*ในเทปเทศนาของหลวงปู่ชา หลวงปู่เล่าถึงลูกศิษย์ของพระสารีบุตร ชื่อพระปุณณมันตานีบุตร ตอนแรกดิฉันฟังชื่อพระปุณณมันตานีบุตรไม่ออก ก็เลยไปค้นในเวป ได้ข้อมูลชื่อลูกศิษย์พระสารีบุตรมาจากที่นี่ จึงไม่ได้ค้นต่ออีก โดยหลวงพี่มหาชัยวุธได้กรุณาค้นคว้าข้อมูลที่ถูกต้องให้ว่าลูกศิษย์พระสารีบุตรดังกล่าวน่าจะชื่อพระปุณณะมากกว่า ต้องขออภัยเรื่องชื่อดังกล่าวด้วยค่ะ พยายามถอดเทปมา บางครั้งได้ยินไม่ชัด แล้วก็เป็นชื่อไม่คุ้นเคย หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยค่ะ ^ ^
ใช้ธรรมะแก้ปัญหา ปัญญาเกิด ดีจังค่ะ
เป็นกำลังใจ ค่ะ
ขอบคุณคุณใบบุญมากเลยค่ะ สำหรับกำลังใจ
อย่างที่หลวงปู่ท่านว่านะคะ "ปัญหาก็ไม่มี คนแก้ปัญหาก็ไม่มี" ^ ^
ใช่ค่ะคุณ หายใจลึกๆไว้ก่อน แล้วค่อยฮึดใหม่ค่ะ
สวัสดีคะอ.ตุ๋ย
หลวงปู่ชาท่านเสริมว่า "เพราะไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น มีแต่รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่ดับไป"
----
"ใจ"มักปรุง
ตนเองยึดมั่น ถือมั่น .. ว่านั่นเป็นจริง
เชื้อเชิญความทุกข์มาอยู่ในหัวใจ
.. ให้ความทุกข์มาอยู่ในหัวใจ
ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ มาแล้วจากไป ..
---
คิดถึงนะค่ะ
อ.กมลวัลย์ครับ
ขอบคุณครับ
ทำให้นึกถึงเรื่องนกแขกเต้าที่กุรุรัฐ
สืบเนื่องมาจากการที่ผมได้ไปเยี่ยมชมสถานที่พระพุทธเจ้าแสดงมหาสติปัฏฐาน 4 คือที่กัมมาสทัมมะนิคม อินทปัตถ์ แค้วนกุรุรัฐ ซึ่งคือส่วนหนึ่งของนครเดลีในปัจจุบัน
อันชาวเมืองในแค้วนกุรุรัฐนี้ ทุกคนเจริญสติกันทั้งเมือง รวมทั้งสัตว์ด้วย ดังมีเรื่องเล่า ว่า
ในกุรุรัฐนี้ มิใช่แต่มนุษย์เท่านั้นที่เจริญสติปัฏฐาน 4 แม้แต่สัตว์ดิรัจฉานที่อาศัยมนุษย์ ก็เจริญสติปัฏฐานเหมือนกัน
มีตัวอย่าง ดังนี้ "มีนักรำท่านหนึ่ง เลี้ยงลูกนกแขกเต้าเอาไว้ แล้วฝึกให้พูดภาษามนุษย์ ไปไหนก็พาเอาไปด้วย คราวหนึ่ง นักรำท่านนี้ไปขออาศัยพักอยู่ ณ ที่อาศัยของนางภิกษุณีรูปหนึ่ง เวลาลาไป กลับลืมนกแขกเต้าตัวนั้นเสียสนิท สามเณรีจึงเลี้ยงนกแขกเต้าตัวนั้นไว้ ตั้งชื่อให้ว่า พุทธรักขิต
นางภิกษุณีสอนให้นกพุทธรักขิตสาธยายคำว่า อัฐิ อัฐิ (กระดูก กระดูก) เป็นเนืองนิตย์ นกแขกเต้าพุทธรักขิตก็ปฏิบัติตามคำสอนของนางภิกษุณีรูปนั้นเป็นอันดี วันหนึ่งตอนเช้า ขณะที่นกพุทธรักขิตกำลังนั่งผิงแดดอ่อนอยู่ บนซุ้มประตู เหยี่ยวตัวหนึ่งมาโฉบเฉี่ยวเอาไป นกพุทธรักขิต ส่งเสียงร้องว่า กิริ กิริ พวกสามเณรีทั้งหลายได้ยินเข้าก็พากันช่วยนกพุทธรักขิตจนปลอดภัย
นางภิกษุณีเถรีถามนกพุทธรักขิตว่า เวลาที่ถูกเหยี่ยวเฉี่ยวเอาไปว่าคิดอย่างไร นกพุทธรักขิตตอบว่า มิได้คิดอื่นใด คิดถึงแต่เพียงว่า -- อย่างนี้ว่า 'กองกระดูกพากองกระดูกไป จะไปเรี่ยรายกลาดเกลื่อนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ได้เท่านั้น
พระเถรีให้สาธุการว่า สาธุ สาธุ พุทธรักขิตเจ้าคิดอย่างนั้น ก็จักเป็นปัจจัยแห่งความสิ้นภพ สิ้นชาติของเจ้าในอนาคต"
นี่ละครับ สัจจะธรรม
สวัสดีค่ะอ.ตุ๋ย
พอดีเปิดมาได้เห็นดอกไม้สีชมพูหัวข้อธรรม ต้องเข้ามาอ่าน... สงสัยจะเป็นคนคิดช้า ต้องอ่าน 2-3 รอบ...ดีจังค่ะ คิดให้ได้เกิดปัญญา ถ้าทำได้ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องมาตามแก้...
สงสัยข้อความนี้ ว่าน่าจะคลาดเคลื่อน... แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจ ลองค้นดูก็ใช่
พระปุณณมันตานีบุตร มิได้เป็นลูกศิษย์ของพระสารีบุตร... แต่เป็นลูกศิษย์และเป็นหลานของพระอัญญาโกญฑัญญะ...
โดยย่อ พระพุทธเจ้าทรงยกย่องพระปุณณมันตานีบุตรว่า เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในบรรดาพระนักเทศก์ (ธรรมกถึก)... ความโด่งดังของท่านทำให้พระสารีบุตรสนใจ จึงเข้าไปคุยแรกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่าน....
จึง น่าจะ เป็นพระปุณณะ รูปนี้มากกว่า...
เพราะตามประวัติเล่าว่า เมื่อพระภิกษุบางรูปจะจาริกเดินทางไกล เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า... บางครั้ง พระองค์ตรัสรับสั่งให้ไปลาพระสารีบุตรด้วย เพื่อจะได้ช่วยแนะนำบางสิ่งบางอย่าง...
ส่วนประเด็นเรื่องพระปุณณะไปลาพระสารีบุตรนั้น รู้สึกว่าอยู่ในหนังสือพุทธประวัติเล่ม ๒ (ไม่แน่ใจ ?) ลองค้นหาในอินเทอร์เน็ตก็ยังไม่เจอ... ส่วนหนังสืออยู่ในตู้ ขี้เกียจไปปัดฝุ่น....
ในฐานะที่อาจารย์เป็นกัลยาณมิตรกัลยาณธรรม จึงเล่าไว้เล่นๆ... เพราะอาตมารู้สึกว่า ในโลกอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน goToKnow นี้ อ้างหลักธรรมหรือพุทธประวัติคลาดเคลื่อน หรือผิดพลาดกันเสมอ... จะเข้าไปทักท้วง และชี้แจงทุกครั้งที่เจอ ก็เป็นการยาก....
เจริญพร
แอบมารับฟังธรรมกับท่านผู้รู้ทั้งหลาย ครับ
ขอบคุณครับ :)
ขออนุญาตนำไปรวมครับ ขอบคุณมากครับ ...............รวมตะกอน
สวัสดีครับ
ผมชอบตรงนี้ครับ...คนเฉลยก็ไม่มี ปัญหาก็ไม่มี
เพียงแค่รู้หรือเปล่าครับ :)
ศีลปราบกาย ปราบวาจา ธรรมะ ปราบใจ.
ขอบคุณคุณใบบุญสำหรับกำลังใจอีกรอบนะคะ ^ ^
สวัสดีค่ะพี่หมู
สบายดีนะคะ ^ ^
ไม่มีอะไรเที่ยงแท้จริงๆ ค่ะ มันขึ้นอยู่กับว่าใจเราจะไปยึดไว้ให้เป็นจริงขนาดไหน
ในเทปหลวงปู่ท่านก็พูดถึงเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ ว่าถ้าไปยึดตัวเราของเรามากๆ ก็เป็นอัตตา แทนที่จะเป็นอนัตตา
บางทีปัญหามาแบบเงียบๆ เส้นผมบังภูเขา พอฟังเทศน์เข้าก็หมดไป ตอนนี้ก็ต้องหัดเจริญสติ ให้เห็นตามเป็นจริงให้มากขึ้นค่ะ
ดีใจที่พี่หมูมาเยี่ยมนะคะ ^ ^
สวัสดีค่ะคุณพลเดช
ชอบเรื่องนกแขกเต้ามากเลยค่ะ
"กองกระดูกพากองกระดูกไป จะไปเรี่ยรายกลาดเกลื่อนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ได้เท่านั้น"
ยอดเยี่ยมจริงๆ ค่ะ ตอนนี้ยังปฏิบัติได้ไม่เท่านกแขกเต้าตัวนี้เลย บางครั้งยังดูไม่ทัน (เหมือนวันสองวันที่ผ่านมา) แต่ตอนนี้ก็ได้ประสบการณ์และปัญญาจากการเกิดปัญหาของตัวเองครั้งนี้มากทีเดียวค่ะ
ขอบคุณมากๆ สำหรับเรื่องนกแขกเต้า สร้างปัญญาให้กับตัวเองได้มากทีเดียวค่ะ ขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ ^ ^
สวัสดีค่ะ ผอ.ทนัน ภิวงศ์งาม
พุทธพจน์ที่นำมาฝากนั้น จับใจมาก
ขออนุโมทนาค่ะ ^ ^
อ่านดูเข้าใจได้ แต่ปฎิบัติให้ได้ตลอดยังเป็นเรื่องที่ต้องฝึกกันต่อไปค่ะ
ขอบพระคุณมากนะคะ
สวัสดีค่ะพี่อุ๊
ตุ๋ยก็ฟังหลายรอบค่ะ เพราะพยายามทำความเข้าใจ และพยายามแกะเทปด้วย
จริงๆ ท่านพูดเป็นตัวอย่างไว้เยอะเหมือนกัน แต่พยายามสรุปมาให้ได้แก่น เป็นคำพูดสั้นๆ
แล้วก็อ่านหลายๆ รอบน่ะ ไ่ม่ได้เรียกว่าคิดช้าหรอกค่ะ เพราะธรรมะหลวงปู่ชา ต้องฟังหลายๆ ครั้ง มักมีอะไรลึกๆ ซ่อนอยู่ในคำพูดธรรมดาๆ เสมอ ที่แหละที่ชอบค่ะ สูงสุดกลับสู่สามัญค่ะ ^ ^
กราบนมัสการหลวงพี่มหาชัยวุธ
ต้องขออภัยเรื่องที่ค้นน้อยไปหน่อยด้วยค่ะ พยายามถอดเทปมาสรุปก็ได้ประมาณนี้แหละค่ะ ^ ^
ขอบพระุคุณหลวงพี่ที่ช่วยทักท้วงนะคะ เป็นเรื่องดีและจำเป็นที่ต้องทักท้วงกันค่ะ หากเห็นข้อผิดพลาด เพราะก็ไม่อยากสื่ออะไรผิดๆ ออกไปค่ะ
แก้ไขบันทึกแล้วนะคะ ตัดการเขียนชื่อลูกศิษย์พระสารีบุตรออกไปค่ะ
กราบนมัสการและขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
สวัสดีค่ะ อ.วสวัตดีมาร
ยินดีต้อนรับ และไม่ต้องแอบค่ะ
จริงๆ อาจารย์ก็ไม่ได้แอบนะ ตัวเองเสียอีก เวลาไปอ่านบันทึก/อนุทินแล้วแอบอ่านอย่างเดียว ไม่ได้ทิ้งร่องรอยค่ะ ^ ^
เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะคุณสิทธิรักษ์
ตามไปอ่านแล้ว ดีๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ ^ ^
ขอบคุณนะคะ
สวัสดีค่ะน้องกบ
"คนเฉลยก็ไม่มี ปัญหาก็ไม่มี"
หลวงปู่ท่านพูดหลายครั้งเลยค่ะ พยายามเน้นให้เราเห็นว่าอย่าไปยึดเอาไว้ ก็คงเข้าข่ายตามดู ตามรู้ อย่างที่น้องบอกไว้แหละค่ะ
พอเรามานั่งคิดตามที่ท่านเทศน์ไว้ มันเกิดปัญญาขึ้นมา..ว่ากำลังมาเสียเวลากังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง..ก็มัน"ไม่มี"ไง ไปทำให้มัน"มี"ขึ้นมาเอง แล้วก็เรียกมันว่า"ปัญหา"...ฮา..เราหนอเรา..ยังต้องฝึกต่อค่ะ ^ ^
ขอบคุณ ผอ.ประจักษ์ สำหรับการ์ดน่ารักๆ นะคะ ^ ^
หลวงปู่ท่านเทศน์ไ้ว้ในเทปแบบนี้เลยค่ะ
"ศีลปราบกาย ปราบวาจา ธรรมะ ปราบใจ"
ท่านสรุปได้เด็ดขาด จริงๆ ค่ะ ^ ^
ตามมาอ่านด้วยค่ะ..... ชอบตรงนี้ที่สุดค่ะ ศีลปราบกาย ปราบวาจา ธรรมะ ปราบใจ"
สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์
หลวงปู่่ท่านสามารถใช้คำง่ายๆ สั้นๆ ทำให้เราเข้าใจธรรมะได้ง่ายๆ จริงๆ นะคะ
ตัวเองยิ่งปฏิบัติยิ่งศึกษา ก็ยิ่งรู้สึกว่าธรรมะเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรืื่องประจำวัน..เหมือนกับคำว่าธรรม(ดา)นั่นเลยค่ะ
ชอบมากเลยที่ท่านพูดว่า "คนเฉลยไม่มี ปัญหาก็ไม่มี" มันเป็นอีกมุมหนึ่งที่ทำให้เราคิดได้จริงๆ ว่าเราไปยึดอะไรต่างๆ มาเยอะเกินไปค่ะ ^ ^
สวัสดีค่ะอาจารย์
ตามมาอ่านบันทึกค่ะ ขอบคุณสำหรับธรรมะเตือนใจ ณิชยังไม่เคยคิดไกลถึงคำถามที่ว่า อยู่เพื่ออะไร เกิดมาเพื่ออะไร .. หรืออาจจะเคยคิดเคยถามแต่รู้สึกว่าคำถามยากไป เลยได้คำถามย่อย ๆ มาแทน --"
แต่อย่างน้อย ๆ การได้คิดเรื่องแบบนี้ ทำให้เราบริหารสมองอีกส่วนที่นอกเหนือไปจากคิดเรื่องงานค่ะ ... ถือว่าเป็นการผ่อนคลาย :-)
สวัสดีค่ะน้องณิช
คำถามแบบนี้จะมาเป็นระยะๆ สำหรับพี่ ถามแต่ละครั้งก็จะได้คำตอบมาย้ำเตือนตัวเองได้ดีขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกเป็นพัฒนาการดี ฮ่าๆๆๆ
บางทีทำงานไปเรื่อยๆ มันเหมือนจมกระแสอะไรสักอย่าง..คำถามก็จะโผล่มาทีหนึ่ง..ถามตัวเองเสร็จ หาคำตอบจากรอบๆ ตัว ตอบตัวเองแล้วก็เิดินต่อ..รู้สึกว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้เราเข้าใจตัวเอง และเดินสู่จุดหมายอย่างมั่นใจน่ะค่ะ.. ^ ^