ต้องถอดก่อนใช้


อะไรเอ่ย ต้องถอดก่อนใช้

 

            หลังจากที่คุณสมร นามสมมติ (นามสกุลนี้โด่งดังมากในเมืองไทย เพราะว่าเมื่ออ่านหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ต้องพบคนนามสกุลนี้บนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวันเชียว) ยื่นบัตรนัดตรวจครรภ์ให้กับพยาบาล สาวสวยประจำคลินิกฝากครรภ์ (นี่ก็เป็นเหตุการณ์สมมติเช่นเดียวกัน กรุณาอย่าได้ไปหาดูเชียว ฮ่า ฮ่า) คุณสมรกรุณาชั่งน้ำหนักด้วยค่ะ อุ๊ยๆ ช่วยถอดรองเท้าก่อนนะคะ

 

            มีใครเคยสังเกตุบ้างไหม เข้ามาในโรงพยาบาลทีไร ต้องเห็นที่ชั่งน้ำหนักยี่ห้อ กรุณาถอดรองเท้า อยู่ทั่วไป ไปที่คลินิกไหน เขาก็ซื้อยี่ห้อนี้มาใช้ ไหนจะขึ้นบนวอร์ด เขาก็ซื้อยี่ห้อนี้มาใช้ สมัยก่อนที่ต้องใช้มือเลื่อนลูกตุ้มเหมือนตาชั่งหมู จนปัจจุบันที่เป็นแบบดิจิตอล ก็ยังใช้ยี่ห้อนี้ ยี่ห้อ กรุณาถอดรองเท้า

 

            ทำไมต้องถอดรองเท้า คือคำถามที่อยู่ในใจของผมมานานแสนนาน ตามประสาคนนามสกุลขวางคลอง ที่ต้องตั้งคำถามก็เพราะว่า ที่นี่คือโรงพยาบาล สถานที่ที่ผมคิดว่าสกปรกที่สุด อ้าว..ไหงพูดอย่างนั้นละพี่ โรงพยาบาลนะครับ ต้องสะอาดที่สุดสิ ก็ประโถ ใครป่วยก็มาที่นี่ ใครไอก็มาที่นี่ ใครเจ็บเข่าก็มาที่นี่ (แบบว่าไอมากครับ) ใครเป็นโรคเท้าเปื่อยก็มาที่นี่ มากมายก่ายกอง แถมคนที่มาที่โรงพยาบาลก็มาจากที่หลากหลาย จากสำนักงานหรูในเมืองติดแอร์เย็นเฉียบก็มี จากตลาดสดก็มี จากฟาร์มหมูก็มี จากโรงงานเผาขยะก็มี ต่างคนต่างตรงมาที่จุดคัดกรองของคุณพยาบาลคนสวยหน้ามล กรุณาถอดรองเท้าชั่งน้ำหนักด้วยค่ะคำแนะนำหวานจ๋อยนั้นช่างบาดหูบาดใจผมยิ่งนัก เพราะเราคงลืมคิดไปแล้วว่า บนพื้นที่เหยียบของตาชั่งนั้น น่าจะเป็นอีกจุดหนึ่งในโรงพยาบาลที่สกปรกเป็นอันดับสองรองจากส้วม แล้วเราก็มาให้คนไข้อันเป็นที่รักของเราถอดรองเท้าเพื่อชั่งน้ำหนัก อะพิโธ่อะพิถัง ทำกันได้ลงคอ

 

            มาลองคิดหาคำตอบกันดูไหม ว่าทำไมจึงจึงต้องถอดก่อนชั่ง

 

1.      เพื่อจะได้น้ำหนักตัวจริงๆของคนไข้

 

แย้ง : น้ำหนักรองเท้าจะหนักแค่ไหนเชียว มันจะทำให้แพทย์ประเมินการรักษาผิดไปมากขนาดเท่าน้ำหนักรองเท้าเชียวหรือ ไม่แน่นะ ยาบางชนิดต้องคำนวณตามน้ำหนักตัว ไอ้ผมเป็นหมอมาก็นานเป็นทศวรรษแล้ว ก็ยังไม่เห็นยาแบบที่ต้องสั่งตามน้ำหนักตัวที่ต้องชั่งกันเป็นขีด ยกเว้นเด็กๆ ทารกน้อยหอยสังข์ นั่นเป็นข้อยกเว้น ถ้าจะเอาน้ำหนักมวลกายจริงๆ ทำไมไม่ให้แก้ผ้าชั่งไปเลยล่ะพี่ หากยังต้องการความแม่นยำขึ้นอีก คงต้องให้ไปปัสสาวะหรือ กรุณาไปถ่ายหนักให้หมดก่อนนะคะ เสร็จแล้วค่อยมาชั่ง

