พลังแห่งความรักความผูกพัน
จากบทกลอนอันประทับใจความว่า...
รักกันสุดขอบฟ้าเขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียวร่วมห้อง
ชังกันบ่อแลเหลียวตาต่อกันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้องป่าไม้มาบัง...
ท่านที่เคยได้ยินได้ฟังบทกลอนนี้คงมีจินตนาการได้อย่างหลากหลายและลุ่มลึก
สิ่งหนึ่งที่ท่านนึกคิดคงไม่ผิดแผกแตกต่างกันนักก็คือ "การปลูกฝังความรักความผูกพันอันดีต่อกัน (belonging)
เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องปลูกฝังให้มีอยู่ทุกระดับ นับตั้งแต่ครอบครัว
สถาบันการศึกษา ชุมชน สังคม ตลอดจนประเทศชาติ"
สร้างสรรค์กิจกรรมนำไมตรี
สำหรับหน่วยงานสถานศึกษาต่างๆ
คงจะมีวิธีการที่ไม่เหมือนกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของโรงเรียนจิระศาสตร์วิทยา
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาล ๑
ไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ จำนวน ๔,๖๓๕ คน ผู้บริหาร ครู
อาจารย์ ๒๕๐ คน, และพนักงานชาย-หญิง ๖๐ คน
โรงเรียนพยายามอย่างยิ่งที่จะสร้างความตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของสมาชิกแต่ละคน
เปรียบโรงเรียนจิระศาสตร์วิทยาเสมือนครอบครัวใหญ่ มีนักเรียนเป็นลูกๆ
(นักเรียนม.๑-๓ เป็นพี่คนโต, นักเรียน ป.๔-๖ เป็นพี่คนรอง นักเรียน
ป.๑-๓ เป็นพี่คนกลาง และนักเรียนอนุบาล ๑-๓ เป็นน้องคนเล็ก)
มีคุณครูชาย-หญิง เป็นคุณพ่อคุณแม่ (คนที่สอง) และมีพนักงานชาย-หญิง
เป็นลุง ป้า น้า อา
การจัดกิจกรรมร่วมกันในแต่ละวัน เดือน ปี
ทำให้ทุกคนมีความรักความผูกพันเกิดความรู้สึกเอื้ออาทรต่อกัน
ยกตัวอย่างกิจกรรมที่จัดขึ้น เช่น
กิจกรรมยามเช้า
(เริ่มตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐-๐๘.๓๐ น.) นักเรียนประมาณ ร้อยละ ๘๐
มากับรถรับ-ส่งของโรงเรียน
เมื่อมาถึงโรงเรียนนักเรียนแต่ละคนจะเข้าร่วมกิจกรรมยามเช้าตามความถนัด
ความสนใจของแต่ละคน
ซึ่งจะมีสภานักเรียนและสโมสรอินเตอร์แรคท์โรงเรียนจิระศาสตร์วิทยาร่วมกันรจัดกิจกรรมต่างๆอย่างหลากหลาย
โดยมีครูเป็นที่ปรึกษา อาทิ
๑.
กิจกรรมจิตรกรน้อย
ลักษณะกิจกรรมเป็นการส่งเสริมความสามารถพิเศษของนักเรียนด้านการวาดภาพ
ระบายสี โดยมีขาหยั่งติดกระดาษ
ตั้งไว้เรียงรายตามแนวถนนภายในโรงเรียนและเตรียมสีไว้ให้ทั้งสีน้ำ
สีเทียน สีชอล์ค ฯลฯ ให้นักเรียนเลือกตามความถนัด
๒.
กิจกรรมยอดนักอ่าน/ห้องสมุดเคลื่อนที่
ลักษณะกิจกรรมเป็นการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านโดยสภานักเรียนจัดเตรียมหนังสือ
วารสาร จุลสาร ใส่ตะกร้า กระจาดและภาชนะอื่นๆ นำไปบริการตามม้าหินอ่อน
บริเวณระเบียง และรถพ่วง
ซึ่งนักเรียนที่มาอ่านจะได้รับแบบบันทึกการอ่าน
และในแต่ละเดือนจะมีการสรุปสถิติพร้อมทั้งประกาศรายชื่อผู้ที่สามารถบันทึกการอ่านได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดของแต่ละระดับจะได้เป็นยอดนักอ่าน
๓.
