ในช่วงเวลาที่จำกัด ข้าพเจ้าต้องรวบรวมพลังที่มีอยู่ตั้งใจในการทำงานชิ้นนี้อย่างมาก เพราะต้องอ่าน วิเคราะห์ และประเมินคุณค่าของงานออกมาเป็นตัวเลข รวมแล้วทั้งหมด 125 เรื่องที่จะต้องอ่าน .... (เดิมทีเข้าใจว่ามี 123 เรื่องแต่พอเปิดอ่านไปพบว่ามีทั้งหมด 125 เรื่อง)
ถามว่าข้าพเจ้าเก่งหรือมีความสามารถมากพอที่จะตีค่างานต่างๆ เหล่านี้ไหม?
ตอบได้ทันทีว่า “ไม่เลย” เพียงแต่ได้รับความไว้วางใจจาก สวรส. ให้ร่วมทำงานด้วย เท่านั้นเอง
ถามตนเองต่ออีกว่า “ในห้วงเวลาอันจำกัดนี้ จะตั้งต้นการทำงานอย่างไร ดีให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด” ทั้งในแง่ประสิทธิภาพและประสิทธิผล -------> ประสิทธิภาพ คือ ตั้งใจอ่านงานให้มองเห็นถึงความตั้งใจของนักวิจัยที่พยายามสื่อสารออกมาให้เราได้รู้ ในข้อจำกัดเพียงแค่ 1-2 หน้า ซึ่งบางรายงานอาจไม่ถนัดที่จะสื่อสาร ดังนั้นข้าพเจ้าจึงต้องพยายามทำความเข้าใจในความตั้งใจของงานวิจัยแต่ละชิ้นๆ ให้มากที่สุด
ส่วนประสิทธิผล คือ รีบอ่านให้เสร็จและพยายามส่งข้อมูลกลับไปที่คุณแป๋ว – สุภาวดี สวรว. เร็วที่สุดเพื่อที่ว่าเธอจะได้ดำเนินการในภารกิจต่ออย่างทันการ นำเข้าพิจารณารอบที่สอง...ของงานวิจัย...ทันการประชุมวันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2551 นี้
ยิ่งอ่าน...
ข้าพเจ้ายิ่งเกิดความรู้สึกว่า งานต่างๆ เหล่านี้ล้วนมีคุณค่าทั้งสิ้น ข้าพเจ้ามีสิทธิอะไรที่จะไปตัดสินหรือประเมินค่าการให้คะแนน แต่ด้วยความที่กิจที่ต้องทำต้องดำเนินไปภายใต้เงื่อนไขต่างๆ ข้าพเจ้าก็ต้องดำเนินไปตามกติกา ...
ความหลากหลายของงานวิจัยมีตั้งแต่ระดับคนทำงาน และมีประสบการณ์ในงานวิจัยระดับสูง กับคนทำงานที่เป็นมือสมัครเล่นในการทำงานวิจัย ความคิดความรู้สึกขณะที่เกิดขึ้นขณะนั้น “ตื่นรู้” ทันทีว่า ห้ามนำมาเปรียบเทียบกัน ไม่มีสิ่งใดเปรียบเทียบกับสิ่งใดได้ และการเกิดเป็นมนุษย์นี้เราก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินคุณค่าสิ่งใดใด แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้ คือ ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด นี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าบอกกับตนเอง
แล้วหน้าที่ของข้าพเจ้า คือ อะไร
ข้าพเจ้ากลับมาตั้งสติ พิจารณาอีกครั้ง ... หน้าที่ที่พึงทำ คือ ทำความรู้จักงานวิจัยที่กองอยู่ตรงหน้าทั้งสิ้น 125 เรื่องราว เสมือนเป็นร่องรอยให้เข้าไปสืบดูสืบรู้ว่า ท่านๆ ทั้งหลายมีเส้นทางไปสู่ความรู้ในการแก้ปัญหาการทำงานของตนอย่างไรบ้าง...
พอตั้งต้นได้อย่างนี้ การทำงานที่จะต้องอ่านงานวิจัยเป็นร้อยนี้ก็เริ่มสนุกแล้วสิ เหมือนเราถอดตนเองให้เข้าไปสัมผัสในชีวิตและจิตใจของนักวิจัย เหมือนเดินไปตามรอยที่บันทึกไว้ การเขียนรายงานเพียงแค่หนึ่งหรือสองหน้ากระดาษ สามารถบอกอะไรเราได้อย่างมากมาย ข้าพเจ้ารู้สึกสนุกเสมือนกับการวิ่งออกจากบ้านหลังหนึ่งไปสู่อีกบ้านหลังหนึ่ง หรือที่ทำงานของคนหนึ่งไปสู่อีกที่ทำงานของคนหนึ่ง มองดูการทำงาน การแก้ปัญหา การพัฒนางานของเหล่านักวิจัย R2R ทั้งหลาย เหมือนได้ยินเสียงบอกเล่า เสียงของคนทำงาน
จากความสนุกที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้เสพถึงพลังที่ดีอย่างมหาศาล ที่สัมผัสได้จากนักวิจัยทั้งหลาย จากความลำบากใจในเบื้องต้นต่อความรู้สึกขัดแย้งที่เกิดขึ้นว่าจะต้องมาตัดสินในบางสิ่งบางอย่างความรู้สึกนั้นได้เปลี่ยนไป ตัวเลขที่กำหนดลงไปไม่ได้หมายถึงว่าสิ่งไหนดีกว่าสิ่งไหน เพียงแต่ว่า ณ ตอนนี้เราต้องการพิจารณาสิ่งไหนมากกว่ากันต่างหาก...
จากการได้อ่านงานทั้งหมด ทำให้ได้มองเห็นโอกาสในการพัฒนานักวิจัย R2R ความมีคุณค่าไม่ใช่ว่างานของใครจะได้รางวัลหรือได้ตัวเลขคะแนนมากกว่า แต่กลับเป็นว่างานในแต่ละเรื่องข้าพเจ้าอยากจะเข้าไปจับเข่าคุยกับนักวิจัยผู้น่ารักทั้งหลายว่า “จากสิ่งที่ท่านกำลังก่อร่างขึ้นมานั้น มีคุณค่ามหาศาลเพียงไรและ น่าจะเพิ่มตรงไหน ไปทางไหน และอย่างไร ... ช่วยกันแต่งกันเติม การสร้างสรรค์ คงน่าจะสนุกเป็นแน่แท้”
สวัสดีครับ
อ่านมาก รู้มาก คิดมาก(วิเคราะห์ สังเคราะห์)เกิดประโยชน์
ไม่อ่าน ไม่รู้ ได้แต่คิด(ถูกหรือผิด คิดเอาเอง)รอประโยชน์เกิด
สวัสดีค่ะ น้องกะปุ๋ม
ขอบคุณค่ะคุณกะปุ่ม และขออนุญาตนำข้อความถอดบทเรียนของคุณกะปุ่มไปpostไว้บนเว็บสวรส.นะคะ และคุณกะปุ่มคงจะได้จับเข่าคุยกับนักวิจัยทั้งหลายในงานวันที่ 2-3 กรกฎาคมนี้แน่นอนค่ะ
พี่แก้วไม่รู้นะคะว่า กระปุ๋มเป็นคนอ่าน
^___^
คือ หน้าที่...ที่พึงทำ
และทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด ตามศักยภาพที่มีอยู่...ค่ะ