เราได้เรียนรู้อะไรจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ


เราได้เรียนรู้อะไรจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ท่านสมาชิกสภาพลเมืองที่ทรงเกียรติ

ผ่านพ้นไปแล้วครับ สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ ท่านคงได้เห็นการวิพากษ์ วิจารย์ รวมถึงโพลต่างๆ ที่ออกมาแล้วว่าเป็นยังไงกันบ้าง

คำถามของผมก็คือ แล้วเราในฐานะ ปชช. คนหนึ่งได้เรียนรู้อะไรบ้างจากเวทีตัวแทนแห่งนี้ สำหรับผม ผมได้เรียนรู้ใน ๓ ประเด็นต่อไปนี้ครับ

๑. ข้อเท็จจริง กับ ความจริง ประเด็นนี้ผมสังเกตเห็นว่าทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่างมีข้อมูลที่มีแหล่งที่มาที่อาจจะเชื่อถือได้ ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับเรื่องนั้นๆ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าในบางเรื่องเป็นเพียงข้อเท็จจริงที่ไม่อาจจะพิสูจน์ทราบได้ แต่มีหลายประเด็นที่สามารถนำมาสู่การพิสูจน์ข้อเท็จจริงโดยกระบวนการยุติธรรมได้ เช่น กรณีเขาพระวิหาร ที่ได้มีการดำเนินการต่อ แต่อยากให้สมาชิกสภาพลเมืองอย่างเราๆ สังเกตต่อไปอีกว่า ในหลายๆ เรื่องที่สามารถจะพิสูจน์กันได้ จะมีการดำเนินการต่อหรือไม่อย่างไร เช่น กรณีวุฒิการศึกษาของ รมว.คมานาคม กรณีที่ดินของ รมว.มหาดไทย เป็นต้น ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีการอภิปรายกันถึงขั้นท้าทาย แต่สุดท้ายจะจบลงอย่างไรคงต้องดูกันต่อ เพราะถ้าจบเพียงในสภาฯ ถามว่าทำไมไม่มีการดำเนินการต่อ หรือ หลังจากนั้นมีการตกลงอะไรกันหรือไม่ เพื่อให้เรื่องมันเงียบไป

๒. บทบาทของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล อย่างที่บอกไว้ในข้อ ๑ ข้อมูลต่างมีที่มาที่ไป หลายๆ เรื่องพิสูจน์กันได้ แต่ในบทบาทของการลงคะแนนไม่ไว้วางใจ เป็นไปในทิศทางของแต่ละฝ่าย ทั้งที่บางเรื่องพิสูจน์ทราบได้ จะมีก็เพียงแต่หมอวัลลภ แห่งเพื่อแผ่นดิน ที่ใช้วิจารณญาณส่วนตัว ในการลงคะแนน ซึ่งต้องขอชื่นชมกับการกล้าสร้างการเมืองใหม่ และเราหวังว่าในอนาคตจะเห็นตัวแทนของเราทำหน้าที่แทนเราได้ โดยไม่ได้ทำหน้าที่แทนฝ่ายของตนเอง

๓. บรรยากาศที่ไม่ควรไว้วางใจ กับท่าที ลีลา และอาการต่างๆ ของเหล่าบรรดา รมต. สส. ที่ใช้ในการอภิปราย ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำที่ไม่สุภาพ การใช้อารมณ์เหนือเหตุผล การออกนอกประเด็น และที่สำคัญที่สุด การประท้วงอย่างไร้เหตุผล ผมว่าบรรยากาศเหล่านี้สภาพลเมืองของเราน่าจะแสดงออกโดยการไม่ไว้วางใจ สส. ในพื้นที่ของเราที่ทำตัวเช่นนั้น เพื่อสร้างสรรการเมืองแบบใหม่ของเราครับ

ด้วยความเคารพรัก

หมายเลขบันทึก: 191318เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2008 10:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะ วิเคราะห์ตรงใจมากเลยค่ะ แต่กำลังคิดว่าประชาธิปไตยแบบบ้านเรานี่เวิร์กหรือเปล่า?ค่ะ จากการขาดอิสรภาพทางความคิด และเสรีในการแสดงออก ภายใต้กรอบชื่อพรรคการเมืองค่ะ

สวัสดีครับ

ประเด็นของพรรคการเมือง มีการพูดคุยกันมาก ถ้าไม่มีระบบพรรค โดยให้ สส. มีอิสระ ก็ยังไม่มีหลักประกันอยู่ดีว่าถ้ามีการลงคะแนนเสียงจะมีการซื้อตัว ซื้อเสียงกันหรือไม่ แต่พอมีพรรคก็ถูกครอบงำ ก็คงต้องดูกันต่อไปครับ

ขอบคุณครับที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียน

ด้วยรัก

สังคมเราส่วนใหญ๋ก็มักจะชอบใช้การกล่าวหา มีส่วนน้อยที่สนใจจะฟังการแถลงข้อเท็จจริง ท้ายสุดจะมีเหลือสักกี่ราย ที่นำข้อเท็จจริงมาวิเคราะห์ การใช้ผลงานเป็นตัวชี้วัดขอสนับสนุน การใช้โวหารอันเฉียบคม ปรามไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง นี่ก็เห็นด้วย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท