เพศศึกษากลางป่าเขา : ถุงยางหุ้มจำปา(ดะ)


เพศศึกษากลางป่าเขา :ถุงยางหุ้มจำปา(ดะ)

           เมื่อราวปลายเดือนก่อน ผมได้รับการติดต่อจากผู้หญิงคนหนึ่งเธอบอกว่ามีงบประมาณให้จัดทำเรื่องเอดส์ อยากจะให้ผมไปเป็นวิทยากรให้โดยเขาจะจัดที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่อ.ละงู  คำว่าตกลงครับจึงได้หลุดออกจากปากของผมไปในทันทีเพราะว่าอยากไปเที่ยว

           ไม่กี่วันหลังจากนั้นจึงได้รับเทียบเชิญอย่างเป็นทางการ จึงได้ทราบว่าทางเทศบาลตำบลสะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลาได้จัดทำโครงการที่เกี่ยวกับการให้ความรู้แก่เยาวชนเรื่องโรคเอดส์โดยจะมีเด็กราว 20 กว่าคนมาเป็นกลุ่มเป้าหมายเขาจะพาไปที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่สตูล(คงจะกลัวว่าวิทยากรไม่ยอมไปบรรยายกระมังแฮะ)

           เช้าวันนี้ 19 มิถุนายน 2551เป็นวันที่เรามีนัดกันครับ ผมเรียกลูกศิษย์ซึ่งเป็นextern อีก 2 คนให้ติดสอยห้อยตามไปด้วยทางเจ้าภาพเขาส่งรถปิ๊กอั๊พ 2 ตอนมารับมีน้องผู้หญิงหนึ่งคนมาคู่กับคนขับรถปัญหาก็เริ่มมีทันที่ที่ผมและลูกศิษย์ขึ้นรถเลยครับ

           ผมถามว่าเราจะไปกันที่ไหน น้องคนที่นำทางมาก็บอกว่าบอยส์รูมค่ะไอ้ผมเมื่อได้ยินดังนั้นก็มองหน้าลูกศิษย์เลิ่กลั่กเหมือนเกย์เลยว่ะกะว่าจะนั่งให้สบายๆแต่เมื่อจะออกรถก็ใจหายวาบในเมื่อทุกคนในรถไม่รู้ว่าสถานที่ที่เราจะๆไปนั้นอยู่ที่ใดสตูลไปเส้นไหน ละงูไปยังไง ซวยละตู นี่ขับรถไปเองเลยดีไหมเนี่ยอย่ากระนั้นเลย ค่อยๆนั่งไป สงบไว้ ดูทางให้ดีๆนะธนพันธ์ถามไปนิดหนึ่งว่าจะให้ผมขับให้ไหม ผมไปสตูลและละงูถูกครับเขาก็ไม่ยอม

           ออกจากโรงพยาบาลก็ต้องเวียนไปห้าแยกเกาะยอเพื่อไปรับวิทยากรอีกท่านที่หน้าสหกรณ์ครูสงขลาไอ้ผมก็ระทึกไปตลอดทางเพราะว่าคุณลุงคนขับรถแกดูท่าทางงงงงบางครั้งบอกให้เลี้ยวขวาท่านก็งงพักหนึ่งจึงจะเข้าใจว่าขวามืออยู่ทางไหนเมื่อเราไปถึงที่นัดหมาย ก็ขับรถเลยไปไกลโขทั้งนี้ก็เพราะว่าขับผิดเลน เมื่อกลับรถกลับมาก็จะเลยอีกรอบผมก็ชักจะเหงื่อตก บอกให้กลับรถที่ด้านหน้าแกก็จะเลี้ยวลงคอสะพานที่ที่เขาเอามอเตอร์ไซค์วิ่ง จึงถามไปอีกรอบว่าผมขับให้เอาไหม เขาก็ไม่ยอม

           และเมื่อคนครบ เราจึงได้ออกเดินทางกันจริงๆเสียที (ปล. นี่มัน11 โมงกว่าแล้วนะ) ผมก็ต้องตาแข็งตลอดทางเพราะตอนนี้เปลี่ยนสภาพมาเป็นคนนั่งบอกทางแล้วผมเลือกเส้นทางลพบุรีราเมศวร์ มาจรดถนนเพชรเกษมเลี้ยวซ้ายมาออกแยกควนลังเพื่อวิ่งไปทางขวาเข้ารัตภูมิสายเก่าเลี้ยวขวาที่ไฟแดงนะครับผมบอกว่าแล้วท่านคนขับรถก็ทำท่าหักพวงมาลัยทันทีที่คอสะพานเล่นเอาผมเสียวที่สันหลังอย่างแรงพอมาถึงทางแยกจริงๆก็บอกอีกครั้งเลี้ยวขวาเลยครับท่านลุงแกก็หักพวงมาลัยทันทีเพื่อกลับรถที่สี่แยกถึงตรงนี้ผมก็หมดความอดทนผมขับให้ไหมครับผมขับรถกระบะมาตั้งแต่เด็กแล้ว ขับเก่งจริงๆนะ รู้ทางด้วยแต่ไม่มีใครสนใจแฮะ

           ถึงแยกรัตภูมิก็เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปสตูล ระหว่างทางนั้นน้องคนขับรถก็โทรศัพท์เพื่อประสานงานกับคณะที่นำนักเรียนไปก่อนแล้วเขาบอกว่าเจอกันที่แยกเข้าควนกาหลง ฝนก็ตกพรำบ้าง พรำๆบ้างตูมๆบ้างไปตลอดทาง จนถึงแยกควนกาหลง ผมจึงบอกว่าเลี้ยวขวาครับเหมือนใจนึกคุณลุงก็จะเลี้ยวทันที แบบว่า ตรงไหนรูไหนแกจะเลี้ยวได้หมดผมแทบจะขาดใจแล้วครับ แล้วเราก็จอดรถรับชายอีกคนหนึ่งเขาบอกว่าบังแกรู้ทาง เดี๋ยวจะนำเราไปได้ แกเคยมาแล้วและแกก็มานั่งกับเราอีก 3 คนข้างหลังแต่พี่บังแกเป็นคนนำทางที่เงียบที่สุดในชีวิตผมเลยครับแบบว่าไม่ถามก็ไม่พูด ถามว่ารู้ทางไหมก็พยักหน้าหงึกๆ