กิจกรรมเวทีศักยภาพ
ลักษณะกิจกรรมเป็นการส่งเสริมความสามารถพิเศษให้นักเรียนได้แสดงความสามารถบนเวที
เช่น ดนตรีไทย-สากล (การบรรเลงดนตรี-ดุริยางค์)
การขับร้อง-ฟ้อนรำ การแสดงละคร เป็นต้น
๔.
กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน-พี่ช่วยน้อง
ลักษณะกิจกรรมเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
เช่น พี่มัธยมช่วยสอนน้องๆอ่านหนังสือ/
เล่านิท่าน/เชิดหุ่นให้น้องๆอนุบาล ตลอดจนช่วยดูแลน้องๆเล่นเครื่องเล่น
ประเภทที่ต้องปีนป่าย เป็นต้น
๕.
กิจกรรมเกม
กีฬาและนันทนาการ
ลักษณะกิจกรรมเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักการเล่นเกมกีฬาแบบไทยๆ
เช่น เล่นหมากรุก หมากล้อม หมากเก็บ กาฟักไข่ ตาเขย่ง ฯลฯ
ให้รู้จักออกกำลังกาย เช่น การเล่นบาสเก็ตบอล วอลเลย์บอล
แบดมินตัน ตะกร้อ เปตอง ฯลฯ
และให้รู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์โดยการชมวีดีโอสารคดีต่างๆ
เช่น รายการสำรวจโลก, My Science, Discovery เป็นต้น
๖.
กิจกรรมรักษ์วัฒนธรรมไทย ลักษณะกิจกรรมเป็นการส่งเสริมให้นักเรียนตระหนักถึงคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทย
(ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านอยุธยา) เช่น การประดิษฐ์งานใบตอง การจักสาน
(สานพัด, สานปลาตะเพียนใบลาน) การประดิษฐ์ดอกไม้จากโสน
ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ได้รับความอนุเคราะห์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น มาเป็นวิทยากรสาธิต
กิจกรรมสัมพันธ์ในโรงเรียน
นอกจากโรงเรียนจะได้จัดกิจกรรมให้กับนักเรียน
ดังได้ยกตัวอย่างมาแล้วข้างต้น โรงเรียนยังได้ตระหนักถึง
"ศักดิ์ศรีความเท่าเทียมกันของมนุษย์"
ดังนั้นจึงได้จัดกิจกรรมเพื่อหลอมรวมความรู้สึกมีส่วนร่วม มีความรักความผูกพันระหว่างครู
และพนักงานในโรงเรียน จึงได้จัดให้มีกิจกรรมต่างๆ เช่น
๑.
กิจกรรมครอบครัวสัมพันธ์เอื้ออาทร
ลักษณะกิจกรรมเป็นการนำระบบหมู่ของลูกเสือมาใช้ในการจัดกลุ่มรูปแบบ
"ครอบครัว" เพื่อให้ครู คนงานและคนรถ
ได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
สอบถามสารทุกข์สุกดิบและช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
กลุ่มหนึ่งๆมีสมาชิกประมาณ ๑๕-๒๐ คนและให้มีการเลือกหัวหน้าครอบครัว
(ส่วนใหญ่จะได้คนขับรถ) เป็นหัวหน้า
ส่วนครูทำหน้าที่เป็นเลขานุการครอบครัว
สำหรับสมาชิกคนอื่นๆจะแบ่งงานตามความถนัดความสนใจ
ภารกิจส่วนใหญ่เป็นการช่วยเหลือดูแลความเรียบร้อย
ความปลอดภัยของนักเรียนภายในเขตรับผิดชอบของครอบครัว
๒.
กิจกรรมมิตรภาพและอวยพรวันเกิด
ลักษณะกิจกรรมเป็นการส่งเสริมไมตรีจิตมิตรภาพระหว่างบุคลากรทุกฝ่ายในโรงเรียน
ทุกๆเดือนจะมีการประชุมร่วมกันเดือนละ ๑ ครั้ง
(จัดในวันหยุด) ระหว่างพักกลางวันจะมีการอวยพรวันเกิดให้กับบุคลากรที่เกิดในเดือนนั้นๆ
(บางเดือนเกิดเกือบครบทุกวัน) ทั้งนี้จะมีการร้องเพลงอวยพรวันเกิด
Happy Birthdayและมอบดอกไม้พร้อมซอง (๒๐๐ บาท) ให้กับทุกคน (เงิน ๒๐๐
บาทไม่มากนัก
แต่ให้เป็นขวัญถุงหรือนำไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วหรือมอบให้บิดามารดาผู้ให้กำเนิด)
เมื่อเสร็จจากการอวยพรวันเกิดแล้วจะมีการรับประทานอาหารร่วมกัน
(อาหารโรงเรียนทำเอง)
๓.
กิจกรรมค่ายคุณธรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต
ลักษณะกิจกรรมเป็นการจัดให้บุคลากรทุกคนในโรงเรียนทั้งครู คนงาน
คนขับรถ
ได้เข้ารับการอบรมพัฒนากาย-พัฒนาจิต ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา
เป็นเวลา ๑ คืน ๒ วัน
กิจกรรมที่จัดมีทั้งการเชิญวิทยากรมาบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาสุขภาพร่างกาย
การนิมนต์พระคุณเจ้ามาเทศน์และนำฝึกสมาธิพัฒนาจิต
และได้ไปร่วมกันพัฒนาสาธารณะประโยชน์ เช่น กวาดลานวัด
ปลูกต้นไม้ ปล่อยปลา ฯลฯ
๔.
กิจกรรมกีฬาบุคลากร
ลักษณะกิจกรรมเป็นการจัดแข่งขันกีฬาบุคลากรในโรงเรียน
ในช่วงเดือนตุลาคม (ระหว่างปิดภาคเรียนภาคต้น) โดยแบ่งบุคลากรออกเป็น
๔ สีๆละประมาณ ๗๕-๘๐ คน ประเภทเกมกีฬาที่จัดประกวดแข่งขัน
เช่น ชักเย่อ วิ่งกระสอบ วิ่งเปรี้ยว ห่วงยาง เปตอง ปิงปอง
แบดมินตัน แชร์บอล วอลเลย์บอล บาสเกตบอล ตะกร้อ ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีการประกวดกองเชียร์ แอโรบิคด๊านซ์ เชียร์ลีดเดอร์
และประกวดขบวนพาเหรด สำหรับกิจกรรมการเล่นเกม กีฬา
ไม่เน้นแพ้-ชนะ แต่เน้นการมีส่วนร่วม
ความสมัครสมานสามัคคีเป็นสำคัญ
๕.
