ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ ปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐาน ที่จัดโดยมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลยสงคราม โดยการ แนะนำจากพี่อุ่น อาจารย์ที่เคารพนับถือกัน ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าคงไม่สามารถไปเข้าร่วมได้ เพราะเข้าใจผิดว่าเค้าจัดช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งตอนนั้นติดภารกิจหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะสอน หรือเตรียมนำเสนอวิสัยทัศน์ ก็เลยบอกพี่อุ่นไปว่า"อยากเข้านะครับ แต่ไม่สามารถหาเวลาว่างได้" (คำแก้ตัวสุดคลาสสิค )
แต่แล้วหลังจากบริหารเวลาได้ลงตัว ผมก็ตัดสินใจโทรหาที่อุ่นอีกครั้ง พี่อุ่นก็แสนดี ช่วยประสานงาน จนคนที่เค้าสละสิทธิ ไม่เข้าร่วมโครงการ เหลือที่ว่าง 1 ที่ พอดี (คนสมัครเป็นร้อย รับได้แปดสิบคน)
ตอนผมสนใจ และสมัครเข้าโครงการ ไปส่งใบสมัคร แต่ละช่วง จะได้รับการอวยพรจากผู้คนที่ไปติดต่อว่า "ขออนุโมทนาบุญด้วย" ซึ่งผมก็รู้สึกแปลกๆ ใจ แต่ก็คิดว่าเราไปทำบุญมั้ง
ในใบสมัครนั้น บอกว่าคนที่จะไปอบรม ให้แต่งกายสุภาพ หรือใส่เสื้อผ้าสีขาว และงดเครื่องใช้ที่เป็นสิ่งที่เป็นกิเลส เช่น เครื่องประดับ สร้อยคอ สร้อยข้อมือ น้ำหอม หรือโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น นั่นคือสิ่งที่ผมรับรู้ ในการเตรียมตัว
ในการเขียนเล่าเรื่องนั้น ผมเองรู้สึกว่าเป็นดาบสองคม ในการเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ทราบว่าเค้าทำกิจกรรมอะไรกันบ้าง อาจทำให้ผู้อ่าน รู้ และรับรู้มากเกินไป สู้ไม่รู้เสียเลยดีกว่า
หรือว่าสิ่งที่เขียนเป็นความรู้สึกของผู้เขียนเอง อาจถูกหรือไม่ถูก ทำให้ผมคิดว่าผมจะเขียนเรื่องนี้หลังจากผ่านพ้นการอบรมไปแล้วสักเจ็ดวัน แต่ก็กลัวว่าจะลืม เลยคิดว่าลองร่างๆ เอาไว้ก่อนดีกว่า ว่าจะเขียนในประเด็นไหนบ้าง
สิ่งที่ผมวางๆ ความคิดไว้ก็คือ
เดี๋ยว ผมไปเที่ยวสิงคโปร สักสองสามวัน ให้กิเลสมันเข้าในตัวสักหน่อย จะได้เล่าอย่างความเป็นคนที่มีทั้งจิตใจที่ใฝ่ดี และใจที่ใฝ่กิเลศ
โอ้ ! ตอบรวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม จริงๆ ครับ เขียนยังไม่ทันเสร็จ มีคนตอบแล้ว ขอบคุณครับ
ขออนุโมทนาผลบุญ ที่อาจารย์ปฏิบัติอยู่ ส่งผลให้อาจารย์ ได้รับสี่งที่ปรารถนาในกายและใจ ตลอดไปด้วยนะคะ
อนุโมทนาด้วยค่ะ
อยากมีโอกาสเหมือนอาจารย์จัง...
พยายามค่ะ...แต่คงยังไม่เหมาะกับทางนี้เท่าไหร่นัก
ขอบคุณคุณตุ๊กตุ่นมากนะครับ หากมีโอกาส ผมว่าชาตินี้จะไม่เสียดาย ลองหาโอกาสดูนะครับ โอกาสไม่ไกลเกินเอื้อม