           จากการสอบถามทางโทรศัพท์ผมก็ทราบมาว่าเราต้องเลี้ยวขวาที่แยกโรงพยาบาลควนกาหลงแต่ครั้นเมื่อเราวิ่งมาเรื่อยๆ ผมก็เห็นโรงพยาบาลใกล้เข้ามาน้องคนนำทางก็คุยโทรศัพท์บ้างคุยกับพี่วิทยากรอีกท่านหนึ่งบ้างตลอดทางลุงคนขับรถก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะชะลอความเร็วรถลงมาเลย เลยถามว่าจะเลี้ยวไหม(โปรดสังเกตว่า เริ่มไม่มีครับแล้ว)ทุกคนจึงหยุดคุย หันไปหาบังคนนำทาง แกก็พยักหน้าแล้วพูดว่าเลี้ยวขวา

           และจากการฟังเขาคุยกันทางโทรศัพท์ ผมจึงรับทราบมาว่าเราต้องเลี้ยวขวาเพื่อเข้าอำเภอมะนังแต่เหตุการณ์ก็ยังคงเหมือนเดิมตรงที่ คนที่คุยก็คุยคนนำทางก็เคี้ยวหมากฝรั่งไปเรื่อยๆ จนผมเห็นป้ายชี้เข้ามะนังเกือบแล้ว เกือบเลยแล้วเลี้ยวขวา...มั้ยผมตะเบ็งเสียงออกไป บังข้างผมก็พยักหน้าเลี้ยวขวาเขาบอก รถก็เบรกเกือบหัวตุงแล้วเราก็เลี้ยวเข้ามะนัง

           ปัญหาก็ยังคงมีอยู่เรื่อยครับ เพราะถนนเล็กลงเรามองไม่เห็นป้ายที่จะไปรีสอร์ทเลย สัญญาณโทรศัพท์ก็เริ่มขาดๆหายๆรถวิ่งไปตามยะถากรรมพักหนึ่งก็เห็นป้ายชี้บอกทางไปกระท่อมลุงบอยไหนบอกว่าบอยส์รูมล่ะตกลงเราจะไปที่ไหน ผมนึกในใจ แล้วเราก็ไปตามที่เขาชี้และจากการดักฟังโทรศัพท์ ผมจึงทราบมาเป็นเลาๆว่าเราต้องมุ่งหน้าไปตามทางที่ไปถ้ำเจ็ดคต น้ำตกวังทรายทอง ถ้ำภูผาเพชรแต่นี่เราขับรถมานานมากแล้วก็ยังไม่ถึงสักที(ถ้าสังเกตสักนิดก็จะรู้ว่า ระยะทางไปไกลอีกกว่า 20กิโลเมตรนู่น) เราถามบังว่า ไปถูกทางไหมไปถูกทาง....แล้วมั้งว่าแล้วก็ทำเอาทุกคนอึ้งเราถามอีกครั้งว่า บังไปถูกไหม คราวนี้ไม่เห็นแม้การพยักหน้าของบังแกยังคงเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ตลอดเวลา น้องคนนำทางก็เริ่มหงุดหงิดและเริ่มบ่นหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อโทรศัพท์ได้ความว่า รถอีก 2คันข้างหน้าไม่ยอมรอรถเราที่จุดนัดพบ ทั้งๆที่เราไม่รู้ทางเธอจึงเบรกแตกจะกลับยะลาแล้วนะ จะกลับแล้วแค่นี้ก็รอกันไม่ได้ ต่างคนต่างแยกทาง ต่างคนต่างหลงทางเดี๋ยวคงได้เจอกันหรอก ไม่น่าจะเกิน 3 ทุ่มนะฯลฯ

           เที่ยงกว่าแล้วเรายังไม่รู้เลยว่า หนทางข้างหน้าเป็นเช่นไรเสียงบ่นมาจากด้านหน้ากระทบไปถึงบังข้างผมไม่รู้ทางแล้วขึ้นมาให้เบียดกันทำไม” “เห็นด้วย เห็นด้วยเบียดกันจะตายผมคิดในใจ ฮ่า ฮ่าและในที่สุดเราก็มาถึงกระท่อมลุงบอยเพราะรถคันหนึ่งของคณะเขาจอดรอคันของเรา เพราะหลงทางเหมือนกันและบังเอิญมีคนจากที่ไหนไม่ทราบมานำทางเราอีกทีหนึ่ง

           ยังครับยัง ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะว่านี่ยังไม่ถึงบ้านของลุงบอยสักทีเราต้องข้ามลำธารไป ผมได้ยินมาอย่างนั้น ในใจก็ชักเริ่มหงุดหงิดนี่จะพาตูไปไหนกันแน่นะแต่แล้วความหงุดหงิดก็ถูกแทนที่ด้วยความตื่นตาและตื่นใจเพราะว่าลำธารที่เห็นอยู่เบื้องหน้านั้น สวย ใส ไหลรินแทบไม่น่าเชื่อเลยครับ และเขาให้เรานั่งเรือแคนูข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีคนพายเรือ เพราะว่าเขามีเชือกผูกโยงทั้ง2 ฝั่งไว้ แล้วเอาเชือกผูกกับรอกมัดไว้กับหัวเรือดังนั้นเมื่อผลักเรือออกไปเรือมันก็ลอยไปตามกระแสน้ำไปยังอีกฝั่งหนึ่งทันทีเมื่อไปถึงฝั่งกระนู้น เราก็ดึงเรือกลับมาอีกรอบ รอบแรกให้น้องextern ผู้ชายไปกับพี่วิทยากรผู้หญิงส่วนผมก็ไปพร้อมน้องเตย externผู้หญิงที่ผมหนีบติดมาด้วย