 

2.      กลัวตาชั่งจะสกปรกค่ะ

 

แย้ง : มันก็สกปรกสิ ที่นี่มันโรงพยาบาลนี่นา สกปรกก็สกปรกใต้รองเท้า ไม่ใช่บนฝ่าเท้าของคนไข้ เอาแบบนี้สิ ลองดูซิว่า มีหมอคนไหนถอดรองเท้าชั่งบ้าง มีพยาบาลคนไหน(กล้า)ถอดรองเท้าชั่งบ้าง ก็อาจจะมีบ้าง ที่กำลังลดน้ำหนัก รายนั้นคงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เพื่อให้ลมยกตัวขึ้นอีกนิด นำหนักตัวจะได้เบาลงอีกหน่อย (ทำยังกะว่า ชั่งน้ำหนักในน้ำเลยกระนั้น) แต่ความกลัวตาชั่งสกปรกนั่นมีจริงๆในสยามประเทศนี้ครับ ลองเดินไปดูสิ บางคลินิกนั้น พื้นตาชั่งยังถูกคลุมด้วยพลาสติกอยู่เลย อันนั้นอนุโมทนาสาธุให้เลยครับ ต้องให้สองขั้น เพราะว่ารักษาของหลวงไว้ด้วยใจมุ่งมั่นจริงๆ ถ้ายังยืนยันอยากจะให้เขาถอด(รองเท้า)ก่อนชั่งจริงๆ ผมว่าเราควรหากระดาษมารองเท้าให้คนไข้ก่อนชั่งทุกราย กล้าไหม? ต้องเปลี่ยนกันคนต่อคนด้วยนะ ผมจึงจะกล้าถอดก่อนชั่ง

 

3.      กลัวตาชั่งเป็นรอย ก็รองเท้าแต่ละคนเหมือนกันที่ไหน (ใครจะไปใส่รองเท้ากีฬามาโรงพยาบาลเหมือนหมอธนพันธ์และหมอสุภมัยล่ะ) บางคนเหยียบทรายมา ครูดกับพื้นตาชั่ง เป็นรอยหมดเลย

แย้ง : ไม่แย้ง อันนี้ไม่แย้ง อามิตตาพุทธ คิดได้ถึงขนาดนี้ก็เจริญละครับ ประเทศไทย ไชโย

           

หมายเลขบันทึก: 178019เขียนเมื่อ 21 เมษายน 2008 22:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 17:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)
  • กลัวตาชั่งเป็นรอย ก็รองเท้าแต่ละคนเหมือนกันที่ไหน (ใครจะไปใส่รองเท้ากีฬามาโรงพยาบาลเหมือนหมอธนพันธ์และหมอสุภมัยล่ะ) บางคนเหยียบทรายมา ครูดกับพื้นตาชั่ง เป็นรอยหมดเลย
  • นึกว่าหมอเมืองพร้าว
  • หรือหมอตีนเปล่าซะอีก
  • อิอิอิ
  • สมัยก่อนผมใส่ คอมแบต ไปสอน เด็กๆๆไม่กล้าเข้าใกล้
  • (กลัวโดนเหยียบ อิอิๆ)

ไวปานกาม (นิต) หนุ่มจริงๆครับ ท่านขจิต

สวัสดีครับคุณหมอธนพันธ์

  • นึกว่าอะไร เลยรีบมาอ่าน พอมาอ่าน ก็ อ๋อ..เข้าใจแล่ะ
  • อีกเหตุผลนึงที่เขาให้ถอดรองเท้าเวลาขึ้นตาชั่งน้ำหนัก
  • คือ คงกล้วว่า ที่ชั่งน้ำหนักจะดำ เก่าเร็ว มั้งครับ...
  • ขอบคุณครับ

อ่านแล้วก็งง คิดแล้วก็งง แต่คิดนานๆ แล้วก็ดีนะ 555+

^O^

ปิ่นเองนะ

สวัสดีค่ะคุณหมอแป๊ะ

  • ตั้งชื่อได้น่ารัก  น่าคิดถึงจังค่ะ
  • เอ...กลัวเก่ามั้งคะ
  • หรือกลัว น้ำหนักเพิ่ม แต่ทอนกันได้นี่
  • แต่อย่างไรก็ตาม ...ก็ไม่นำพา
  • มาบอกว่า...คิดถึงค่ะ

