Full Moon


เพลงพระราชนิพนธ์ แสงเดือน หรือ Magic Beams เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๒๗ ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใน พ.ศ. ๒๕๐๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย เพลงพระราชนิพนธ์นี้มีลีลาชดช้อย อ่อนหวาน สง่างาม เหมาะสำหรับประกอบการเต้นบัลเล่ต์ จึงได้พระราชทานให้อัญเชิญไปประกอบการแสดงบัลเล่ต์ในงานสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๑ ต่อมาได้นำออกบรรเลงในงานสมาคมนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกาในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๑


เนื้อ เพลงพระราชนิพนธ์ แสงเดือน

นวล...แสงนวลผ่องงามตา
แสงจันทรา...ส่องเรืองฟากฟ้าไกล
งาม...แสงงามผ่องอำไพ
ย้อมดวงใจ...ให้คงคลั่งใคล้เดือน
ชมแล้วชมเล่า เฝ้าชะแง้แลดู
เพลินพิศเพลินอยู่ ไม่รู้ลืมเลือน
เดือน...แสงเดือนผ่องวันเพ็ญ
แสงจันทร์เพ็ญ...เด่นงามใดจะเหมือน
โฉมงามเทียบ เปรียบเดือนแสงงาม


ใน นิทานเวตาล เรื่องที่ ๙ พระนิพนธ์ใน กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส.) ได้กล่าวถึง พระจันทร์/ดวงเดือน ไว้ความว่า

 

เพ็ญพระจันทร์นั้นสว่างแต่ข้างขึ้น กระต่ายมึนเมาเพ็ญจนเป็นบ้า
อันทรามวัยใสสุกทุกเวลา             น้ำใจข้าเมามึนทั้งขึ้นแรม
ได้ยลพักตร์รักเหลือไม่เบื่อรัก       อกจะหักเพราะอนงค์ศรทรงแหลม
ให้แค้นคิดจิตเจ็บที่เหน็บแนม       ไม่ยิ้มแย้มเยื้อนให้ชื่นใจเอยฯ



เมื่อพูดถึงว่าด้วย เรื่องพระจันทร์เต็มดวง ก็ทำให้ผู้เขียนนึกถึง คำศัพท์ Moonstruck ซึ่งหากเทียบกับเนื้อหาในบทเพลงพระราชนิพนธ์ แสงเดือน ก็คงจะตรงกับท่อนที่ว่า   คลั่งใคล้เดือน และเมื่อเทียบกับนิทานเวตาล คำว่า Moonstruck นี้คงจะตรงกับ คำกลอนในบาทที่ว่า กระต่ายมึนเมาเพ็ญจนเป็นบ้า นั่นเอง

เมื่อพูดถึงว่าด้วยเรื่องของพระจันทร์ ทำให้ผู้เขียนนึกถึง   Full Moon party ซึ่งถือเป็นงานเลี้ยงที่เกี่ยวเนื่องด้วย ความรักและพระจันทร์

Full Moon party อ่านว่า เฟิลมูน พาที : งานเลี้ยงในวันพระจันทร์เต็มดวง
Fool Moon  party อ่านว่า ฟูลมูน พาที : งานเลี้ยงแบบโง่ๆ ที่จัดขึ้นในยามพระจันทร์เต็มดวง (แปลแบบคนไม่เก่งไวยากรณ์)


สำหรับคำว่า Full Moon นั้นในภาษาญี่ปุ่น เรียกว่า มิซึกิ  (พระจันทร์เต็มดวง) สำหรับในประเทศไทยนั้นในยุคหลัง ที่กระแสวัฒนธรรมตะวันตกไหลบ่าเข้ามา คนไทยรับเอาวัฒนธรรม Full Moon party เข้ามาอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ จะเห็นได้ว่า พระจันทร์มีอิทธิพลทางด้านจิตใจ เกี่ยวเนื่องด้วยความรัก กวี และนักประพันธ์เพลง มักจะบรรยายถึง พระจันทร์ และความรักอยู่เสมอๆ ทั้งในอดีตและในยุคปัจจุบัน

ท่ามกลาง Full Moon party ซึ่งมีเสียงเพลงและการละเล่นเต้นรำ เด็กผู้หิวโหยอดอยากผู้หนึ่ง กำลังอ้อนวอนต่อพระจันทร์เต็มดวง ว่า

 “จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง ขอแหวนของแดง ผูกมือน้องข้า ขอช้างขอม้า ให้น้องข้าขี่ ขอเก้าอี้ ให้น้องข้านั่ง ขอเตียงตั่ง ให้น้องข้านอน ข้อยายพร เลี้ยงน้องข้าเถิด ข้อยายเกิดเลี้ยงตัวข้าเอง


ในประเทศไทย และในโลกอันแร้นแค้นนี้  ยังมีเด็กน้อยผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ที่กำลังรอคอยความช่วยเหลือจากผู้มีน้ำใจอีกมาก เขาไม่มีข้าวไม่มีแกง ที่จะกลืนกินลงลำคอ  ขอจากใครก็ขอไม่ได้ ได้แต่วอนขอจากพระจันทร์วันเพ็ญ ในขณะที่ผู้ มึนเมาเพ็ญจนเป็นบ้า/คลั่งใคล้เดือน  กลุ่มหนึ่งกำลัง ดื่ม กิน  อย่างเกินพอดี นี่ล่ะหรือคืออิทธิพลของพระจันทร์เกี่ยวเนื่องด้วยความรัก

ความรักที่ยิ่งใหญ่ นั้น ย่อมเริ่มต้นจากความรักในตนเอง แล้วขยายไปยังพ่อแม่พี่น้อง ความรักต่อลูก ความรักระหว่างผัวเมีย ความรักต่อมิตรสหาย  ความรักต่อผู้ที่เป็นศัตรู  แผ่ขยายออกไปเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือความรักเพื่อมวลมนุษยชาติ

ถ้าขอได้ ผู้เขียนอยากวอนขอต่อ Full Moon  อยากวอนขอ  เพื่อขอโอกาสให้กับเด็กน้อยผู้ด้อยโอกาสทางสังคม อยากขอให้ความรักที่เกิดขึ้นในงาน Full Moon party นั้น เกิดขึ้นและขยายกว้างขวางขึ้น เป็นความรักเพื่อมวลมนุษยชาติ เพราะเป็นความรักที่กว้างใหญ่ หาได้คับแคบอยู่เฉพาะ ความรักฉันชู้สาว เพราะในโลกอันแร้นแค้นนี้ ยังมีผู้ที่ทุกข์ยากมากกว่าเรามากมายนัก  ถ้าเรายังมัวเฝ้ามองแต่ความ ทุกข์ ของตัวเราเอง ย่อมที่จะทำให้ มองไม่เห็นความทุกข์ยากของผู้อื่น

ในทางกลับกันถ้าเรามัวแต่มองหาความสุขให้กับตัวเอง ก็จะลืมมองหาความสุขให้กับผู้อื่น  โบราณเรียกว่า คนเห็นแก่ตัว คือมัวแต่มองหาความทุกข์ของตัวเอง และพยามมองหา แสวงหา ความสุข เพื่อตัวเอง ซึ่งผู้อื่นนั้น เขาก็อาจจะมีความทุกข์มากกว่าเราก็เป็นได้ และเขาเหล่านั้นอาจจะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาและไม่มัวมานั่งโศกเศร้าให้เสียเวลาเหมือนเรา เช่นนั้นแล้ว ไฉนเรายังจะมัวมานั่งโศกาดูรพูนเทวษ ควรคิดที่จะมีกำลังใจในการดำเนินชีวิต ในทางที่ถูกที่ควรต่อไป และเมื่อมีโอกาสก็ควรช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่าเรา ความรักที่มอบให้กับมวลชนผู้ทุกข์ยากนี้ เป็นความรักที่บริสุทธิ์ อิ่มเอิบ สดใส หาที่สุดมิได้



ปล. รูปอีแร้ง(ทึ้ง) กำลังจะกินเด็ก ถ้าผมเป็นเด็กจะกินมันก่อน
รูปโดย คุณพี่อาจารย์ พรรณา ผิวเผือก
รูปนี้สร้าง แรงบรรดาลใจในการเขียนบันทึกในครั้งนี้ ขอบคุณครับ

คำสำคัญ (Tags): #full moon#แสงเดือน
หมายเลขบันทึก: 206731เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2008 23:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

มาอ่านแล้ว ชอบครับ...

