บาดแผลที่มองไม่เห็น
วิฬาเอน
แสงแดดสีเหลืองอ่อนของยามบ่ายค่อนข้างปลอดโปร่ง ทอแสงอยู่ร่ำไร ก่อนที่เมฆหมอกสีดำจะเข้ามาบดบังแทนที แสงสะท้อนค่อย ๆ ถูกกลื่นจนกลายเป็นมืดมน
ทั่วท้องฟ้ามืดครึ้มทาบทาหลังคาโบสถ์วิหารเป็นเงาเลื่อมซ้อน เงาของต้นโตใหญ่หายไปกับความมืดที่ถูกปกคลุม แล้วฝนก็โปรยปลายลงมาดุจมีคนว่านเมล็ดเงินลงสู่พื้นดินสวยงามและนิ่มนวล
ศาลาพักร้อนที่ไม่ค่อยมีคนดูแล มีคนเข้าไปอาศัยเพื่อหลบฝน จากหนึ่งเป็นสอง จากสองก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ...บางครั้งสิ่งที่เรามองไม่เห็นคุณค่า ก็มีคุณค่าความหมายเมื่อถึงเวลาของมัน ฉะนั้นบางสิ่งบางอย่างเราวัดเพียงตาเปล่าอย่างเดียวไม่ได้...
จิตตรามองผู้คนที่มาในงานฌาปนกิจศพวันนี้บางคนคล้ายสูญเสียจิตวิญญาณ จิตวิญญาณไม่ได้ถูกซื้อแต่ถูกสังคมตีกรอบให้ทำตามกฎเกณฑ์ เสแสร้งตามเงื่อนไขนั้น
งานศพยังคงดำเนินไป คนตายมอดไหม้ คนอยู่ยังคงต้องแสดงบทบาทจนกว่าชีวิตเราจะถึงเวลาสิ้นสุดและมอดไหม้ คนตายไม่มีบทให้เล่น คนอยู่ยังต้องเล่นบทต่อไป แขกเหรื่อที่มาเป็นเกียรติแก่ผู้ล่วงลับส่วนมากเป็นสภาพสตรี รถเก๋งคันแล้วคันเล่าวิ่งเข้ามาจอดในบริเวณวัด ทำให้บริเวณวัด แคบลงถนัดตา บรรดาสภาพสตรีเหล่านั้นมีทั้งวัยสาว วัยกลางคนต่างแต่งกายด้วยชุดดำ เป็นการไว้ทุกข์ไว้อาลัยให้แก่ผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย แม้กระนั้นทุกคนก็ดูสดสวยด้วยชุดที่ตัดเย็บอย่างดี นำสมัย ตามแฟชั่น บางคนสวยด้วยเครื่องประดับเพชร เครื่องทองประดับกายสวยด้วยการแต่งแต้ม บางก็สวยด้วยการเม้คอัพใบหน้าด้วยเครื่องประทินผิว การเยื้องกายก้าวย่างล้วนมีลีลาอยู่ในที การยกมือไหว้หรือแสดงความคารวะคนรู้จักและคนไม่รู้จักคล้ายการแสดงละครฉากหนึ่ง ซึ่งบางคนไม่ได้ทำออกมาจากใจ ต่างก็มีม่านมายาเฉพาะตัว...เศรษฐีนีม่ายกับลูกสาววัยกำดัด ผู้มีชื่อเสียง มีเกียรติในวงสังคมคนกรุง ทั้งมักจะมีชื่อปรากฏในคอลัมน์บุคคลของสังคมบ่อย ๆ ภาพสุภาพสตรี และบุรุษในวงการต่าง ๆ ผ่านสายตาของจิตตราและนิตยาไปเรื่อย ๆ เช่น โฆษกสถานีวิทยุ ผู้จัดรายการเพลงสำหรับวัยรุ่น ดาราสาวสวยผู้มากบทบาทมากับแฟนหนุ่มดาราหน้าใหม่ นักแสดงและพิธีกรสถานีโทรทัศน์ซึ่งกำลังหอมฟุ้ง ดุจฤดูกาลแย้มบานของดอกไม้ ดาวยั่วดวงใหม่ในวงการภาพยนตร์และทีวีมาพร้อมกับดาวยั่วดวงเก่าที่อับรัศมีไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีหมอนวด คนร่ำรวยผู้อยู่ในวงสังคมเรียกว่าไอโซ
หลายคนเมื่อมาพบกันแล้วต่างก็ยิ้มแย้มให้กัน ทั้งที่รู้จักมักคุ้นกระทั้งไม่รู้จัก ยิ้มของหญิงสาวนั้นเหมือนจะบอกกันและกันว่า เธอเองคงไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่หรอก ถ้าหากคุณไม่พูดเรื่องของฉัน ฉันก็จะไม่พูดเรื่องของคุณเช่นกัน เข้าทำนองว่า ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ชีวิตของผู้ล่วงลับจบสิ้นแล้ว แต่ชีวิตของจิตตราและนิตยายังต้องก้าวเดินต่อไป จิตตรามองโลงศพที่ตั้งตระหง่านอยู่กับที่คล้ายคำนึงถึงอะไรบ้างอย่าง...
นิตยามือชาเย็นหัวใจเย็นวาบหวิวคล้ายคนหายใจไม่ออก เหงื่อในกายหลั่งออกมาจนมือชุ่ม นิตยามางานศพนี้เพราะรู้สึกสำนึกขอบคุณหมอรัชนีผู้ล่วงลับ แต่นิตยาก็หวนนึกถึงความหลังอันปวดร้าวของเธอมันได้กลายเป็นตราบาปที่หล่อนไม่กล้าจะบอกใคร ทั้งเป็นม่านหมอกที่กัดกินจิตใจเธอ เมื่อยามที่เธอเห็นคนท้อง หรือเด็กเล็กที่ตายก่อนวัยอันควร นิตยาจะรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในใจและรวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก... นิตยารู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปแล้วย่อมไม่อาจหวนกลับคืนมาได้
บางครั้งนิตยาก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับผู้คนสมัยนี้ ทั้งห่วงกังวนคล้ายกลับเธอเอาเรื่องของคนอื่นมานั่งครุ่นคิดเป็นเรื่องของเธอเอง ปัญหาวัยรุ่นสมัยนี้อันตรายกว่าสมัยก่อน ๆ เพราะสมัยนี้การสื่อสารทั้งวิวัฒนาการอะไรต่างๆ ก็มากแต่กลับการป้องกันหรือการรักษานั้นเป็นเรื่องยากมาก ปัญหาซึ่งมีมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเด็กเสียตัวก่อนวัย การแข่งขันกันทำสถิติเรื่องการมีเซ็กส์ มีเพศสัมพันธ์ของเด็กผู้หญิงมัธยม ทั้งผู้ชายก็อวดกันเรื่องกินเหล้า อวดกันเรื่องดูบุหรี่ กระทั่งเสพยาเสพติด ปัญหาวัยรุ่นนั้นหากนำมาเขียนก็คงเต็มกระดาษ A4 ทั้งเรื่องแฟชั่น ยุควัตถุนิยม บริโภคแฟชั่น ไม่คิดถึงความเป็นจริง อยากได้สิ่งของโดยไม่คิดทำอะไร หาความสุขอย่างฉาบฉวย เรียนรู้วิธีหาความสุข แต่ไม่เรียนรู้วิธีป้องกัน เรื่องเข้ามาอยู่ในห้องเช่าเดียวกันโดยไม่ปรึกษาพ่อแม่ มีคู่ในวัยเรียนและปัญหาที่ตามกาก็คือการทำแท้ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องจะสิ้นสุดเพียงเท่านั้น ยังมีเงื่อนงำทางศีลธรรมอีกที่สังคมหยิบยกขึ้นแต่ชีวิตของเด็กวัยรุ่นน้อยคนนักที่คิดถึงเรื่องเหล่านี้
อาชีพหมอทำแท้งเป็นอาชีพนักบุญในคราบคนบาป เป็นผู้ผดุงความชั่วให้คงไว้อย่างสวยงาม รักษาหน้าตาให้แก่คนเป็น ผู้ที่ฆ่าลูกตัวเองได้ก็ช่างเลือดเย็น หัวจิตหัวใจเหมือนมีผีร้ายเข้าสิงสู่อยู่ในใจหล่อน ...สิ้นหมอมือมีดผู้เยี่ยวยารักษาบาดแผดด้านมืดทางจิตใจของสังคมที่เน่าเฟะแล้ว บางคนรำพึงรำพันด้วยความขอบคุณ บางคนนึกถึงความเจ็บปวดเมื่อเวลาหมอปักเข็มฉีดยาลงบนผิวเนื้อที่เร้นลับ และอ่อนละมุน... แล้วความหลังอันเป็นม่านหมอกทางความรู้สึกก็ผุดพรายขึ้นมาในมโนสำนึกของนิตยา
รถยนต์ฮอนด้าสีงาช้างวิ่งเข้ามาในลานตึกของคลินิกแห่งหนึ่งย่านสาธร หญิงสาวสองคนเดินลงจากรถแล้วเข้าไปในคลินิก จิตตราเธอเคยมาที่นี้บ่อยไหม หญิงสาวที่เดินตามหลังเพื่อนถาม มาไม่บ่อยนักเพื่อน ถึงคลินิกแล้วเธอกลัวหรือนิตยา ใช่ฉันกลัวนิตยาตอบ เธอไม่ต้องกลัวฉันรู้ดีว่าคลินิกแห่งนี้มีห้องสี่ห้อง สองห้องสำหรับให้คนไข้นั่งรอและเป็นห้องพยาบาทไปในตัว อีกสองห้องเป็นห้องจ่ายยาและที่พักส่วนตัวของหมอ บางคราวก็เป็นที่พักของคนไข้ที่มาใช้บริการ และมีห้องลับอยู่อีกสองห้องซึ่งมองเผิน ๆ แล้วย่อมไม่รู้ว่ามีห้องที่ต่อกันออกไป ฝาผนังฉานด้วยสีเขียวอ่อน มีคูน้ำซึ่งเชื่อมต่อกันเป็นคลองยาว มีผ้าดำมัดทิ้งระเกะระกะอยู่ข้างล่าง บางถุงกองทับกันอยู่ รับรองว่าไม่มีใครรู้ว่าเธอมีทำอะไรที่นี้
หมอจะรับหรือเปล่าก็ไม่รู้ อีกฝ่ายพูดด้วยความวิตก รับสิจ๋ะ ...หมอรับคนที่รู้จักกันเท่านั้น อย่างเธอนี้สบายมาก และฉันก็เคยเป็นคนไข้ของหมอมาแล้วนี้นา จิตตราปลอบใจเพื่อนซึ่งตกอยู่ในห้วงกังวลและตื่นกลัว เดินถึงหน้าประตู จิตตราพาร่างอันผุดผ่องเดินไปกดกริ่งเรียก นิตยาเดินตามหลังมาอย่างคนไร้ร่าง สักครู่มีสาวใช้ออกมาเปิดประตูให้ และทักทายผู้เป็นแขกของหมออย่างคุ้นเคย
หมออยู่หรือเปล่า
อยู่คะ
มีคนไข้ไหม
ไม่มีหรอกค่ะ
เอ...ระยะนี้ไม่มีคนไข้เลยหรืออย่างไร
มีค่ะ แต่มีเฉพาะคนไข้ธรรมดา แค่ปวดหัว ตัวร้อนเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าคุณหมอจะไม่ค่อยรับคนไข้เฉพาะทางเท่าไหร่
คุณหมอไม่รับคนไข้ที่มาทำ...หรือ ยังไงไม่ทราบค่ะ
คุณลองเข้าไปติดต่อดูเองสิค่ะ ไปเปิดประตูด้านหลังให้รถเข้าด้วยนะ จิตตราพูดแล้วก้าวเข้าไปนั่งคอยเพื่อนตรงหน้าระเบียงด้านข้าง ครู่เดียวนิตยาก็เดินขึ้นมา พอดีกับที่หมอรัชนีมา จิตตราจึงแนะนำให้หมอทราบ
เพื่อนจิตตราคะหมอ ชื่อนิตยา หวังว่าคุณหมอคงเคยเห็นและได้ยินมาบ้าง นิตยาเป็นฟรีเซ็นเตอร์โฆษณาและดาราโทรทัศน์ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณหมอ นิตยากระพุ่มมือไว้นอบน้อม เมตตาหนูด้วยเถอะนะคะ หนูขอร้องให้จิตตราพามาหาคุณหมอ เพราะเขาเคยมาทำกับคุณหมอ นี่หนูก็ลางานมาเพียงยี่สิบวันเท่านั้น
หมอรัชนีเพ่งสายตาดูหญิงสาวพร้อมกับรับไหว้ ถามยิ้ม ๆ ว่า กี่เดือนแล้วค่ะ
สี่เดือนกว่าค่ะ
พ่อเด็กมีหรือเปล่าค่ะ หมอถามตรง ๆ เห็นนิตยาอึกอักอยู่จึงค่อยพูด ไม่ต้องปิดหรอกค่ะ หมอทำมามากแล้วทั้งต่างจังหวัด และในกรุงเทพ ฯ นับเป็นร้อยถ้าหมอเอ่ยชื่อคนมีหน้ามีตาให้ฟัง รับรองว่าหนูต้องรู้จักทุกคน
“ ไม่มีเป็นตัวเป็นตนอย่างถูกต้องหรอกคะ หนูถูกควบคุมไปตามรายการที่เขาสั่งโดยที่หนูรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ”
โธ่น่าสงสาร หมอรัชนีอุทานอย่างเห็นใจ หมอบอกตรง ๆ เลยนะ ระยะนี้หมอดวงตก มือตกไม่รู้ว่าเข้าปีอะไร ชะตาถึงได้แย่อย่างนี้ หมอไม่ได้รับคนไข้เลยนะเกือบสามเดือนแล้ว ก่อนที่หมอจะหยุดรับ มีเรื่องบางอย่างที่หมอไม่อยากคิดถึงมัน... หมอหยุดถอนหายใจอย่างหนัก
“ ไม่น่าเป็นไปได้เลย หมอสงสารคนไข้ที่หน้าตาสวย ๆ คนนั้น ไม่น่าจะอายุสั้นเลย ”
คุณหมอค่ะ หมอต้องช่วยหนูนะค่ะ นิตยาทำเสียงวิงวอน เพื่ออนาคตหนู หนูต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ และส่งเสียน้อง ๆ อีกหลายคน ถ้าหนูต้องออกจากงาน อีกหลายชีวิตก็จะต้องลำบาก ชีวิตหนูนี้ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ครอบครัวของหนูสิค่ะ ไม่รู้จะเป็นอย่างไร
หมอรัชนีมองหน้านิตยาอย่างใช้ความคิด เป็นสายตาแห่งความลังเลและใช้ความคิด หมอรัชนีนั่งมองนิตยาอย่างใช้ความคิด แม้ว่าวัยของหมอจะล่วงสี่สิบกว่าแล้ว หมอก็ยังสาวพราวเหมือนสาว ๆ หมอเป็นคนอวบและขาว เหตุที่ทำให้ผู้หญิงแก่วัยคือการมีสามีและลูก เนื่องจากหมอไม่มีสามีและลูก จึงไม่มีอะไรทำลายความงามของหมอเลย หมอรัชนีพรั่งพร้อมไปด้วยสมบัตินอกกายทุกอย่าง แต่สมบัติภายในกายของหล่อนนับวันยิ่งเหือดแห้งลงไปทุกที
แล้วหมอรัชนีก็พูดทำลายความเงียบขึ้น เอาเถิด...แล้วหนูค่อยมาใหม่ ไว้ให้หมอคิดดูก่อน
คุณหมอค่ะ สงสารหนูเถิดค่ะ นิตยาพูดด้วยน้ำตาคลอ
ถ้าคุณหมอให้หนูกลับไปตอนนี้ หนูกลัวว่าร่างกายจะไม่พร้อม จิตใจไม่เข้มแข็งพอ และหนูคงจะเข้าไปทำงานไม่ได้ รับหนูไว้เถิดนะคะ หนูไม่กลัวตายหรอกค่ะ คุณหมอจะเรียกค่าเสียเวลาเท่าไหร่หนูยอมทั้งนั้น
หน้าตาของหนูถูกชะตาของหมอมาก เอ้า...ทำก็ทำ เมื่อเวลาแห่งการตัดสินใจมาถึง หมอรัชนีได้เตรียมห้องพักฟื้นไว้ให้สำหรับหญิงสาว และเริ่มลงมือกระทำในอีกสองวันต่อมา
ห้องนั้นเปรียบเหมือนแดนประหาร มีขนาดกว้างสามเมตรยาวห้าเมตร นิตยาเปลื้องผ้าล่อนจ้อนท่ามกลางแสงนวลใยของไฟฟ้าขับผิวของหล่อนให้ดูเนียน หญิงสาวกระบิดกระเมี้ยน หันด้านข้างให้หมออย่างกระดากอาย หมอรัชนีชำเลืองมอง แล้วสารวนอยู่กับเข็มฉีดยา นิตยายกมือซ้ายขึ้นทาบปิดถันทั้งสองข้าง มือขวาพยายามป่ายปิดของลับ
“ หนูไม่ต้องอายหมอหรอก หมอก็เป็นผู้หญิงเหมือนหนู มีอะไรๆ เหมือนหนูทุกอย่าง ” นิตยาอิดเอื้อนอยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นหมอเตรียมเครื่องมือเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็นอนแผ่อย่างว่าง่าย
คุณหมอขา ทำให้เร็ว ๆ ได้ไหมคะ
ได้ค่ะ แต่ต้องเจ็บมาก เพราะต้องฉีดยาวันเว้นวัน ประมาณสี่วันก็ออก
คะ คะ คุณหมอทำอย่างนั้นนะคะ หนูทนได้ค่ะ
เมื่อทุกอย่างพร้อมการกระทำที่มนุษย์ไม่ควรทำต่อกันก็เริ่มขึ้น ...ขาทั้งสองของนิตยาถูกรัดอยู่กับขายางของเตียง ถ่างอ้าออกเพื่อสะดวกแก่การกระทำ หล่อนเอี้ยวสะโพกบิดอย่างอดหวั่นไหวไม่ได้ หมอรัชนีอาศัยแสงไฟส่องเข้าไปในช่องคลอดเพื่อความกระจ่างชัด แล้วบรรจงสอดเข็มฉีดยาเข้าไป นิตยาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเข้มแปลบเข้าเนื้อ เริ่มรู้สึกชา ความเจ็บปวดแสดงฤทธิ์ที่ละน้อย ๆ หญิงสาวขนกรามแน่น อดทนต่อความเจ็บปวด
หนูนอนนิ่ง ๆ สักครูก่อนนะ แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้น ต้องนึกเสียว่าเป็นความผิดของหนูเอง และต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ หมอเตือนอีกครั้งอย่างเห็นแก่ตัว
ค่ะ ค่ะ หนูจะไม่ให้เดือดร้อนถึงหมอหรอก
เด็กหัวแข็งมาก หมอพูดในวันที่ห้า และฉีดยาให้เป็นเข็มที่สี่ ความเจ็บครั้งนี้ทำให้นิตยาจดจำไปจนวันตาย หล่อนครวญครางผ่านริมฝีปาก สองมือกำแน่น กัดฟันกรอด เหงื่อซึมออกมาเป็นเม็ด ๆ เต็มหน้าดวงตาหลับสนิท
โอย....เจ็บเหลือเกิน คุณหมอเจ็บเหลือเกิน หนูเจ็บจะตายอยู่แล้ว .....
อดทนหน่อยสิค่ะ ทำใจแข็ง ๆ ไว้ เข็มสุดท้ายแล้ว หมอปลอบ
หนูเข็ดแล้วค่ะ เจ็บเหลือเกิน เจ็บ......
แปลบสุดท้ายของเข็มฉีดยา นิตยาเจ็บแทบขาดใจ รู้สึกอ่อนเพลียหมดกำลัง ท้องน้อยเริ่มปวดเหมือนถูกบิด หล่อนส่งเสียงครางเบา ๆ
“ นอนพักให้นาน ๆ นะคะ เข็มนี้ออกแน่ ” หมอพูดพร้อมกับใช้ผ้าเช็ดเหงื่อบริเวณใบหน้าให้
วันรุ่งขึ้น ก้อนเลือดที่กำลังก่อเป็นร่างมนุษย์ก็ทะลักออกมา เขียวไปทั้งก้อน หญิงสาวไม่แยแสสนใจแม้แต่น้อย ไม่แยแสแม้แต่จะมองว่ามันมีลักษณะอย่างไร หมอผู้ทำหน้าทีรีดเค้นเอาไปทิ้งลงกระโถนปัสสาวะ และโยนสำลีซับเลือดสด ๆ ทิ้งตามลงไป
นี้แหละมนุษย์...มนุษย์ที่ยกย่องกันว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ แต่การกระทำของบางคนมันประเสริฐตรงไหน? แตกต่างจากสัตว์ที่ไร้ความคิดตรงไหน? สัตว์มันทำได้อย่างคนบางคนหรือ ?
ถ้าคนผู้เป็นพ่อแม่ได้มาเห็นภาพลูกสาวทำเช่นนี้ ท่านคงจะต้องหยุดยิ้ม คงจะเกลียดความโหดเหี้ยมโหดร้ายของหญิงสาวผู้เป็นลูก แต่นิตยาผู้ยังมีชีวิตอยู่ได้แต่เก็บความขมขื่นที่ตัวเองได้กระทำนั้นไว้ในใจ มันได้กลายมาเป็นบาดแผดที่มองไม่เห็น แต่กัดกินความรู้สึกของหล่อนจนไม่อาจทนทานรับได้ หญิงสาวแม้ยามนอนก็ฝันร้าย ในฝันนั้นมีคำถามอยู่ว่า ไฉน หญิงที่เป็นเพศแม่จึงไร้น้ำใจต่อบุตรในอุทรเพียงนี้ นิตยาตื่นขึ้นมาได้แต่ร่ำไห้ผู้เดียว หล่อนจะร้องไห้ให้แก่ใครได้นอกจากตราบาป และความรันทดที่ตัวเองกระทำ…....
หมอรัชนีผู้ที่ล่วงลับเป็นเหมือนนักบุญสำหรับคนบางคนที่ไม่มีทางเลือก ในชั่วการตัดสินใจที่มีเพียงลมหายใจชั่วผ่าน มือของหมอรัชนีเป็นดุจเพชฌฆาต หัวใจแข็งกระด่างเหมือนมีฝีสิงสู่อยู่ในกาย หมอรัชนีผู้พรากชีวิตที่เป็นก้อนเนื้อแล้ว และทำให้ชีวิตเหล่านั้นไม่มีวันได้เกิดมาเห็นเดือนเห็นตะวัน ความงดงามของชีวิตไม่มีสำหรับเด็กเด็กที่อยู่ในท้องแม่ผู้ตัดสินใจฆ่าลูกทิ้ง ...โดยที่ชีวิตที่เป็นก้อนเนื้อไม่มีวันรู้เลยว่าเขาถูกลิขิตชีวิตแล้ว หลายครั้งที่นิตยาตั้งคำถามผู้ที่มีเข้ามามีอาชีพเป็นเพชฌฆาตทำแท้ง...แต่นิตยาก็ได้รับคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ อาจเป็นเพราะอาชีพนี้เป็นสิ่งจำเป็นต่อสังคมอันเน่าแฟะอย่างในปัจจุบัน ทั้งเป็นความสมัครใจของหญิงสาวเองที่พวกเธอได้เลือกแล้ว และหมอรัชนีก็เป็นเจ้าแม่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพวกเธอในเวลานั้น เพราะพวกเธอไม่มีทางเลือกที่ดีไปกว่านั้น...
รอยแผลที่พวกเธอได้สร้างขึ้นนี้ แม้จะเป็นรอยแผลที่มองไม่เห็น แต่มันก็จะกัดกินความรู้สึกของพวกเธอ เมื่อได้คิดถึงมัน ความเป็นแม่ที่มีอยู่ในใจของพวกเธอช่างเหลือน้อยเหลือเกิน จนบางชีวิตต้องตั้งคำถามว่าเราเกิดมาเพื่อที่จะถูกเขาฆ่าทิ้งตั้งแต่อยู่ในท้องเชียวหรือ หากเป็นเช่นนั้นสายใยชีวิตที่บางเบา ที่เรียกกันว่าสวยงามก็คงจะสูญสิ้น ใยเลยชีวิตทำไมโหดร้ายนัก...
เรื่องอะไรครับ อ่านไม่เห็นรู้เรื่องเลย