สวัสดีครับครูอ้อยที่รักเคารพ

ไปภูเก็ตคราวนี้น่าเสียดายที่ไม่มีรถไฟใช่ไหมครับ

หากขากลับ จะแวะลงหาดใหญ่สักนิด จะพาไปกินของอร่อยครับ

สวัสดีครับคุณหมอ ขวางคลอง

ชั่งคิดมุกและคำถามแบบขวางคลองได้จ๊บจริงๆ เห็นด้วยกับคุณหมอครับ เออ? ทำไมต้องถอดรองเท้าก่อนชั่งน้ำหนัก เราชาว gotoknow ลองทำแบบสอบถามเล่นๆผ่าน blog นี้ดูดีมั๊ยว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยแล้วเอาผลไปให้ ผอ.รพ.มอ.ดู เห็นด้วยมั๊ยครับ ทำอะไรสนุกๆดูเล่นๆ

รองเท้าบางชนิดมีน้ำหนักครับ อย่างน้อยถ้าเป็นคนประเภทผม นอกจากขนาดที่พอดีกับเท้าแล้ว (พอดีเฉพาะข้างซ้าย ส่วนข้างขวาไม่ต้อง ไม่งั้นต้องซื้อสองคู่) ต้องเลือกน้ำหนักด้วยครับ ไม่งั้นเดินลำบาก

แต่สำหรับหมอน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอาจไม่สำคัญก็ได้ครับ

เออ. แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของหมอหรือพยาบาล ฮิฮิ งง

พี่หนึ่งครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากความกวนของผมเองครับ กวนใจนะครับพี่ เห็ฯเรื่องแบบนี้แล้วมันขวางทันที

ผมส่งลงไปตีพิมพ์ในหนังสือข่าวคณะแพทย์แล้ว

ตอนนี้ลงบทความเกือบทุกเดือน ส่วนมากเป็นเรื่องกวนๆ กวนมาก กวนน้อย (ส่วนมากกวนพอประมาณ)

ก่อนไปสิงคโปร์ ได้ลงบทความสะเทือนตึก นั่นก็คือ เรื่องปิดลิฟต์รอผู้หลักผู้ใหญ่มาขึ้น พอดีหาต้นฉบับไม่ได้ ไม่งั้นได้เอามาลงให้อ่านกันแล้ว

ช่วงหนึ่ง ที่ม.อ.มีผู้ป่วย VIP มานอนเนื่องจากเหตุการณ์ไม่สงบในภาคใต้ ซึ้งก็ปรากฏว่าคนใหญ่คนโต ประเภท รัฐมนตรี นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ คุณหญิง เมียอดีตนายก มาเยี่ยมบ่อยมาก ซึ่งโรงพยาบาลก็จะปิดลิฟต์รอ ประเภทที่ว่า รอกันจนคนอื่นไม่ต้องขึ้นมันแล้วลิฟต์นี้ ธนพันธ์ก็เลยเขียนเหน็บผ่านข่าวคณะแพทย์ เจ็บไปถึงกึ๋นเลยครับ

ผอ.ก็เลยโทรฯมาคุยว่าไม่ได้เป็นคนสั่งปิดลิฟต์ และต่อไป ใครจะปิดลิฟต์รอใคร ก็ต้องขออนุญาตท่านก่อน

แต่นั่นแหละ เดี๋ยวนี้ เมื่อใครจะมา ก็ยังปิดลิฟต์อยู่ร่ำไป ดูเหมือนกับว่า ลิฟต์นี้ สร้างขึ้นมาเพื่อผู้หลักผู้ใหญ่โดยเฉพาะ ชาวบ้านอย่าไปขึ้นมันเลย เดี๋ยวกลิ่นสาบติดผนังลิฟต์

มีอยู่ครั้งหนึ่ง อาจารย์หมอพรทิพย์ท่านจะมา ก็ยังต้องปิดลิฟต์รอท่าน (อันนี้ ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า ท่านคงไม่ยอมให้ใครมาปิดลิฟต์รอท่านแน่ๆ) แต่มันช่างปิดนานเหลือเกิน นานจนผมต้องโทรไปหาคนสั่งปิด เพื่อถามว่า นี่เล่นรอกันตั้งแต่อาจารย์คุณหญิงอยู่ที่ดอนเมืองเลยเหรอพี่ (ปากผมนี่ ช่างหมานจริงๆเลยไหมพี่)

ผมสรุปได้ว่า ประเทศไทยนี้ มีคนเฉกเช่นบัวครับ

บัวมี 4 เหล่าอย่างไร คนในประเทศไทยก็เป็นเยี่ยงนั้นแหละครับพี่

เข้าใจที่ผมกำลังสื่อไหม

อาจารย์จารุวัจน์ครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องของเราทุกคนครับ ถ้าอาจารย์ต้องไปโรงพยาบาล ก็เป็นเรื่องของอาจารย์ด้วย

ปกติหมอไม่ได้ดูแลเรื่องการชั่งน้ำหนักหรอกครับ แต่จะดูผลการชั่งเสียมากกว่า สำหรับผมแล้ว รองเท้าคู่หนึ่ง หนักอย่างมากก็ไม่น่าจะเกิน 1 กิโล ไอ้เราผู้ใหญ่ จะ 61 หรือ 63 กก. ก็คงไม่แตกต่างกันเลยใช่ไหมครับ แล้วอย่างนี้ จะถอดรองเท้าไปหาสวรรค์กันทำไม

ดังนั้น เรื่องความสะอาด เรื่องการเคารพในสิทธิ์ของคนที่จะยืนบนสถานที่ที่สะอาด ก็ต้องเป็นเรื่องสำครัญมากกว่าสิ่งอื่นใดครับ

อันนี้ ผมเรียกร้องเพื่อชาวบ้านโดยบริสุทธิ์ใจอย่างยิ่งครับ

นี้แหละคอลัมนิสต์ปากกล้าตัวจริง เสียงจริง เห็นด้วยกับคุณหมอครับ

พวกใหญ่ๆโตๆทั้งหลายทำไมต้องได้รับอภิสิทธ์มากกว่าเราชาวบ้านทั่วๆไปกันนักกันหนา ไม่เข้าใจ โดยเฉพาะพวก สส.หรือ รมต.ทั้งหลาย เห็นเวลาหาเสียงก็ยกมือไหว้ กินน้ำร่วมขัน กินข้างร่วมจานกันได้ แต่พอได้เป็น สส.หรือ รมต. แล้ว นั่งเครื่องก็ต้องมีเคาร์เตอร์เช็คอินต่างหาก มาเช็คอินก็สายได้ นั่งก็ต้อง business class อะไรกันนักหนา

พี่หนึ่งครับ

ผมเคยอ่านหนังสือเจอ เขาเขียนว่า "คนที่มีอำนาจที่แท้จริง มักไม่ค่อยแสดงความมีอำนาจ แต่คนที่ขาดอำนาจน่ะสิ มันชอบเบ่งแสดงอำนาจ (จอมปลอมของ)ของมัน"

สวัสดีคะ อาจารย์หมอแป๊ะ

เมื่อก่อนต้องไปตรวจหูบ่อยๆ ต้องชั่งน้ำหนักทุกครั้ง ก็ถอดรองเท้าด้วย

แล้ววันอังคารหน้ามีตรวจกับอาจารย์หมอวันดี หนูจะบอกพี่พยาบาลได้ไหมคะเนี๊ยะว่า ขอสงวนสิทธิ์ไม่ถอดรองเท้านะคะ พี่พยาบาลคนสวย.. ด้วยเหตุผลที่อาจารย์หมอแป๊ะ เล่าไว้ในบันทึกนี้

ปล.สงสัยจะไม่ได้ ต้องรอให้โรงพยาบาลเปลี่ยนนโยบายก่อนมั้งคะ

กว่าเรื่องนี้จะได้รับการพิมพ์ในข่าวคณะแพทย์ก็ไม่รู้เดือนไหนครับ เดี๋ยวนี้เขารอคิวลงบทความกันนานครับ

ลองถามแย็บๆดูสิครับ แล้วมาเล่าสู่กันฟังหน่อย ว่าเขาตอบว่าอย่างไร

แหม..พลาดซะแล้ว เพิ่งมาตามอ่านความคิดเห็นของอาจารย์แป๊ะวันนี้คะ เมื่อวานเลยไม่ได้ถามพี่พยาบาล แต่ก็สงสารพี่พยาบาล คนก็เยอะ งานก็ยุ่ง ไปถามมากๆ เกรงว่าจะเป็นการกวนใจ

แต่วันนี้แม่ต้องไปตรวจความดันที่คลีนิกนอกเวลา ลองหยอดๆ ถามคำถามไปสักหน่อย ก็ดีนะคะ

เอาเลยครับ ถามเลย แจ้งข่าวด้วยนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท