วันนี้มีกิจกรรมสำคัญอีกกิจกรรมหนึ่งที่ผมต้องเข้าร่วมอย่างไม่อาจบิดพลิ้ว -
อันที่จริงผมก็ทำตัวงอแงอยู่เหมือนกัน โดยแรกเริ่มก็ร่วมคิดร่วมทำ พร้อมกับรับปากที่จะเป็นวิทยากรบรรยายให้นิสิตโควตานักกีฬาได้รับฟังตามหัวข้อที่ตนเองคิดขึ้นมาซะหรูว่า “การพัฒนาศักยภาพนิสิตโครงการส่งเสริมเยาวชนดีเด่นด้านกีฬาผ่านกระบวนการกิจกรรมนิสิต”
แต่ใกล้วันเข้าผมก็ยกแม่น้ำและภูเขาจำนวนมากมายมาเกลื่อนกลบ และออกตัวตอบปฏิเสธไปอย่างยียวน จนทำเอาผู้รับผิดชอบโครงการสะท้านสะเทือนไปหลายต่อหลายยก
อันที่จริงก็ไม่มีอะไรมากนักหรอก และด้วยความสัตย์จริงก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการต้องการให้คุณก้อง...สะเร็น ได้ก้าวขึ้นไปยืนในจุดนั้นอย่างสง่างาม โดยผมคิดเงียบ ๆ อยู่คนเดียวว่า ปัจจุบันนี้ตำแหน่งที่ผมเคยบริหารนั้น คุณก้องได้เติบโตมาดำรงตำแหน่งแทนที่ผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เวทีนี้ ..และวันเวลานี้ ก็เหมาะเหลือเกินที่จะเปิดเวทีให้เขาได้แสดงบทบาทและสถานะของตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งผมเองก็ใช่จะเพิกเฉยไปเสียทั้งหมด ตรงกันข้ามกลับพยายามสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลาว่าเจ้าตัวรู้สึกเช่นใดบ้าง ? .... จนรู้และตระหนักว่า การโยนเผือกร้อน ๆ ให้อย่างกระทันหันเช่นนี้ ดูจะหนักโขอยู่มิใช่น้อยเหมือนกัน
แต่เท่าที่เฝ้าดูก็เห็นชัดว่า ถึงแม้เจ้าตัวจะหวาดวิตก หรือประหม่าอยู่บ้าง แต่ด้วยความที่เป็นคนที่รับผิดชอบ ก็เห็นชัดเจนเลยว่าเจ้าก้องของผมพยายามทำการบ้านอย่างหนักอยู่เหมือนกัน ซึ่งผมก็ได้แต่แอบยิ้ม ๆ ..และให้กำลังใจกับเขาอย่างเงียบ ๆ
และเป็นที่น่าชื่นชมว่า เจ้าตัวสามารถพูดอย่างฉะฉานขึ้น มั่นใจขึ้น รวมถึงกล้าที่จะลั่นวาจาแบบผู้นำมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญก็คือ การโชว์บล็อก หรือบันทึกของตัวเอง รวมถึงกัลยาณมิตรต่าง ๆ ให้นิสิตได้ดู โดยสะท้อนว่า นั่นคืออีกทางเลือกของการทำกิจกรรมในสายกีฬา ซึ่งนั่นก็เป็นภาพสะท้อนหนึ่งของการนำบล็อกมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับการทำงานของตนเอง
วันนี้เป็นการทำงานที่สายฝนตกกระหน่ำอย่างไม่ขาดสาย บางครั้งหนักหน่วง บางครั้งก็โปรยสายอย่างบางเบา แต่ทั้งปวงนั้น ก็ล้วนดำเนินไปในบรรยากาศที่ชื่นมื่น น้อง ๆ ทีมงานในแต่ละคนดูจะมีรอยยิ้มกับการงานในครั้งนี้ และขำ ๆ กับบรรยากาศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
สำหรับผมแล้ว...