           กระท่อมลุงบอย เป็นรีสอร์ทเล็กๆที่มีกระต๊อบสำหรับเป็นที่นอนน่ารักทุกหลังไม่ติดแอร์ให้รกตา เขาบอกว่าที่นี่ไม่มียุงเลยสามารถนอนเปิดหน้าต่างเปิดประตูได้เลย ไม่มีมุ้งด้วย สวยมากครับด้านหนึ่งเป็นภูผาหินปูนตระหง่านอยู่ เบื้องหนึ่งก็เป็นลำธารใสสดห้องน้ำเขาก็ทำน่ารัก เพราะแต่ละห้องนั้นหลังคาสู้ฟ้าเลยครับ เรียกว่าขี้ไปดูดวงจันทร์ไปได้เลย โรแมนติกจริงๆผมช๊อบชอบ

           กว่าจะกินข้าวเที่ยงเสร็จก็ปาเข้าไปบ่ายสองโมงกว่า (ปล.กำหนดการบรรยายของผมคือ 13-15.00 น.ครับ)และสถานที่บรรยายของผมก็คือขนำที่กินข้าวนี่แหละอันนี้ผมถือว่าสุดยอดนะครับ เพราะว่า ที่มันเล็กๆ เด็กก็มี 20เศษๆ ไม่ต้องใช้ไมค์ให้รกมือ และที่สำคัญผมมีกลยุทธการบรรยายที่เข้าได้กับน้องๆกลุ่มนี้แล้วด้วย

           พูดถึงเรื่องการบรรยายนั้นเดี๋ยวนี้ไม่ต้องใช้สไลด์มาเป็นตัวล่อเด็กๆเหมือนเมื่อก่อนเพราะผมสามารถบรรยายโดยใช้คำพูด ใช้มุขส่วนตัว ก็สามารถเอาเด็กอยู่แรกเริ่มเดิมทีก็คิดว่าในกลุ่มที่จะมาบรรยายนี้ผมจะเล่นเหมือนกับที่เล่นกับนักศึกษาแพทย์ปี 2เมื่อครั้งไปเขาพลายดำแต่เมื่อมาเห็นน้องๆกลุ่มเป้าหมายแล้วก็ต้องตกใจเล็กน้อยเพราะว่ามีผู้ชาย 2 คน นอกนั้นเป็นผู้หญิงและทุกคนต่างก็เป็นน้องๆมุสลิม ที่ผมหนักใจก็คือแล้วไอ้ดิบๆอย่างผมนี่ จะทำให้น้องๆเขาตกใจหรือเปล่า เอาน่าลองดูสักตั้ง ปรับเปลี่ยนนิดหน่อย

           ผมเริ่มโดยการแบ่งเด็กออกเป็น 4 กลุ่มแจกคำถามให้กลุ่มละ 1 ข้อ ข้อดีของการมีเพศสัมพันธ์ข้อเสียด้วย ทำอย่างไรให้ท้อง และ ทำอย่างไรไม่ให้ท้องจากนั้นก็ให้เขาแยกย้ายกันไปเขียนคำตอบขั้นตอนนี้ก็ให้ลูกศิษย์สองคนออกไปช่วยกระตุ้นน้องๆกัน เพียง 5นาทีเราก็กลับมารวมกันคราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของผมที่จะเล่นกับคำตอบต่างๆที่เขาเขียนมา

           ข้อสังเกตส่วนตัวที่พบก็คือ น้องๆที่มาล้วนเป็นเด็กชั้นม. 4-6ส่วนหนึ่งยังเขียนหนังสือไม่คล่องแฮะ แรกๆค่อนข้างขี้อายเรียกให้เล่นด้วยยาก แต่เมื่อเวลาล่วงไปอีกไม่ถึง 10นาทีผมก็เอาอยู่ เริ่มมีคนตอบคำถามผมแล้ว มีถามด้วยเขารู้เรื่องกายวิภาคของระบบสืบพันธุ์บ้างไม่มีใครรู้จักโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หลายโรคที่ผมถาม เช่น ซิฟิลิสหูดหงอนไก่ หนองใน (อาจจะมีแต่เขายังไม่กล้าเอ่ยก็ได้)ผมเรียกน้องผู้ชายมาเล่นสวมถุงยางกับจู๋ไม้ที่ผมเตรียมไปอันนี้อายม้วนไปเลย

           ผมใช้เวลาไปจนถึง 3 โมงกับ 10 นาทีก็จบให้ท่านวิทยากรอีกท่านได้พูดเรื่องสถานการณ์โรคเอดส์ซึ่งผมก็ใช้เวลาช่วงนี้ไปดูที่ลำธาร ซึ่งมีคนพายเรือแคนูล่องมา2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งน่าจะเป็นนักศึกษามาจากที่ไหนสักแห่งพวกเธอมาบูมเจี๊ยกๆกันในป่า แบบว่าเลือดรักสถาบันขึ้นหน้าในป่าเขาครับ ไม่นานนักก็มีมาอีกกลุ่มชุดนี้เป็นกลุ่มผู้สูงวัยครับคุณลุงคุณป้าเธอล่องผ่านมาอย่างเงียบกริบหลายคนนั่งเอาเท้าแช่น้ำเล่นไปเรื่อยๆ ดูนก ต้นไม้ ป่าเขาแบบนี้สิที่ผมเรียกว่า นิเวศน์ทัศนาเราจะมีโอกาสเห็นธรรมชาติก็ต่อเมื่อเรามองมันครับ