กิจกรรมสังสรรค์วันปีใหม่
ลักษณะกิจกรรมเป็นการสังสรรค์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
เน้นให้บุคลากรทุกฝ่ายได้พบปะ สังสรรค์ รับประทานอาหาร
จับสลากของขวัญรางวัลร่วมกัน บุคลากรแต่ละคนจะได้ของขวัญคนละ ๓ ชี้น
(ได้มาจากโรงเรียน
จากผู้มีอุปการคุณ/ห้างร้านต่างๆที่ติดต่อค้าขายกับโรงเรียน
และของขวัญที่ตนเองออกเงินสมทบจัดซื้อ)
โดยคณะกรรมการสภาครูและฝ่ายบุคลากรเป็นผู้ดำเนินการ
จากการสังเกตและสอบถามนักเรียนและบุคลากรพบว่า
นักเรียนและบุคลากรมีความรู้สึกและแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย
เช่น
เด็กชายสุรศักดิ์ ศุภกิจมงคล
ชั้น ม.๓ กล่าวว่า
รู้สึกชอบใจที่โรงเรียนได้เปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมคิดกิจกรรมและคุณครูได้ให้คำแนะนำช่วยเหลือในการจัดกิจกรรมต่างๆ
แม้ว่าบางครั้งอาจจะมีปัญหา อุปสรรคบ้าง
แต่ท้ายที่สุดก็สามารถแก้ไขปรับปรุงงานจนสำเร็จได้ด้วยดี
สำหรับความรู้สึกที่มีต่อน้องๆ
อยากฝากให้น้องๆสภานักเรียนร่วมกับสมโสรอินเตอร์แรคท์จัดกิจกรรมลักษณะนี้
อาจาจคิดแปลกใหม่กว่านี้
เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมมากยิ่งขึ้น
เด็กหญิงพรพิมล
หลาวเพชร ชั้น ม.๓
กล่าวว่าการที่โรงเรียนจัดให้มีกิจกรรมต่างๆอย่างหลากหลาย
เป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้นักเรียนได้มีโอกาสเลือกกิจกรรมตามความถนัด
ความสนใจ ได้ค้นพบความสามารถของตนเอง
และได้เรียนรู้แนวทางในการทำงานร่วมกัน
ได้เสริมสร้างความรักความผูกพันระหว่างเพื่อนๆและน้องๆในโรงเรียน
อยากให้ทำต่อไปค่ะ พรพิมล กล่าวในที่สุด
เด็กหญิงธวัลพร ศุภเลิศ ชั้น
ป.๖
กล่าวว่าเมื่อก่อนคิดว่ากิจกรรมที่โรงเรียนจัดขึ้นไม่น่าสนใจและไม่มีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมมากนัก
เพราะต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือทบทวนความรู้
แต่เมื่อเข้าไปสัมผัสกิจกรรมและลงมือทำด้วยตนเองพบว่ากิจกรรมหลายอย่างทำให้เราได้เรียนรู้วิธีการต่างๆที่เราไม่เคยรู้หรือไม่เคยสนใจมาก่อน
ทำให้เกิดความรู้ ได้เรียนรู้แนวทางการทำงาน ได้รู้จักแก้ปัญหา
ต้องยอมรับว่าเป็นความโชคดีที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมและจำนำเอาประสบการณ์ความรู้เหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป
สำหรับความคิดเห็นที่มีต่อกิจกรรมคิดว่าโรงเรียนได้ทำถูกต้องแล้ว
อยากให้พี่ๆน้องๆทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ตามความถนัด ความสนใจ
รับรองได้ว่าไม่ผิดหวังค่ะ
เด็กชายณัฐพล
ปิ่นวิเศษ ชั้น ป.๓
กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมยามเช้า...
"ผมชอบวาดภาพระบายสีมากที่สุดครับ"
คุณโกมล
ศรีไสย (พนักงานขับรถ)
กล่าวว่ารู้สึกดีใจที่ได้มาอยู่ในครอบครัวจิระศาสตร์
ครูอาจารย์ทุกท่านและพนักงานทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน
และครูอาจารย์ให้ความเป็นกันเองกับคนขับรถ รู้สึกว่าอบอุ่น
และจะทำงานที่นี่ตลอดไป
คุณพวง หวังเอื้อกลาง
(พนักงานหญิง) กล่าวว่ามาอยู่จิระศาสตร์ เป็นเวลากว่า
๒๐ ปี รู้สึกมีความรัก ความผูกพันกับที่นี่
และจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
จากนานาทัศนะของนักเรียนและบุคลากร
ทำให้ได้แง่คิดว่า...
การจัดกิจกรรมเสริมสร้างไมตรีจิตมิตรภาพในหน่วยงาน
สถานศึกษาเป็นกุศโลบายที่จะนำไปสู่ ความรัก ความสมัครสมานสามัคคี
ซึ่งต้องเริ่มต้นที่ครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน สังคม
ขยายไปสู่ประเทศชาติและโลกของเรา ก็จะประสบความสันติสุข ร่มเย็นต่อไป
ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องใช้เงิน สิ่งสำคัญอยู่ที่"ใจ"ที่มีให้ต่อกัน
ไม่มีความเห็น