)
และเขตห้ามล่าสัตว์ป่ (non-hunting Areas)
ทั้งนี้
เนื่องจากสวนหรือสถานที่ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เฉพาะและมีข้อจำกัดในการใช้งาน
มีการบริหารจัดการและแหล่งงบประมาณจัดสร้างแตกต่างกัน
นอกจากนี้ ยังมี สวนหย่อม
ตามถนนหรือสวนสัตว์จำลองตามบาทวิถีต่างๆ
ในกรุงเทพมหานครในยุคปัจจุบันที่ไม่นับเป็นสวนสาธารณะ
แต่ถือเป็นเป็นพื้นที่สีเขียวของเมือง
ดังนั้น จึงยังจำเป็น
ต้องมีสวนสาธารณะอยู่ดี ซึ่งรูปแบบสวน
ก็น่าจะกลมกลืนไปกับความเป็นเมือง ที่เต็มไปด้วย ตึกรามบ้านช่อง
ที่เป็นป่าคอนกรีตเสียมากเช่นกัน
ดังนั้น ถ้าจะปลูกต้นไม้ใหญ่ๆ
ทำเป็นสวนป่า
ขนาดย่อมๆ ในเขตทุกเขตของกรุงเทพฯ ในจุดที่เหมาะสม
ก็น่าจะเป็นการเพิ่มปอด ลดมลพิษ ให้กรุงเทพฯเพิ่มขึ้นอีกได้
ดิฉันเห็นว่า กรุงเทพฯเป็นเมืองใหญ่ ยังมีที่ว่างอีกมาก
ที่จะปลูกต้นไม้ใหญ่ได้ ซึ่ง ถ้ามีการรณรงค์ ให้ประชาชน
หน่วยงานราชการ องค์กร บริษัทห้างร้านต่างๆ มาร่วมด้วย ช่วยกัน เช่น
ปลูกต้นไม้คนละ 1 ต้น ในชุมชน แล้วทำป้ายแขวนตั้งชื่อต้นไม้ของตนเอง
เป็นต้น
คนกรุงเทพฯก็จะได้รับอ็อกซิเจนมากขึ้น
แม้ยังไม่เห็นผลชัดเจนในวันนี้ แต่วันหน้า ลูกหลานของเรา
ก็จะได้รับผลดีนี้แน่นอน
ดิฉันหลับตา
ฝันเห็นกรุงเทพฯ ที่มีบรรยากาศที่ร่มรื่น สะอาด
สบายตา สบายใจ ผู้คนมีความสุข
มีความสุนทรีย์ในการดำรงชีวิตอยู่ มีสวนเขียวๆอยู่ทุกเขต
หรือเป็นร้อยแห่ง ถ้าเป็นจริงเมื่อไร กรุงเทพฯจะเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากที่สุดในโลก
สำหรับนักท่องเที่ยว
อย่างแท้จริง
เพราะที่นี่ จะมีทุกสิ่ง
ไม่เฉพาะแต่การเป็นแหล่งอาหารอันสมบูรณ์
เรื่องการบันเทิงอันเลื่องชื่อ ช้อปปิ้งราคาถูก
การบริการดีเยี่ยม
ผู้คนที่มีรอยยิ้มและอัธยาศัยไมตรีที่น่าประทับใจ
แต่กรุงเทพฯยังร่มรื่น
เขียวขจี สะอาดสะอ้าน มาแล้ว ก็อยากมาอีกเสียนี่กระไร
ชม Queen Sirikit Park -Bangkok ที่นี่ค่ะ
ชม Suan Luang Rama IX
Park ที่นี่ค่ะ
ชม Vachirabenjatat Family Park ---Train Park ที่นี่ค่ะ
ชม
Benjasiri Park ที่นี่ค่ะ