           ผมได้มีโอกาสคุยกับพี่ท่านหนึ่งที่มากับน้องๆ เขาบอกว่า ที่แถว3 จังหวัดที่เขาอยู่นั้น เวลาทางราชการเขามาให้ความรู้เขาจะแจกถุงยางกันครับ ชาวบ้านชอบมาก แจกแต่ละครั้งก็มารับกันไปจนหมดเรียกว่าไม่พอเลยก็ว่าได้ แต่เอ๊ะ ทำไมยังท้องกันเก่งอยู่เลยมาถึงบางอ้ออีกครั้งก็ต่อเมื่อได้ไปเยี่ยมบ้านท่านๆทั้งหลายต่างก็เอาถุงยางอนามัยไปห่อจำปาดะกันหมดห่อมันตั้งแต่ลูกเล็กเท่านิ้วโป้ง มันโตขึ้นถุงยางก็ไม่แตกแมลงก็ไม่เจาะ จนสุกขายได้ถุงยางก็ยังไม่แตก แมลงก็เจาะไม่เข้าสุดยอดภูมิปัญญาแห่งถุงยางอันนี้ผมถือว่าเป็นนวัตกรรมแห่งป่าเขาอย่างแท้จริงเลยนะจะบอกให้

           เราเสร็จงานกันก็ล่วงไปเกือบ 4 โมงบอกลากันเรียบร้อยก็ลงเรือข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งโดยการชักรอกเราเปลี่ยนคนขับรถ และน้องคนเดิมยังไปส่งเราอยู่ ตอนนี้อารมณ์ดีแล้วผมได้งีบแล้วครับ รายนี้ขับรถเร็วแต่ไม่น่าหวาดเสียวผมไม่ต้องพะวงเรื่องการหลงทางหรือเลี้ยวซ้ายขวากว่าจะถึงบ้านก็หกโมงพอดี

           ครับ เพศศึกษากลางป่าเขาก็จบลงด้วยประการฉะนี้ จำไว้จำไว้ กลับบ้านไปจะเอาถุงยางไปห่อขนุน ฮา

หมายเลขบันทึก: 189516เขียนเมื่อ 21 มิถุนายน 2008 23:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (31)

สวัสดีครับ

  • เอาไปห่อขนุนเป็นไอเดียความคิดที่ดี แต่ไม่ทราบจะเหมาะสมรึเปล่า
  • อยากเห็นภาพจังเลยนะครับ
  • ขอบคุณครับ

แฮะ ๆ ๆ ใจตรงกันเลยค่ะคุณหมอ กะว่าจะลองเอาไปห่อกับขนุนเหมือนกัน

ว่าแต่ เขามีแจกฟรีที่ไหนบ้างค่ะ

อิอิ

สวัสดีครับ

บรรยากาศยอดเยี่ยมมากเลยครับ มีทั้งเขา ทั้งแม่น้ำลำธาร แถมยังไม่มียุงอีก น่าไปเที่ยวจัง แต่กลัวหลงทาง

สวัสดีครับ คุณหมอ

สุดยอดครับ ได้ทั้งเที่ยว ได้ทั้งประสบการณ์ใหม่ๆ ไอเดียถุงยางห่อจำปาดะนี้สุดยอดจริงๆ ผมจะได้ไปบอกต่อคนสวนให้ลองดู แต่แบบว่าห่อขนุนนี้คงต้องบอกว่าสุดๆ ถ้าถุงไม่แตกก็คงต้องให้คุณหมอถ่ายรูปมาลงให้ดูหน่อย และคงต้องบอกว่า ของเค้าแน่จริงๆ

ผมแนะนำให้คุณหมอลองหาซื้ออุปกรณ์ GPS มาติดรถหรือติดตัวก็ได้ เดี่ยวนี้มีหลายแบบหลายราคาให้เลือก ผมว่ามันเหมาะกับคุณหมอมากเลยเพราะบางครั้งคุณหมอต้องไปที่แปลกๆที่ไม่รู้จัก หรือว่าวันไหนจะไปต่างจังหวัด บอกมาก่อน เดียวผมเอาไปให้ยืมได้ เพราะภรรยาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดแต่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไรเพราะไม่ค่อยได้ออกต่างจังหวัดเท่าไร ใช่ไม่ยากครับคุณหมอ มันจะมีเสียงบอกเราเป็นระยะ ให้ตรงไป ให้เลี้ยวซ้ายหรือขวา ตรงไปอีกกี่กิโล อีกกี่เมตรเลี้ยว

มีประสบการณ์การใช้มาแชร์ก็คือ การใช้งานครั้งแรกก็ติดรถไปแล้วเดินทางไปชุมพรเพื่อจะไปต่อเรือไปนางยวน ก็ตั้งค่าไว้เรียบร้อยให้มันพาไปรีสอร์ท พอเกือบถึงชุมพรก็มืดแล้ว เครื่องก็บอกเราว่าให้กลับรถ ผมก็เลยงงๆ เพราะถ้าเราตรงไปก็จะเข้าแยกปฐมพร แต่เครื่องนี้ก็บอกว่าให้กลับรถ เราก็เลยตัดสินใจเชื่อเครื่องดู พอกลับรถแล้ว ก็บอกต่ออีกว่าให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเล็กๆ คราวนี้ก็เลยหยุดรถก่อนแล้วปรึกษาภรรยาว่าเอาไงดี จะเชื่อเครื่องเจ้ากรรมนี้มั๊ย โทรไปปรึกษาพี่ภรรยาที่กรุงเทพ ที่ใช้เครื่องนี้อยู่เป็นประจำ อธิบายคร่าวๆ เค้าก็บอกว่าให้เชื่อใจได้ เราก็เลยเอาไงเอากัน ขับไปเรื่อยๆ ก็เข้าไปเป็นถนน อบต.ตลอดเส้นทาง เสียวก็เสียว เพราะว่ามันมืดแล้ว เปลียวด้วย แต่เครื่องก็พาเรามาถึงจุดหมายได้ ก็นับว่าเชื่อเครื่องมือนี้ได้ 100% เลยครับ

