เบิร์ดนั่งมองพี่เงียบๆตั้งแต่ไปถึงจนวันกลับ เพราะเบิร์ดชอบที่พี่บางทรายมองทุกอย่างด้วยใจผ่านสายตาค่ะ และเวลาที่พี่คิดอะไรได้พี่จะจดเสมอจนเบิร์ดอมยิ้มนึกในใจว่าซักวันจะขอดูสมุดซะหน่อยเหอะน่า อิ อิ อิ
มาเพิ่มเติมครับ
มีหลายท่านที่เป็นผู้สอนการทำบันทึก หนึ่งคือท่านอาจารย์สุริยา สมุทรคุปต์ ท่านเป็นนักมานุษยวิทยาที่น่านับถือมากๆท่านหนึ่งท่านเป็นคนเหนือ สอนที่ มข.และย้ายไปสุรนารี ท่านบรรยายเรื่องราวของนักมานุษยวิทยาที่ไปฝังตัวในชุมชนนานเป็นปีปี และเฝ้าร่วมกินกรรมทุกอย่างของชุมชน และทำการบันทึกอย่างละเอียดยิบ
ท่านที่สองเป็นนักมานุษยวิทยาชาว ฮอลแลนด์ที่มาทำวิจัยชาวเขา อาข่าที่ดอย ที่ตั้งวังสมเด็จย่า พี่มากินนอนที่นั่นหลายคืนฟังท่านพูดถึงการบันทึกวิถีชีวิตชาวอาข่า รวมทั้งถ่ายสไลด์ สมัยนั้นไม่มี ดิจิตอล รูปที่ท่านถ่ายนั้นเป็นลังๆมากมาย ท่านเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยลอนดอนครับ ตอนหลังแต่งงานกับชาวอาข่าที่เชียงรายนี่แหละครับ
ท่านที่สามคือ กำนันบรรเจิด คุ้นวงษ์ (ไร่กำนันจุน) เพชรบูรณ์ เพื่อนพี่ไปฝึกงานที่นั่นสนิทกับท่าน พี่จึงถือโอกาสไปเรียนรู้ท่าน สิ่งที่เห็นก็คือ ก่อนที่ท่านจะออกตรวจไร่ สวนของท่าน ท่านจะเอากล่องกระดาษที่จะทิ้งน่ะครับน้องเบิร์ด.. ท่านเอากรรไกรมาตัดเป็นแผ่นๆขนาดใส่กระเป๋าเสื้อได้ จนหมดกล่อง แล้วก็แบ่งหยิบใส่กระเป๋าเสื้อ ปากกาหมึกแห้งราคา 5 บาท เข้าสวนไป ท่านนึกอะไรได้ เห็นอะไรคิดอะไรได้ก็หยิบปากกามาบันทึกลงไปในกระดาษนั้นทันที น้องเบิร์ดครับ นั่นคือเศษขยะที่ใครต่อใครทิ้งแล้ว แต่ท่านยังเอามาใช้ประโยชน์ และมีประโยชน์มหาศาล ความสำเร็จของกิจการของท่านมาจากสมุดโน้ตอันนี้ของท่านครับ
เราซะอีกมีสมุดสวยๆ อยากจะเอาซักกี่เล่มยังไม่บันทึกเลย พี่ก็เลยติดนิสัยบันทึกมานานแล้วครับ มันเป็นบันทึกส่วนตัวจริงๆ มีอะไรก็ใส่ลงไปเถอะ เหมือนแกงโฮ๊ะ..อิอิ น้องเบิร์ด
ที่เบิร์ดประทับใจที่สุดคือลายเส้นที่พี่บางทรายลากเป็นเส้นชีวิตตามที่ได้ยินเสียงกีตาร์เทพและขลุ่ยนางฟ้าบรรเลง เบิร์ดเห็นว่าคลาสสิคมากค่ะ เป็นการเชื่อมโยงชีวิตกับจิตวิญญาณที่ตื่นด้วยเสียงเพลงที่เบิร์ดอยากจะเรียกว่าบรรเลงแบบ Naive เพราะเป็นการบรรเลงแบบสดๆ ตรงไปตรงมา ไม่มีการเสแสร้งทำให้ " อิ่ม " โดยไม่มีคำบรรยายใดๆมาเขียนได้เลย ^ ^
เมื่อเรียนมัธยมต้น พี่เป็นนักดนตรีที่โรงเรียน เป่า "ยูฟอเนี่ยม" ไม่รู้สกดอย่างไร เรียนตัวโน้ต บันไดเสียง ตอนมีลูกสาว ผลักใสให้เขาเรียนดนตรี กลั้นใจซื้อเปียโน 1 หลังเบ่อเริ่มให้เธอ ไปรับส่งเธอเรียนก็เห็นสมุดโน้ต เห็นเธอเอามาเล่น และเป็นคนชอบฟังเพลงครับ เมื่อได้ยินกีต้าร์เทพเขย่าขวัยเราพร้อมกับขลุ่ยนางฟ้าจิ โอย..มันกระแทกใจเต็มๆ เลยพยายามเขียนเส้นเสียงออกมาจากโสตที่เรารับได้ แม้จะไม่ทั้งหมด และคิดว่า เออ หากเราลากเส้นเสียงนี้ไปเรื่อยๆตามการขึ้นลงของเสียง รูปร่างเส้นเสียงจะเป็นอย่างไรหนอ...จึงลงมือทำ แปลกที่มันสอดรับกับเส้นชีวิตของคน ขึ้นลง ขึ้นลง ช่างอัศจรรย์ใจจริงๆ เพราะน้องจิเล่นด้วยความบริสุทธิ์จริงๆ เธอไม่มีประสบการณ์ชีวิตมากเท่าเรา แต่เธอสร้างเส้นชีวิตจากเสียงได้....
พี่เลยคิดต่อว่าในทางตรงข้าม หากเราสามารถมีเครื่องมือเอาเส้นอะไรก็ได้ เช่น เส้นขอบใบไม้ ไปแปลงเป็นเสียงเพลง มันคงจะไพเราะมากๆ และแปลกๆมากเลยนะน้องเบิร์ด พี่เลยถือโอกาสเอารูปใบไม้มาให้ครับน้องเบิร์ด
ภาพที่ทำให้เบิร์ดต้องซ่อนยิ้มคือภาพที่พี่บางทรายพยายามตั้งสมาธิจรดจ่อกับคำของอาจารย์ให้ได้ ในขณะที่มีน้องจิ น้องอ้าย น้องนีน่าพันอยู่รอบเอว ^ ^....น่ารักจริงๆนะคะน้องๆหลานๆก็เพลินกับการหยอกล้อกันเองข้ามตักพี่บางทราย น่าเอ็นดู๊ น่าเอ็นดู อิ อิ อิ
ฮ่า ฮ่า ฮ่า เป็นการเรียนรู้ท่ามกลางความบันเทิง ความบริสุทธิ์ของเด็กน้อยครับ อิอิ..
การเข้ามาช่วยเหลือในช่วงที่เบิร์ดกำลังเกาหัวก็เป็นความช่วยเหลือที่พอดิบพอดีเช่นเดียวกันค่ะ ...การเริ่มต้นปูอิฐอีกด้านใหม่ทำให้เบิร์ดพบเหมือนที่พี่ป้อม ( ใช่หรือเปล่าน้อ )..กล่าวว่า " การเริ่มใหม่ง่ายกว่าการปรับปรุงของเดิมเยอะ "....ซึ่งถือว่าเป็นอีกวิธีที่ใช้ได้ผลในการแก้ไขปัญหานะคะ เพราะเมื่อเริ่มใหม่ตรงทางเลี้ยวแล้วเอาอิฐหักมาเชื่อมก็ทำให้สำเร็จได้ในเวลาอันสั้นก่อนฝนจะตก ^ ^
ตรงไปตรงมา พี่ไม่ทราบว่าน้องเบิร์ดกำลังทำ voice dialogue เพียงเดินเข้าไป และอยากช่วย เห็นน้องสร้อย น่ารักจริงๆ ช่วยขนอิฐที่มีมดเต็มไปให้น้องเบิร์ด พี่กดไปหลายรูป แต่เบลอหมด
การไปช่วยก็คิดว่า รอยต่อนั้นคงไม่ยากหากอิฐไม่หักและมีขนาดเท่ากันหมด และเวลาที่รีบเร่งฝนกำลังจะมา เลยคิดว่า เออปูใหม่ซะ แล้วค่อยหาอิฐหักมาเติมในส่วนต่อก็น่าจะเร็วขึ้นครับ หากการกระทำของพี่ไปทำลายความตั้งใจ ไปทำลายสมาธิเดิมที่ต้องการจะส้รางด้วยตัวเองละก็ พี่ขออภัยด้วยครับ
เบิร์ดชอบใจต้นตะไคร้ที่พี่บางทรายเอามาฝากที่สวนป่าแล้วพ่อให้ช่วยกันปลูกส่งท้ายมากค่ะ เพราะเพิ่งเคยเห็นว่าตะไคร้แบบเป็นต้นสูง เป็นไม้เนื้อแข็งนั้นหน้าตาเป็นแบบนี้ ใบเค้าหอมแปลก ทั้งใบเปลือกและเมล็ดก็สกัดเป็นยาได้ด้วยน่าสนใจมากๆเลยนะคะ สะตอป่าก็แจ๋ว ผักหวานป่าก็เยี่ยม ...ไว้ต้องคอยดูว่าจะรอดกี่ต้นเนาะคะ ฮี่ ฮี่ ฮี่
พี่ขึ้นดอยไปดูแหล่งน้ำหลายปีก่อน ชาวบ้านชี้ให้ดู "ตะไคร้ต้น" และเอาเปลือกมาให้ หอมมากครับน้องเบิร์ด ชาวบ้านแนะนำคุณสมบัติทางยาให้ทราบแต่เราไม่ได้บันทึก มาทีหลังพบเอกสารกล่าวถึงตะไคร้ต้นมากมาย ฟังวิทยึว่า มหิดลสนับสนันชาวแม่ฮ่องสอนทำการกลั่นสารหอมระเหยจากผลตะไคร้ต้นเอามาทำยากันยุง สะบู่ และสารพัด จึงเกิดตื่นขึ้นมาว่าดงหลวงคือถิ่นไม้สมุนไพร จึงไปแลกเปลี่ยนกับชาวบ้านครับ เขายังให้ความรู้กลับมาอีกตั้งเยอะแยะ อิอิ
เอาดอกมาให้ดูอีกครั้งครับ
กอดแน่นๆด้วยความคิดถึงและขอบพระคุณสำหรับเพลงบรรเลงของขลุ่ยเทพเจ้าที่พี่บางทรายส่งมาให้นะคะ...ขอบพระคุณมากๆค่ะ
ด้วยความยินดีครับน้องสาว