เมื่อคุณก้องโยนไมค์มาให้ ผมก็ไม่วายต้องช่วยขับเคลื่อนอย่างไม่อิดออด พร้อม ๆ กับการหยิบยกเรื่องราวต่าง ๆ มาแลกเปลี่ยนกับนิสิต ชวนให้นิสิตรุ่นพี่ลุกขึ้นมาบอกเล่าเรื่องดีๆ ให้น้องๆ ได่ร่วมรับฟัง ส่วนผมก็ยังคงนั่งหัวโต๊ะ คอยทำหน้าที่จับประเด็นและนำมาหยิกแซวน้องนิสิตเป็นห้วง ๆ ไป และถือได้ว่าสิ่งที่ทำนั้นก็กลายเป็นสีสันที่เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นระยะ ๆ อย่างน่าพอใจ
รวมถึงการนำบทกวีจากบันทึกที่แล้วมาอ่านให้นิสิตได้ฟัง ทั้งเรื่องการแต่งกาย การพนัน การถือตัวเป็นอภิสิทธิ์ชนของนิสิตนักศึกษา ซึ่งก็สร้างความสนใจและเสียงหัวเราะได้อย่างไม่ขัดเขิน
- เรียกได้ว่า ผ่อนแรงการบรรยายไปอย่างก่ายกองเลยทีเดียว
ก่อนเลิกร้างจากเวที ผมได้สำรวจความต้องการของนิสิตในเรื่องที่เกี่ยวกับการติวเตอร์ในรายวิชาต่าง ๆ เพื่อจะได้เร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนให้กับนิสิต เพราะที่ผ่านมาเราปล่อยให้นิสิตลอยมาลอยไปอย่างไร้ที่พึ่ง ..ทั้ง ๆ ที่เราเองก็มีเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบด้านนี้โดยตรง. งบประมาณก็มีให้อย่างไม่ขาดเขิน แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่าสิ่งเหล่านี้หล่นหายไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ก็เชื่อว่าวันนี้และเวลาอันใกล้นี้ กิจกรรมดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และกิจกรรมที่ว่านี้ก็จะช่วยให้นิสิตที่มาในโควต้านี้ได้มีที่พึ่งในด้านการเรียนอย่างอบอุ่น
จนท้ายที่สุด ผมไม่รู้จะลงเวทีอย่างไร ได้แต่ออกตัวในแบบของตัวเองแบบเชย ๆ เฉิ่ม ๆ ว่า -
ผมไม่ใช่ศาสดา ไม่ใช่ผู้วิเศษ ไม่ใช่ต้นแบบที่ดีในทุก ๆ เรื่อง และไม่ใช่คนที่ได้พรอันประเสริฐเกี่ยวกับคำพรมาจากพระเจ้า หรือเทพตนใด แต่ถึงกระนั้นก็ยังอยากจะบอกกับทุกคนแบบตรงไปตรงมาว่า
“ถ้าจำต้องอกหัก ก็ขอให้อกหักในหน้าฝนนี้เลยนะ จะได้ร้องไห้อย่างเต็มที่ เพราะสายฝนจะทำหน้าที่อำพรางน้ำตาของเธอทั้งหลายได้อย่างแนบเนียน...”
ใช่ ....
ทันทีที่พูดจบ ..เสียงเฮฮาก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน !
.............................................................................................................................
สวัสดีครับ
มาเยี่ยมสิ่งดีดี..ที่ทำเพื่อเยาวชนของเราค่ะ
+ มาชื่นชมคนดีมีความสามารถค่ะ... + ชอบและประทับใจความคิดตรง การสร้างคน ค่ะ
+ คนโดยทั่วไปมักชอบให้ตังเองเก่งอยู่แต่เพียงผู้เดียว....
+ ไม่อยากจะถ่ายทอดเรื่องราวใด ๆ ที่ถือเป็นการสร้างคน จะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม
+ แต่คุณแผ่นดินเป็นคนดี ความคิดกว้าง เลยทำให้ใจกว้าง...เลยรู้จักการสร้างคน
+ ดีใจแทนเพื่อนร่วมงานของคุณแผ่นดินทุกคน...ที่เขามีเพื่อนร่วมงานอย่างคุณ
+ ด้วยความคิดถึงค่ะ.....
มาเยี่ยมค่ะ ดีใจที่ทุกอย่างลงตัวอย่าง Happy
“ถ้าจำต้องอกหัก ก็ขอให้อกหักในหน้าฝนนี้เลยนะ จะได้ร้องไห้อย่างเต็มที่ เพราะสายฝนจะทำหน้าที่อำพรางน้ำตาของเธอทั้งหลายได้อย่างแนบเนียน...”
ขอบคุณมากครับที่เปิดโอกาสอย่างมากมาย
แต่ผมก็ยังพกความมั่นใจไม่เต็มร้อยเท่าที่ควร
ด้วยหน้าที่และสถานะจึงจำเป็นต้องทำอย่างนั้น
รู้อยู่เต็มอกครับ..และเข้าใจ...เช่นกันครับ
ขอบคุณอีกครั้งกับการเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่อีกบทหนึ่ง
รูปที่พี่ถ่ายนุ้ย พี่ยะ นุ หันหน้ามองอะไรก็ไม่รู้ในทิศทางเดียวกัน ได้อารมณ์ของภาพมากๆ แต่กลับเบลอซะงั้น เสียดายจังเลยค่ะ
คราหลังจะไม่ให้แอบถ่ายแล้วค่ะ จะตั้งใจถ่ายภาพ ตั้งท่า จัดท่วงท่าของทีมงานพัฒนานิสิตและสารสนเทศ ในมุมที่ไม่ต้องมองกล้อง แล้วนำภาพนั้นมาทำโปสเตอร์เหมือนการแนะนำทีมงานของเรา ดีไหมคะ อิอิอิ เอาแบบเท่ห์ๆ เลย
ขอบคุณค่ะ
ดีใจๆ กับคลื่นลูกใหม่
สวัสดีครับ อ.แผ่นดิน
รู้สึกคล้าย ๆกันว่าบางครั้งผมก็อยากวางและให้มีการเปลี่ยนไปสู่อีกมือหนึ่งเมื่อถึงเวลา
งานไข้เลือดออกที่ปาย...ผมวางได้อย่างสบายใจเพราะน้องที่รับเต็มไปด้วยความคิดและพลัง...
แต่เรื่องอกหักเนี่ย...ผมว่าไม่จะหน้าไหนก็คงเจ็บ...เหมือนกันแหละครับ...ฮือ ฮือ
สวัสดีครับ อ.แผ่นดิน
รู้สึกคล้าย ๆกันว่าบางครั้งผมก็อยากวางและให้มีการเปลี่ยนไปสู่อีกมือหนึ่งเมื่อถึงเวลา
งานไข้เลือดออกที่ปาย...ผมวางได้อย่างสบายใจเพราะน้องที่รับเต็มไปด้วยความคิดและพลัง...
แต่เรื่องอกหักเนี่ย...ผมว่าไม่จะหน้าไหนก็คงเจ็บ...เหมือนกันแหละครับ...ฮือ ฮือ
สวัสดีค่ะ
อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณแผ่นดิน
* แบบ ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตกพรำ ๆ .. มีกบร้องฮึมฮำ ? คะ
* ...
* ฤดูฝน ... สายน้ำ ดอกไม้ กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า ....
* ... เห็นบันทึกแล้ว มีแต่หนุ่มๆ ท่ามกลางสายฝนพรำ
* มีความสุข และ เป็นกำลังใจให้คุณแผ่นดิน และทีมงานค่ะ
สวัสดีครับ
ชอบเหมือนอ.ขจิต เลย
ขออนุญาตเอาไปใช้แซวเด็กเวลาบรรยายนะครับ อิอิ
การถอยออกมาดูเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้คนรุ่นใหม่เขยิบก้าวขึ้นมาทำงานอย่างเชื่อมั่นและในที่สุดเขาจะเข้มแข็งครับ
ครูบา...สร้างคน
ตามมาดูคนรุ่นใหม่ไฟแรงค่ะ..
..เป็นกำลังใจด้วยคนค่ะ..
มีความสุขกับการทำงานและมีความสุขกับครอบครัวมากๆนะคะ..