พี่เม่ยเริ่มต้นอ่านอย่างเพลิดเพลิน   จนถึงตอนที่คุณหมอบอกว่า "....เลี้ยวขวาที่โรงพยาบาลควนกาหลง..." เท่านั้นแหละ รีบร้องห้ามไม่ทันเลย  เพราะทางไปถ้ำเจ็ดคต  น้ำตกวังทรายทอง ถ้าภูผาเพชรสายนี้นั้น  เป็นเส้นทางปราบเซียนมานักต่อนักแล้วค่ะ  พี่เม่ยมีประสบการณ์ไปเที่ยวถ้ำภูผาเพชร  ขาไปก็ยังพอเอาตัวรอดได้เพราะมีป้ายเล็กๆ (เน้นว่าเล็กมาก) บอกเป็นระยะ  แต่พอขากลับนี่สิ..... ใช้เวลา 5 ชั่วโมงเวียนวนอยู่ในเส้นทางนั้น กว่าจะโผ่ลออกมาเจอ รพ.ควนกาหลงอีกครั้งนึงได้  โอ๊ย! หัวใจแทบวาย...

นี่ถ้าให้ไปอีก ก็คงจะหลงอีก เพราะฉะนั้นคุณหมอไม่ต้องตกใจนะคะ  ขึ้นชื่อว่าควนกาหลง  ใครได้ไปก็หลงทั้งน้าน....

รีสอร์ทสวยมากค่ะ น้ำก็ใสจัง แต่ไม่กล้าไปเพราะกลัวหลง 555...

คุณน้องหมอ ขา...อ่านไปหัวเราะไป กุ๊ก กิ๊ก คิ๊ก คัก จนลูกสงสัย แม่ขำอะไรเล่าให้เอฟัง...เรื่องถุงยาง...ทำยังไงเธอก็ไม่รู้จัก อิ..อิ..ไปเปิดลองไปเปิดลิ้นชักคุณพ่อ...เผื่อจะมีจะเอามาให้ดูตัวอย่าง อ้าว!มีจริงๆ

แม่มั่ว...ลูกโป่งต่างหาก...

พี่ไม่ได้ยินเสียงลุกอีกแล้ว...มีบางอย่างก้องอยู่ในใจ..สามีอั๊ว..อีมีไว้ทำไม

ก๊ากส์...

โอ้โห้ถ้าเป็นแบบที่พี่เม่ยบอกก็น่าหวาดเสียว ควนกาหลง ขนาดกายังหลงแล้วคนจะไปเหลือหรือครับ

สวัสดีครับครูสุ

เรื่องเหมาะหรือไม่เหมาะนั้นอยู่ที่มุมมองครับ สำหรับผมแล้ว หากยังไม่ได้เอาไปใช้มาก่อน รับได้ 100% เลยครับ

อย่าลืมนะครับคุณครู ว่าถุงยางนั้นสะอาด sterile แน่นอนครับ

พี่รัตติยาครับ

อยากได้ก็มารับได้ที่ผม ภาควิชาสูติครับ มีเพียบ

ถ้าต้องการเอาไปห่อขนุน เดี๋ยวจะเอาของที่ใกล้หมดอายุให้ แต่ถ้าจะใช้ตามวัตถุประสงค์จริง ก็นู่นครับ ห้างตราดอกบัว หน้าม.อ.ก็ได้ครับ

อ.ธ วั ช ชั ย ครับ

ไม่ต้องกลัวครับ ตราบใดที่ประเทศไทยยังเป็นประเทศไทย เราหลงได้ทุกเมื่อครับ

ดูอย่างตอนที่ผมไปอ่าวนาง กระบี่สิ ยังหลงซอยได้เลย ปวดกะบาลประเทศไทยจริงๆ

พี่หนึ่งครับ

ผมก็อยากได้เหมือนกันเลยครับ แพงไหม แล้วเรายังต้องเสียค่าบริการอื่นๆอีกหรือเปล่า น่าจะได้ยืมของพี่มาใช้ดูสักครั้ง

แต่ปัญหาของผมในวันก่อน ไม่ได้อยู่ที่ GPS หรอกครับ เพราะผมไม่ได้ขับ ขอขับเขาก็ยังไม่ยอมเลย 5555

ประเด็นต่อมาก็คือ แต่ละคนก็ยังไม่รู้เลย ว่าเราจะไปตรงจุดไหนของประเทศครับ นี่คือปัญหาหลักจริงๆ 55 ดูซิ บอยส์รูม มากลายเป็น กระท่อมลุงบอย เฉยเลยครับพี่

พี่เม่ยครับ

จริงอย่างที่พี่ว่าครับ ควนกาหลง ฮ่า ฮ่า ฮ่า

จริงๆแล้วคำว่าควนกาหลงนั้น ทำให้ผมนึกถึงต้นกาหลงต่างหาก แต่ยังไงเสียก็มองไม่เห็นมันสักต้น

กาหลง ชงโค โยทะกา เป็นพืชกลุ่มเดียวกัน ดอกและใบเหมือนกัน แต่ดอกคนละสี

คนไทยเราตั้งชื่อได้เก๋มาก เพราะว่า กาหลงนั้น ดอกมีสีขาวสวย เพราะมันมีสีขาว มันจึงได้ชื่อว่า "กาหลง"

ยังนึกอยู่เลยว่า หากดอกเป็นสีดำ น่าจะมีชื่อว่า ดอก กากา

พี่เมตตาครับ

ลูกสาวคนโตผมรู้จักถุงยางอนามัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พ่อมันสอนเกลี้ยง แบว่าค่อยๆสอน ใช้เวลา 2-3 ปีครับ กว่าเธอจะรู้ว่ามันมีไว้ทำอะไร มีไว้ไม่ให้คนผสมพันธุ์กัน ฮ่า

แรกๆเธอก็บอกว่า เอาไว้ใส่น้ำเล่น (เพราะเห็นผมเอาไปเล่นเกม) ต่อมาก็บอกว่า ผมเอาไปสอนหนังสือ

และอยู่มาวันหนึ่งเธอก้มาถามว่า อสุจิ คืออะไร เมื่อนั้นแหละก็ถึงเวลาของผมที่จะบอกความจริงเธอสักที

ตอนนี้เธอจึงรู้ความจริงว่า หากไม่อยากมีน้องอีกคน ก็ต้องใช้ถุงยาง

ปากก็บ่นพร่ำว่า ใส่ให้ดูหน่อยสิ ผมก็เขกกะบาลไปทีหนึ่ง แล้วก็บอกว่า ยังก่อน รออีกนิด แล้วจะสาธิตให้ดูเมื่อลูกโต (ราวๆ ป.6- ม.2 กระมัง)

อ่านไปยิ้มไปได้จริงๆค่ะ แต่ละมุมมองเหลือกินจริงๆคุณหมอแป๊ะของเรา

ได้เลยครับคุณหมอ จะใช้เมื่อไรบอกมา

ราคาตอนนี้มีตั้งแต่ หลักหลายพันแก่ๆ ไปจนถึงหลักหมื่น ส่วนค่าใช้จ่ายอย่างอื่นไม่มีครับ

จะมีการ update อยู่เรื่อยๆปีละครั้ง ซึ่งเราสามารถ down load ได้จากทาง net

จริงๆแล้วเท่าที่รู้มาสามารถที่จะ down load แผนที่ของประเทศอื่นๆได้ด้วยในกรณีที่เราจะไปต่างประเทศแล้วใช้วิธีขับรถเที่ยวเอง แต่ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือเปล่า

พี่โอ๋ครับ

มุมมองคนอื่นทั้งน๊านนนน

พี่หนึ่งครับ

ขอบน้ำใจจริงๆครับพี่

อิอิ คุณหมอขา คงเอาไปไว้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์รองค่ะ

ส่วนวัตถุประสงค์หลักนั่น คงไม่ต้องใช้แล้วหละคะ หมดเชื้อแล้ว อิอิ

ว่าแต่ ถ้าพี่เอาไปห่อขนุน ไอ้ที่เคยออกลูกดก ๆ หนะ มันจะหายดก รึเปล่าน้อ น่าคิด

ก๊าก....พี่รัตติยา

จริงด้วย ขนุนจะหายดกหรือเปล่าหนอ คำตอบคือไม่ครับ เพราะว่าเราห่อตอนมันออกลูกแล้ว ไม่ได้เอาไปห่อที่โคนต้นซะเมื่อไหร่ครับคุณพี่

อย่าห่วงไปเลยครับ

แล้วอย่าลืมติดต่อผมนะครับ นัดเจอกันเมื่อไหร่จะหอบถุงยางอนามัยไปฝาก

ของผมมีแต่เบอร์ 49 เอาไว้สาธิตอย่างเดียว

ถ้าเรื่องไปละงูต้องถามคนละงูอย่างผมครับ ปิดเทอมก่อนนักศึกษาจะไปเที่ยวกัน เลยถามทางกับผมก่อนไป เปิดเทอม ผมก็ถามว่าพายเรือสนุกมัย พวกเขาตอบผมว่า หาอยู่ครึ่งวันไม่เจอเลยเปลี่ยนไปเที่ยวที่อื่น ฮิฮิ

เด็ดครับท่านจารุวัจน์

ไปเที่ยวนี้เกือบเข็ด ดีที่พี่หนึ่งจะให้ยืม GPS สักวันจะได้ลองใช้

ไปมาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา 30/5/2552

สวยงาม จับใจ

จริงๆ ไปกันแค่สองคนกับแฟน

แต่ได้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ๆกลับมา เป็นสิบคน

อาหาร อร่อย บรรยายกาศ ดี โคตะระ เลยอ่ะครับ

วางแผนว่า จะไปกันอีก เดือน กรกฎาคม นี้

ชวนเพื่อนที COke ได้ ด้วยเเล้วตอนนี้ หลาย คน

อยากให้ไปกันนะครับ

ที่นี่ สวยและ สงบมาก

เป็นกันเอง อย่างพี่ๆน้องๆ

ประทับใจจริงๆๆๆ

ขอบคุณเจ้าของกระทู้นี้นะครับ ทำให้ได้ที่ลงความในใจ

ขอบคุณพี่บอย ที่ทำให้ชีวิตได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีก อย่างหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

ขอบคุณคุณป้าแม่ครัว ที่ทำอาหารให้รับประทาน เด็ด สุดๆๆ

ขอบคุณพี่จากวิทยุการบิน ,TOT ,ยิปซั่ม ,Rentokil และ Coke หาดทิพย์

ไว้เจอกันครับ

  • ขอขอบคุณที่แนะนำสถานที่พักผ่อนที่เงียบสงบ วิวสวย ชอบมากคะ
  • บรรยากาศดีๆแบบนี้ทำให้ชีวีมีความสุขเพลิดเพลินกับธรรมชาติคะ
  • ไม่เห็นด้วยการเรื่องเพศศึกษาเรื่องนี้คะ แค่ไปสอนเรื่องวิธีการใช้ถุงยางอนามัย ไม่จำเป็นต้องถ่อสังขารไปกันแบบนี้ให้เสียงบประมาณเลย  การไปสาธิตเป็นเรื่องที่น่าละอายนะคะ เหมือนกับว่าบ้านนาป่าดงเป็นคนโง่ เขาอยู่กับป่าอยู่ดีๆก็ไปกระตุ้นให้เขาระลึกถึงการมีความสัมพันธ์ทางเพศ เหมือนกับไปกระตุ้นเรื่องนี้ให้เขาคึกคักขึ้น การสวมใส่ถุงอนามัยใครก็ใส่กันเป็นไม่ใช่คนปัญญาอ่อน การมาสาธิตกันกลางห้องเป็นหัวเราะขบขัน ก็ไม่ตลกเลยนะคะ สำหรับวัฒนธรรมประเพณีไทยเรา

เก่ง dot coke

ยินดีที่ก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันนะครับ

นาวสาว วลัยลักษณ์ หญิง งามวิไล

ผมไปสอนนักเรียน นักเรียนเขามาจากยะลา คนจัดก็คือส่วนราชการยะลา คนมาฟังไม่ใช่ชาวบ้านละแวกนั้นดอกขอรับ

ส่วนเรื่องที่คิดว่า ใครๆก็ใส่ถุงยางเป็นนั้น ผมสอนลูกศิษย์ไปเสมอว่า "กรุณาลืมไปซะ เพราะที่ไอ้มาสอบใส่ๆกันนั้น ตกไปกว่าเกือบครึ่ง" แล้วอย่างนี้ใครลำบากหนอ ท้องมาใครลำบาก ติดโรคมาใครลำบาก ดังนั้น สอนครับ อย่างไรก็ต้องสอน สอนกันให้รู้จนตายไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว ใครจะละลายผมไม่สนใจ ผมด้านกว่า ผมสอนได้เสมอครับ สอนในรถไฟก็ยังได้ ฮา

น้องของเพื่อนที่เป็นนักเรียนหญิงเป็นเด็กสาวรุ่น
เธอมาเล่าให้ฟังว่าที่โรงเรียนเอาครูพละชายมาสอนเรื่องเพศศึกษา
ครูพละคนนี้เป็นครูเจ้าชู้และลามกมาก เขาสอนวิธีสวมถุงยางพร้อมสาธิตเกือบครึ่งชั่วโมง
รูดถุงยางกับอวัยวะเพศชายเทียมขึ้นลงตลอดเวลา พร้อมสอดส่ายสายตามองหน้านักเรียนหญิง แบบนี้สมควรไหมคะ จขกท.ชอบทำแบบนี้ใช่ไหม

เรื่องนี้แค่พูดหรือมีรูปก็เพียงพอแล้ว

การสอนเพศศึกษาในโรงเรียน เรื่องนี้เป็นดาบสองคมครับ

แต่ที่แน่ชัดเป็นการส่งเสริมให้เด็กนัเรียนมาหมกมุ่นในเรื่องนี้

ผู้ที่จะสอนเพศศึกษาได้ควรมีคุณสมบัติมีวุฒิบัตรด้านคุณธรรมและจริยธรรมเป็นเครื่องกำกับจึงจะสอนได้

การมีความรู้อย่างเดียวไม่พอคะ เพราะอันตรายมากคะ

การเรียนการสอนต้องบูรณาการคะ

จะสอนก็ต้องระมัดระวังคะ

ลูกผู้หญิงไทยยังอยู่ในกรอบอีกแยะคะ

อย่าเพิ่งปรามาสยุคสมัยนี้ลูกผู้หญิงไทยยังรักษาพรหมจรรย์จนถึงวันสมรสยังมีอีกมากนะคะ

ได้มาอ่านเม้นท์หลายอัน รู้สึกว่าเมืองไทยยังด้อยเหลือเกินเรื่องสติปัญญาที่จะแยกให้ออกระหว่างเรื่องการศึกษาเรื่องเพศเพื่อรู้เท่าทันและป้องกันปัญหาที่จะเกิด ถามว่าไม่พูดแล้วเด็กไม่ท้องหรือเด็กจะไม่มีเพศสัมพันธ์มั้ย ยิ่งในถิ่นที่ความรู้ความเจริญน้อยยิ่งเกิดปัญหาแบบนี้เยอะ การเข้าไปให้ความรู้นับว่าเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุ เห็นพูดน่ะเก่งกันหมดทั้งนั้น พอเวลามีปัญหาเกิดขึ้นไม่ว่าโรคทางเพศ ปัญหาตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ อยากถามว่าคนเก่งที่พูดเยอะๆ พวกนี้หายหัวไปไหนหมด

จริยธรรมนั้นบางครั้งก็พูดยากว่าอะไรคือจริยธรรม อย่างรู้ว่าอะไรควรไม่ควร รู้วิธีป้องกันแต่ไม่พูดไม่ถ่ายทอดความรู้นี่ถือว่ามีจริยธรรมที่ดีใช่มั้ย หรือการเอาเกณฑ์ความคิดความหมกมุ่นในเรื่องนั้นของตัวเองมาตัดสินคนอื่นก็คือมีจริยธรรมสูงส่ง??? เคยได้ลองไปเจอเด็กที่ท้องตอนอายุ 12 แล้วอยากฆ่าตัวตายอยากทำแท้งมั้ย เคยแม้แต่คุยกับคนที่มีปัญหานี้หรือเปล่า หรือจะช่วยเด็กผู้ชายที่ติดโรคงอมแงมเพราะไม่รู้จักป้องกัน คนที่ช่างพร่ำพูดว่าตัวเองมีจริยธรรมสูงถึงเวลานั้นจะทำอย่างไร คงทำเฉยเพราะว่าไม่ใช่ธุระ แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพราะไม่มีปัญญาจะแก้ แต่เวลาหมอหรือครูสอนเรื่องพวกนี้กูจะค้าน เพราะมันน่าเกลียด คือตัวเองคิดแต่เรื่องน่าเกลียดอยู่ในหัวเลยคิดว่าคนอื่นต้องคิดแบบเดียวกัน หรือมีประสบการณ์เท่านั้นเลยจำกัดความว่าคนอื่นต้องเป็นแบบนั้น มือไม่พายเอาเท้าราน้ำจริงๆ

เปิดกะลาออกมายอมรับความจริงที่เกิดขึ้นในสังคมบ้าง อย่าเอาแต่พูดแล้วครอบกะลาปิดลงอยู่ใน zone ที่คิดว่าเจริญสูงส่งต่อไป กล้าเสนอ กล้าพูด ก็ต้องกล้าทำและกล้าช่วยหาทางแก้ปัญหาเวลาเกิดขึ้น ไม่ใช่พูดแล้วเปิดตูดแจว ทิ้งขี้ไว้ให้คนอื่นทั้งๆ ที่เขาเป็นคนทำงานเพื่อสังคม

ไม่ชอบคำกล่าวของสตรี่นนี้เลยคะ

ได้มาอ่านเม้นท์หลายอัน รู้สึกว่าเมืองไทยยังด้อยเหลือเกินเรื่องสติปัญญาที่จะแยกให้ออกระหว่างเรื่องการศึกษาเรื่องเพศเพื่อรู้เท่าทันและป้องกันปัญหาที่จะเกิด ถามว่าไม่พูดแล้วเด็กไม่ท้องหรือเด็กจะไม่มีเพศสัมพันธ์มั้ย ยิ่งในถิ่นที่ความรู้ความเจริญน้อยยิ่งเกิดปัญหาแบบนี้เยอะ การเข้าไปให้ความรู้นับว่าเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุ เห็นพูดน่ะเก่งกันหมดทั้งนั้น พอเวลามีปัญหาเกิดขึ้นไม่ว่าโรคทางเพศ ปัญหาตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ อยากถามว่าคนเก่งที่พูดเยอะๆ พวกนี้หายหัวไปไหนหมด

 

เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ในกรอบวัฒนธรรมประเพณีไทยคะ
ไม่เคยไปทำอะไรให้เสื่อมเสียเกียรติวงศ์ตระกูลแลศักดิ์ศรีสตรีไทยที่ไหน
ขอบอกว่ายังมียางอายในเรื่องเช่นนี้ อาจเกิดจากการเลี้ยงดูจากผู้ปกครองต่างวัฒนธรรมกันกระมังคะ


ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์หมอในเรื่องนี้นะคะที่ยังสนุกเพลิดเพลินหาความมันส์ที่เกี่ยวกับเพศในสถานที่สาธารณะเรื่อยๆไปเช่น
สมัยก่อนยัง พฤติกรรมของอาจารย์เหมือนสนับสนุนให้คนหมกมุ่นในเรื่องนี้
อาจารย์น่าจะสอนเรื่องให้รักนวลสงวนตัว ให้อยู่ในกรอบวัฒณธรรมประเพณีมากกว่านะคะ
อาจารย์น่าจะสนใจเรื่องศีลธรรมบ้างนะคะ สอนให้สวมถุงยางแต่ศีลลธรรมก็ยังเสื่อมอยู่นะคะ ปลายเหตุคะที่อาจารย์ทำอยู่

และอาจารย์น่าจะสอนนักเรียนชาย ผู้ชาย ให้เกียรติสตรีนะคะอย่าดูถูก อย่าชิงสุกก่อนห่าม

เรื่องนี้ทำไมไม่สอนคะ  การกระทำแบบนี้ทำให้เด็กใจแตกคะ

 

 

ไม่ชอบคำกล่าวของสตรีท่านนี้เลยคะ

ได้มาอ่านเม้นท์หลายอัน รู้สึกว่าเมืองไทยยังด้อยเหลือเกินเรื่องสติปัญญาที่จะแยกให้ออกระหว่างเรื่องการศึกษาเรื่องเพศเพื่อรู้เท่าทันและป้องกันปัญหาที่จะเกิด ถามว่าไม่พูดแล้วเด็กไม่ท้องหรือเด็กจะไม่มีเพศสัมพันธ์มั้ย ยิ่งในถิ่นที่ความรู้ความเจริญน้อยยิ่งเกิดปัญหาแบบนี้เยอะ การเข้าไปให้ความรู้นับว่าเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุ เห็นพูดน่ะเก่งกันหมดทั้งนั้น พอเวลามีปัญหาเกิดขึ้นไม่ว่าโรคทางเพศ ปัญหาตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ อยากถามว่าคนเก่งที่พูดเยอะๆ พวกนี้หายหัวไปไหนหมด

 

เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ในกรอบวัฒนธรรมประเพณีไทยคะ
ไม่เคยไปทำอะไรให้เสื่อมเสียเกียรติวงศ์ตระกูลแลศักดิ์ศรีสตรีไทยที่ไหน
ขอบอกว่ายังมียางอายในเรื่องเช่นนี้ อาจเกิดจากการเลี้ยงดูจากผู้ปกครองต่างวัฒนธรรมกันกระมังคะ


ไม่เห็นด้วยกับอาจารย์หมอในเรื่องนี้นะคะที่ยังสนุกเพลิดเพลินหาความมันส์ที่เกี่ยวกับเพศในสถานที่สาธารณะเรื่อยๆไปเช่น
สมัยก่อนยัง พฤติกรรมของอาจารย์เหมือนสนับสนุนให้คนหมกมุ่นในเรื่องนี้
อาจารย์น่าจะสอนเรื่องให้รักนวลสงวนตัว ให้อยู่ในกรอบวัฒณธรรมประเพณีมากกว่านะคะ
อาจารย์น่าจะสนใจเรื่องศีลธรรมบ้างนะคะ สอนให้สวมถุงยางแต่ศีลลธรรมก็ยังเสื่อมอยู่นะคะ ปลายเหตุคะที่อาจารย์ทำอยู่

และอาจารย์น่าจะสอนนักเรียนชาย ผู้ชาย ให้เกียรติสตรีนะคะอย่าดูถูก อย่าชิงสุกก่อนห่าม

เรื่องนี้ทำไมไม่สอนคะ  การกระทำแบบนี้ทำให้เด็กใจแตกคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท