กับการเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดช่วงวันแม่ปีนี้ ช่างแตกต่างจากปีก่อนๆ เสียนี่กระไร วัน เวลา ผ่านไปแป๊บเดียวครบรอบ 3 ปี (11 ส.ค.48) การจากไปที่ไม่มีวันกลับของคุณแม่บังเกิดเกล้า วัตถุประสงค์หลักคือการร่วมทำบุญตักบาตรกับญาติ พี่น้อง ที่วัดบ้านผำใหญ่ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับบุพการีที่ล่วงลับไปแล้ว
นอกจากนั้นยังได้ทำหน้าที่เป็นพลเมืองดี ไปเลือกตั้งนายกเทศบาลเมืองสรวงและสมาชิกสภาเทศบาลด้วย (10 ส.ค.51) ส่วนผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไรนั้นไม่ขอพูดถึง เกรงว่าจะเป็นเรื่องการเมืองมากเกินไป ซึ่งเป็นการผิดปกติวิสัยของการนำเสนอผ่านทาง web blog
วันก่อนได้เขียนเรื่องเยาวชนกับการทำวัดเย็น ที่ http://learners.in.th/blog/research/62775 บังเอิญว่าวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2551 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 9 เวลาประมาณ 22.00 น. หลังเลิกการทำวัดเย็น ขณะเยาวชน(ยุวพุทธ)ทุกคนกำลังแยกย้ายกันเดินทางกลับบ้าน มีเหตุวัยรุ่นยิงกันบริเวณหน้าวัดบ้านผำใหญ่ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนำความโศกเศร้าเสียใจมายังครอบครัวที่สูญเสียลูกชายไปก่อนวัยอันควรและครอบครัวของคู่กรณีที่ต้องเสียอนาคตไปในบัดดล และผู้เขียนขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวที่สูญเสียลูกชายและครอบครัวของคู่กรณี ส่วนผลการสืบสวนสอบสวนจะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าที่ตำรวจและสาเหตุที่เกิดขึ้นจริงนั้นคงต้องรอผลการสอบสวนต่อไป อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่โดยตรง ตลอดจนผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาเทศบาล ฯลฯ คงต้องร่วมกันคิดร่วมกันสร้างสังคม(บ้านผำ) คำถามคือ เกิดอะไรขึ้นกับสังคมในยุคปัจจุบัน บ้าน วัด โรงเรียน ชุมชนนั้นต่างมีความข้องเกี่ยวซึ่งกันและกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้โทษใคร ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ในเมื่อเราห้ามไม่ได้ ความสำคัญจึงอยู่ที่ว่าเมื่อเกิดขึ้นแล้วเราจะหาทางป้องกันเหตุอย่างไรต่างหาก ดังนั้นแล้วทุกคนในชุมชนบ้านผำคงต้องช่วยกันป้องกันเหตุ มิให้เกิดขึ้นซ้ำอีกและหาแนวทางป้องกัน แก้ไข วางนโยบายสร้างเสริมเกาะกำบังให้กับเยาวชนโดยส่วนรวม การเล่นกีฬาคงจะเป็นทางออกอย่างหนึ่งได้เช่นกัน ขอวิงวอนให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวและอย่าได้เกิดขึ้นอีกเลย
สุดท้ายผู้เกี่ยวข้องคงจะได้นำมาเป็นกรณีศึกษาในการหาแนวทางป้องกันการเกิดเหตุซ้ำโดยอาศัยความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจจากทุกภาคส่วน เพื่อทำให้บ้านผำเป็นสังคมที่ร่มเย็นเป็นสุข สังคมที่เอื้ออาทร มีความสมานสามัคคีกัน เฉกเช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษได้ชี้นำให้กับลูกหลานดังเช่นอดีตที่ผ่านมา
สุเทพ ธุระพันธ์
18 สิงหาคม 2551
สวัสดีค่ะ
* ไม่ได้พบกันนาน
* สบายดีนะคะ
* เป็นเรื่องเศร้านะคะ
* การจัดกิจกรรมต่างๆ ก็เป็นอีกความเชื่อหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กๆ มีทางออกที่ดี
* ผู้ใหญ่ต้องช่วยกันประคองค่ะ
* ขอให้สุขกายสุขใจนะคะ
คุณครูพรรณา....ครับ
สบายดีครับ แล้วคุณครู(ก็)คงสบายดีนะครับ
ไม่ได้เจอนาน..ไม่อยากแก้ตัว และแก้ต่าง แต่..การบริหารเวลาล้มเหลวต่างหากครับ
ด้วยความนับถือ
ไทบ้านผำ