คนลำบากในโลกนี้ ในสังคมนี้มีอีกมากมาย

รูปอีแร้ง...กำลังจะทึ้งเด็ก ได้อารมณ์มากครับ...

....อยากวอนขอ  เพื่อขอโอกาสให้กับเด็กน้อยผู้ด้อยโอกาสทางสังคม อยากขอให้ความรักที่เกิดขึ้นในงาน Full Moon party นั้น เกิดขึ้นและขยายกว้างขวางขึ้น เป็นความรักเพื่อมวลมนุษยชาติ เพราะเป็นความรักที่กว้างใหญ่ หาได้คับแคบอยู่เฉพาะ ความรักฉันชู้สาว สาธุ

งานดี ๆ แบบนี้ ควรเผยแพร่มาก ๆ นะครับ

ขอบคุณมากครับที่แบ่งปันความคิดดี ๆ

ขอบคุณครับคุณใบโพธิ์ รูปอีแร้งที่กำลังรอจะ กิน (ทึ้ง)เด็ก นี้ แรกเห็นผมก็อึ้งเหมือนกันครับ คนที่คิดว่าตัวเองมีทุกข์ในใจ ภาพนี้สะท้อนให้เห็นได้ดีเลยทีเดียว ว่า ในโลกอันแร้นแค้นนี้ ยังมีผู้ที่ทุกข์ยากมากกว่าเรามากมายนัก  ถ้าเรายังมัวเฝ้ามองแต่ความ ทุกข์ ของตัวเราเอง ย่อมที่จะทำให้ มองไม่เห็นความทุกข์ยากของผู้อื่น (ในทางกลับกันถ้าเรามัวแต่มองหาความสุขให้กับตัวเอง ก็จะลืมมองหาความสุขให้กับผู่อื่น : โบราณเรียกว่า คนเห็นแก่ตัว คือมัวแต่มองหาความทุกข์ของตัวเอง และพยามมองหา แสวงหา ความสุข เพื่อตัวเอง) ซึ่งผู้อื่นนั้น เขาก็อาจจะมีความทุกข์มากกว่าเราก็เป็นได้ และเขาเหล่านั้นอาจจะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาและไม่มัวมานั่งโศกเศร้าให้เสียเวลาเหมือนเรา เช่นนั้นแล้ว ไฉนเรายังจะมัวมานั่งโศกาดูรพูนเทวษ ควรคิดที่จะมีกำลังใจในการดำเนินชีวิต ในทางที่ถูกที่ควรต่อไป และเมื่อมีโอกาสก็ควรช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่าเรา ความรักที่มอบให้กับมวลชนผู้ทุกข์ยากนี้ เป็นความรักที่บริสุทธิ์ อิ่มเอิบ สดใส หาที่สุดมิได้

  • แวะมาเยี่ยม..
  • สุดยอดนักกวีเอก..
  • สบายดีนะคะ

สวัสดีค่ะ

* ชื่นชอบบทสรุปค่ะ

    "ในทางกลับกันถ้าเรามัวแต่มองหาความสุขให้กับตัวเอง ก็จะลืมมองหาความสุขให้กับผู้อื่น  โบราณเรียกว่า คนเห็นแก่ตัว คือมัวแต่มองหาความทุกข์ของตัวเอง และพยามมองหา แสวงหา ความสุข เพื่อตัวเอง ซึ่งผู้อื่นนั้น เขาก็อาจจะมีความทุกข์มากกว่าเราก็เป็นได้ และเขาเหล่านั้นอาจจะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาและไม่มัวมานั่งโศกเศร้าให้เสียเวลาเหมือนเรา เช่นนั้นแล้ว ไฉนเรายังจะมัวมานั่งโศกาดูรพูนเทวษ ควรคิดที่จะมีกำลังใจในการดำเนินชีวิต ในทางที่ถูกที่ควรต่อไป และเมื่อมีโอกาสก็ควรช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่าเรา ความรักที่มอบให้กับมวลชนผู้ทุกข์ยากนี้ เป็นความรักที่บริสุทธิ์ อิ่มเอิบ สดใส หาที่สุดมิได้ "
* ในความคิดคำนึงของครูพรรณา ที่มีต่อภาพนี้มองเพียงติ้นๆ ว่า....แร้งมันรักศักดิ์ศรีในการดำรงชีพของมัน...คือกินสิ่งที่เจ้าของร่างละทิ้งแล้ว  มันเฝ้ารอให้เด็กน้อยนี้สิ้นลมเสียก่อน .....ดูซิหัวสมองอีแร้งมันนิดเดียว  มันยังรู้จักรอคอย  แต่มนุษย์เราหัวสมองเบ่อเร่อเบ้อร่าเหตุไฉนจึงแย่งชิง....ดูให้เห็นเป็นขำๆ อีแร้งมีจิตใจที่งดงาม   มันเฝ้ารออยู่ด้านหลัง.....คงเกรงเด็กน้อยจะหวาดกลัวก่อนสิ้นลม ....

* ถ้าครูพรรณา เป็นเด็กคงไม่กล้าสู้อีแร้ง  เพราะตัวมันใหญ่ เรี่ยวแรงก็มากกว่า...ลำพังจะหยิบหินสักก้อนขว้างหัวอีแร้งชนิดเป้งเดียวจอด...คงเป็นไปได้ยาก.....คิดตามประสาคนขี้ขลาด  ใจอ่อน  และอ่อนใจในโชคชะตา...ขอตายซะดีกว่า

* บรรยากาศยามบ่ายสบายๆ จากมุมหนึ่งของหลังบ้าน

S5006915

ขอบคุณครับคุณพี่ สีตะวัน ที่แวะเข้ามาเยี่ยม หวังใจว่าผู้ที่เข้ามาอ่านบันทึกนี้ ในยามที่มองเห็นดวงจันทร์วันเพ็ญจะได้เห็นอนุสติ อะไรบางอย่าง และจะมองเห็นความงามของดวงจันทร์ในอีกแง่มุมหนึ่ง 

ขอบคุณสำหรับภาพดอกบัวดินสีชมพู ครับ คุณพี่อาจารย์ พรรณา ผิวเผือก

ในความคิดคำนึงของครูพรรณา ที่มีต่อภาพนี้มองเพียงติ้นๆ ว่า....แร้งมันรักศักดิ์ศรีในการดำรงชีพของมัน...คือกินสิ่งที่เจ้าของร่างละทิ้งแล้ว  มันเฝ้ารอให้เด็กน้อยนี้สิ้นลมเสียก่อน .....ดูซิหัวสมองอีแร้งมันนิดเดียว  มันยังรู้จักรอคอย  แต่มนุษย์เราหัวสมองเบ่อเร่อเบ้อร่าเหตุไฉนจึงแย่งชิง....ดูให้เห็นเป็นขำๆ อีแร้งมีจิตใจที่งดงาม   มันเฝ้ารออยู่ด้านหลัง.....คงเกรงเด็กน้อยจะหวาดกลัวก่อนสิ้นลม ....

อาจารย์ครับ สบายใจได้นะครับเด็กคนนนี้ยังไม่ตายครับ เพราะมีผู้ใจบุญ ได้ให้โอกาสทางการศึกษาแก่เขา ปัจจุบันนี้ เขาคือ



บาราก ฮุสเซน โอบามา ( Barack Hussein Obama) นักการเมืองอเมริกัน ปัจจุบันเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตัวแทนจากรัฐอิลลินอยส์ สังกัดพรรคเดโมแครต ปัจจุบันกำลังลงสมัครชิงตำแหน่ง ตัวแทนพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 2008 เขาเป็นคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันคนที่ 5 ที่ได้ดำรงตำแหน่งเป็น สมาชิกวุฒิสภาในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา และเป็นคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันคนเดียว ที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาในปัจจุบัน (1)

เห็นมั้ยล่ะครับว่า ถ้าเรามองเห็นความทุกข์ของคนอื่นเสมือนว่าเป็นความทุกข์ของเรา พร้อมทั้งไม่ย่อท้อที่จะให้ความช่วยเหลือแก่เขาเท่าที่เราจะทำได้ เด็กตัวน้อยๆ ในภาพนี้ก็อาจจะได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐ ก็ได้ว่ามั้ยครับ  

ปล. คคห. ที่ 6 ข้างบนผมจับแพะชนแกะนะครับ ภาพทั้งสองภาพไมได้เกี่ยวข้องกันเลย :)

คุณกวิน ครับ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีโอกาส เดินทางไปนครราชสีมา เดินเล่นที่เดอะมอลล์ครับ เข้าร้านนายอินทร์ ได้หนังสือมา 3 เล่มครับ เล่มแรก ศาสตร์แห่งความหดหู่และสิ้นหวัง(โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี 6) และเล่มที่ 2 เรื่อง เงินทองของ(ไม่)หมู ------>ทั้ง 2 เล่ม แต่งโดย วรากรณ์ สามโกเศศ

ส่วน เล่มสุดท้ายนั้น น่าสนใจอย่างยิ่งครับ (จริงๆ หนังสือก็น่าสนใจเกือบหมดนั่นแหละ ผมว่า )เรื่อง 4 ปี นรกในเขมร เขียนโดย ยาสึโกะ นะอิโต แปลโดย ผุสดี นาวาวิจิต อ่านแล้ววางไม่ลงเลยนะครับ

  • เพลงพระราชนิพนธ์ แสงเดือน
  • สมัยเป็นนิสิต วิทยาลัยการศึกษาพิษณุโลก
  • เขาขาดแคลนนักร้อง จึงได้มีโอกาสร้องเพลงนี้
  • ออกอากาศด้วยนะ เลยชอบมาก
  • อีกเพลงที่ชอบคือ เพลงพระราชนิพนธ์ แสงเทียน
  • ขอบคุณที่ทำให้คิดถึงอดีตที่อยากกลับไปใหม่จัง

ในภาพ เขาอาจตัดตอนมาก็ได้นะคะ พ่อแม่็อยู่ไหนนี่ บางทีแร้งอาจะคอยกินทรากของตายอะไรอย่างอื่นก็ได้ค่ะ

อ่านบันทึกของกวินแล้วได้ประโยชน์..ดีกว่าดูโทรทัศน์..ตอนมีข่าว..ข่าวที่ผมดูแล้วอารมณ์ดีคือข่าวในพระราชสำนักครับ

ขอบคุณๆ tawan ครับขอให้มีความสุขกัยการอ่านหนังสือนะครับ

สวัสดีครับท่านอาจารย์ ผอ.ประจักษ์~natadee เพิ่งทราบนะครับว่าเป็นนักร้องประจำมหาวิทยาลัยมาก่อน..ถืเป็นความภาคภูมิใจมากๆ เลยนะครับ

  • น้องกวิน เด็กคนนั้นเป็นเด็กผู้หญิงค่ะ ภาพนี้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ The New York Times เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ปี 1993
  • ภาพนี้คนที่เป็นช่างภาพทุกคนต้องรู้จัก เพราะเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่เป็นช่างภาพทุกคน
  • ภาพนี้ได้รางวัลพูลิตเซอร์($10,000 cash award and a certificate)ในปี 1994  ช่างภาพคือ Kevin Carter ช่างภาพสารคดี ชาวแอฟริกาใต้
  • ลองอ่านประกาศเกียรติคุณของผู้ได้รับรางวัลข้างล่างดูสิคะ
Feature Photography
Kevin Carter, a free-lance photographer
For a picture first published in The New York Times of a starving Sudanese girl who collapsed on her way to a feeding center while a vulture waited nearby
  • น่าเศร้ามากๆ สองเดือนหลังจากที่ได้รับรางวัล เควิน คาร์เตอร์ ที่พึ่งจะมีอายุ 33 ปี ฆ่าตัวตายด้วยการดมก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ ในรถปิกอัพที่จอดอยู่ริมแม่น้ำเพราะเขารู้สึกเสียใจมากๆและทนไม่ได้ที่ต้องทรมานด้วยการเห็นภาพหลอน และเขายังถูกวิจารณ์ว่าวันนั้นเขาทำเพียงไล่นกแร้งไป แต่ไม่ช่วยพาเด็กหญิงคนนี้ไปส่งยังศูนย์ช่วยเหลือที่อยู่ห่างออกไป 1 กิโลเมตร
  • ในจดหมายลาตายของเขาเขียนไว้ว่า

    "I am depressed ... without phone ... money for rent ... money for child support ... money for debts ... money!!! ... I am haunted by the vivid memories of killings and corpses and anger and pain ... of starving or wounded children, of trigger-happy madmen, often police, of killer executioners...I have gone to join Ken if I am that lucky."

  • Silva เพื่อนของเขาเล่าถึงเหตุการณ์ขณะที่เขาถ่ายภาพในวันนั้นว่า ...He heard a soft, high-pitched whimpering and saw a tiny girl trying to make her way to the feeding center. As he crouched to photograph her, a vulture landed in view. Careful not to disturb the bird, he positioned himself for the best possible image. He would later say he waited about 20 minutes, hoping the vulture would spread its wings. It did not, and after he took his photographs, he chased the bird away and watched as the little girl resumed her struggle. Afterward he sat under a tree, lit a cigarette, talked to God and cried. "He was depressed afterward," Silva recalls. "He kept saying he wanted to hug his daughter."

  •  

    เรื่องราวของเขาถูกนำมาทำเป็นหนังสั้น ออกฉายเมื่อปี 2005 ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งได้รับรางวัลมากมาย ชื่อเรื่อง The Death of Kevin Carter: Casualty of the Bang Bang Club

  • อ้าวกดเร็วไปหน่อย ...ในฐานะคนที่ชอบถ่ายภาพพี่เข้าใจว่าช่างภาพมืออาชีพมักต้องการรูปที่ดีที่สุด แต่การที่เขารอถึง 20 นาทีเพื่อให้ได้ภาพแร้งกางปีกโฉบเหยื่อ มันเกินจะทนได้ ...ความรู้สึกผิดจากเหตุการ์ในวันนั้นเป็นส่วนนึงที่ทำให้เขาฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นข่าวดังไปทั่วโลก และทุกคนเรียกหาจรรยาบรรณของผู้ที่ทำหน้าที่สื่อค่ะ

ภาพนี้ เคยได้รับจาก fwd mail และเคยได้อ่าน fwd mail ที่ comment ตามว่า

ช่างภาพคนนี้ไม่ลงมือทำอะไรที่ดีกว่า นั่งรอจังหวะดีๆ ในการกดชัตเตอร์หรือไร

เพิ่งทราบข้อมูลเพิ่มเติมจาก ความเห็นข้างบน ...

ช่างภาพได้รับรางวัล ...แต่เงินรางวัลที่ได้มา ก็สายเกินกว่าจะให้ความช่วยเหลือใดๆ แต่เด็กน้อย

ความรู้สึกผิดที่ค้างคาเต็มใจ ทำให้เค้าปลิดชีวิตตนเองในวัยฉกรรจ์เช่นนี้

น่าเสียใจ...และน่าเสียดาย

แต่เชื่อว่า หลังจากภาพนี้ได้รับรางวัล ได้ fwd ต่อไปเรื่อยๆ

ความช่วยเหลือจากแหล่งต่างๆ คงเดินทางไปถึงหมู่บ้าน เมือง หรือประเทศ ที่ต้องการความช่วยเหลือเหล่านี้

ไม่วิธีการใด ก็วิธีการหนึ่ง

หวังใจว่าจะเป็นเช่นนั้น....

คุณกวินเริ่มเรื่องที่ควรจะเป็นเรื่องสุข ...แต่ลงท้ายได้เศร้าใจอย่างยิ่ง...

ขอบคุณพี่  Sasinand ที่แวะมาเยี่ยมครับ

ขอบพระคุณท่านอาจารย์ พิสูจน์ ที่แวะมาเยี่ยมเช่นกันครับ  

กราบแทบตัก คุณพี่อาจารย์ ดร.นารี ครับ (naree suwan) ผมถึงว่าผมคุ้นๆ ภาพนี้มากๆ ที่แท้ก็เป็นภาพที่ใช้เป็นปกหนังสือด้วย แต่ผมไม่ได้สนใจซื้อมาอ่าน (ไม่ถูกจริต) แต่วันนี้ได้คุณพี่อาจารย์ ดร.นารี ช่วยสรุปเรื่องราวให้อ่านคร่าวๆ แล้วก็ได้อนุสติ นะครับขออนุญาตนำอนุทินที่ตอบพี่ศศินันท์มาตอบไว้ณที่นี้นะครับ

โดย กวิน @20300 
 
วันนี้ผมมานั่งนึกถึง โทมัส อัลวา เอดิสัน ผู้ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า ผู้ทำการทดลองหลายพันครั้งแต่ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ แต่ด้วยความพยายาม ในที่สุด เอดิสัน ก็ทำสำเร็จ อนุสติ ในเรื่องนี้หลายคนมักที่จะมองว่า เอดิสัน นั้นมีความพยามในทางที่ถูกที่ควร แต่วันนี้ผมมานั่งพิจารณา ได้อนุสติอีกข้อหนึ่งที่ว่า "ถ้า เอดิสัน ทำผิด แล้วไม่ยอมแก้ไขปรับปรุง ทำผิดเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ซากๆ ยกตัวอย่างเช่นใช้ลวดทองแดงทำไส้หลอดไฟ แน่นอนว่าใช้ไปสักพักไส้หลอดมันก็จะขาด ถ้า เอดิสัน ยังดันทุรัง ไม่แก้ไขในสิ่งที่ผิด อาศัยแต่ความเพียร  เพียงอย่างเดียว ชีวิตของเอดิสัน ก็คงยังต้องมืดมนไม่ไสวสว่าง"   อนุสติเรื่อง The Death of Kevin Carter: Casualty of the Bang Bang Club ก็เช่นเดียวกัน ถ้า kevin พิจารณาความผิดพลาดของตนเองโดยแยบคาย ว่า สิ่งที่ตนทำผิดพลาดแล้วในอดีต แก้ไขไม่ได้ อนาคตก็ยังมาไม่ถึง และมุ่งทำปัจจุบันขณะ ให้ดีที่สุด และจะไม่ทำผิดแบบเดิมซ้ำสอง ชีวิตของ kevin น่าจะไสวสว่างเหมือน เอดิสัน ว่ามั้ยครับ ความโศกาดูร ก็ดี ความทุกข์ยากก็ดี ความแร้นแค้นขื่นขมก็ดี หากเรานำมาพิจารณาโดยแยบคาย อยู่เสมอๆ ก็จะเกิดปัญญา ได้นะครับพี่ ขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพียงเท่านี้ก่อน

ขอไว้อาลัย แด่เด็กหญิงผู้เสียชีวิต และขอไว้อาลัยแด่ Kevin Carter ครับ

สวัสดีค่ะ

* ขอบคุณ คุณกวินทรากรและคุณP naree suwan  ทีให้ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ

* ขอร่วมไว้อาลัยแด่เด็กหญิงผู้เสียชีวิต และขอไว้อาลัยแด่ Kevin Carter

ได้ มรณานุสติ นะครับ คุณพี่อาจารย์พรรณา

คุณกวินคะ

แปลกใจผ่านตาบันทึกนี้ไปได้ยังไง...เสียชื่อแฟนพันธุ์แท้หมดเลย...

จะทำสิ่งใด ตั้งมั่นทำไป อย่ามัวขอดาวขอเดือน ...เลย...

เบื่อคนช่างขอ เหมือนกันค่ะ เขาว่าคนช่างขอ ชอบขอก็เพราะ เขาขาด น่ะ ... จะว่าไป หากรู้จักเติมเต็มด้วยตัวเองแล้ว....

เราก็ไม่ต้องรอ อ้อนวอน ขอใครอีกต่อไป...

มีความสุขมาก ๆ กับการไม่เป็น คนช่างขอ เพราะมีจนพอแล้วกันนะคะ

(^__^)

อกจะหักเพราะอนงค์ศรทรงแหลม


อนงค์ มาจาก อ+องค์ =ไม่มีร่างกาย/ไม่มีองค์ เป็นฉายาของ กามเทพ ในเมืองแขก

กามเทพ แผลงศรใส่พระศิวะ พระศิวลืมตาที่สาม ตาที่สามนี้ เพ่งไปที่กามเทพ กามเทพจึงไหม้เป็นจุรณ ไป จึงได้ฉายาว่า อนงค์ คือผู้ไม่มีร่างกาย เพราะถูกตาที่สามของพระศิวะเผาไหม้แล้วนั้นเอง

อกจะหักเพราะอนงค์ศรทรงแหลม

กามเทพ ทรงถือ ศร อันแหลมคมเป็นอาวุธ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท