ครั้งแรกที่เจอคำว่า อนุทิน ใน GoToKnow ผู้เขียนก็สำคัญว่าเป็น บันทึกประจำวัน ที่เพิ่มเข้ามา ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก... ต่อมาก็พบว่าคำนี้แปลมาจากภาษาอังกฤษว่า Journal ซึ่งผู้เขียนก็เพิ่งรู้เช่นเดียวกัน ลองเปิดพจนานุกรมดู เค้าก็แปลศัพท์นี้ว่า บันทึก ได้อีกความหมายหนึ่ง...
อนุทิน คำนี้ไม่ค่อยจะเห็นใช้โดยตรงในบาลี และไม่เคยเจอด้วยว่าในบาลีจะแปลว่า บันทึก หรือ Journal ได้ ... จึงคาดเดาเอาว่า น่าจะเป็นภูมิปัญญาของโบราณาจารย์ไทยที่เลือกบัญญัติคำว่า อนุทินใช้แทน Journal ในความหมายว่า บันทึก
เมื่อแยกศัพท์ อนุ + ทิน = อนุทิน ... โดย อนุ เป็นอุปสัคแปลว่า น้อย, ภายหลัง, ตาม ... ส่วน ทิน เป็นคำนามแปลว่า วัน ... ดังนั้น อนุทิน น่าจะแปลว่า ตามวัน หรือ ประจำวัน
ถ้าจะวิเคราะห์ศัพท์ทำนองบาลีก็อาจจัดให้เป็นศัพท์สมาส โดยเป็นอัพยายีภาวสมาสได้ และตั้งวิเคราะห์ได้ดังนี้
โดยคำว่า อนุ อุปสัค ใช้แทนคำว่า ปฏิปาฺฏิ ในบทสรุป
......
เฉพาะ ทิน ซึ่งแปลว่า วัน นี้ อาจตั้งวิเคราะห์ตามรากศัพท์ได้หลายนัย เช่น
นัยนี้ ท่านว่ามาจาก ทา รากศัพท์ แปลว่า ให้ ... ลง อินะ ปัจจัย (ทา +อินะ = ทินะ) แปลว่า เป็นที่ให้ซึ่งความพยายาม... อาจอธิบายได้ว่า กลางคืนนั้น คนง่วงเหงาหาวนอน อยากพักผ่อน จึงถดถอยด้อยความพยายาม แต่เมื่อถึงกลางวัน คนจึงรู้สึกตัว กระปี้กระเปร่า เกิดความพยายามขึ้นมา....
นัยนี้ ท่านว่ามาจาก ทิว รากศัพท์ แปลว่า ร่าเริง ... ลง อะ ปัจจัย แล้วแปลง ว.แหวน เป็น น.หนู (ทิว +อะ = ทิวะ - ทินะ) แปลว่า เป็นที่ให้ซึ่งความร่าเริงแห่งประชาชน... อาจอธิบายได้ว่า กลางคืนนั้น คนง่วงเหงาหาวนอน ซึ่งต่างกับกลางวัน ที่คนร่าเริงแจ่มใส...
นัยนี้ ท่านว่ามาจาก ที รากศัพท์ แปลว่า สิ้นไป ... ลง อินะ ปัจจัย (ที + อินะ = ทินะ) แปลว่า เป็นเหตุสิ้นไปแห่งอายุของสัตว์... อาจอธิบายได้ว่า วันๆ หนึ่งที่ผ่านไปนั้น หมายถึงอายุของสัตว์ก็ย่อมสิ้นไปหรือหมดไปด้วย...
............
อีกคำหนึ่งที่คล้ายกันซึ่งมีใช้ในภาษาไทย คือ ปฏิทิน (ปฏิ + ทิน = ปฏิทิน)... โดย ปฏิ เป็นอุปสัค แปลว่า เฉพาะ, ตอบ, ทวน, กลับ. ... ดังนั้น ปฏิทิน จึงน่าแปลว่า เฉพาะวัน หรือ กำหนดวัน ...
อนึ่ง ในภาษาบาลีมีคำศัพท์ที่ใช้กำหนดวันคืนหลายสิบศัพท์ และมีอยู่นับสิบศัพท์เช่นเีดียวกันที่มีใช้อยู่ในภาษาไทย เช่น กาล เวลา ขณะ ยาม สายันห์ ราตรี อัสดง อรุณ สมัย ...
นมัสการค่ะพระอาจารย์
ดิฉันรู้จักคำว่า อนุทิน จากบล็อกของท่านอาจารย์หมอวิจารณ์ค่ะ สงสัยอยู่เหมือนกันค่ะว่าเด็กรุ่นใหม่จะรู้จักคำนี้หรือไม่ ดีจังเลยค่ะที่พระอาจารย์มาเขียนอธิบายถึงรากศัพท์ของคำว่า อนุทิน ไว้ค่ะ ขอบคุณค่ะ :)
สวัสดีคะ
ตามมาดูความหมายในเชิงลึกที่พระอาจารย์ได้อธิบายไว้
ขอบคุณมากคะ
ขอบคุณครับ ได้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นครับ เมื่อหลายปีก่อนเคยนั่งทำหลักสูตรทางด้านภาษาร่วมกับอาจารย์ทางด้านภาษา เขาใช้คำนี้กันเยอะ จนผมงงไปหลายยก
ไม่รู้ทำไม นักวิชาการวิชาเกินจึงชอบบัญญัติศัพท์แปลกๆ ใหม่ๆ มาใช้กันจริงๆ...
นักวิชาการไทยก็นิยมบาลีสันสกฤต ส่วนนักวิชาการฝรั่งก็ไปขุดคำกรีกลาตินมาใช้...
กลายเป็นว่า วิชาความรู้ถูกเก็บไว้ในหอคอยงาช้าง ทำให้คนทั่วไปหรือต่างแขนงวิชา ยากที่จะฝ่าด่านภาษาเข้าไปได้...
เจริญพร
ผมเคยเข้าใจว่า คำว่า ทิน นั้นน่าจะมาจากคำที่หมายถึง พระอาทิตย์ ซึ่งหมายถึง วัน
ขอท่านผู้รู้ให้ความเห็นด้วยครับ
นมัสการหลวงพี่
เห็นด้วยว่า ศัพท์บัญญัติมากมาย ชอบใช้บาลีสันสกฤต ที่ในพจนานุกรมไทยก็หาไม่ค่อยจะเจอ อาจจะติดปากติดมือกันแล้วก็ไม่แน่ เข้าไปสถานศึกษาบางแห่ง เจอะศัพท์แปลกๆ ที่อ่านยากเขียนยาก
เห็นได้ชัดว่า ศัพท์บัญญัติใหม่ๆ หลายคำมีคนใช้กันพร่ำเพรื่อ และผิดความหมายไป เพราะไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วหมายถึงอะไร
เห็นด้วยอีก ว่าฝรั่งเองก็ขุดศัพท์กรีก ละตินมาใช้ เหมือนกันเลย ;)
ยำใหญ่
พระอาทิตย์ ก็มีใช้นับสิบศัพท์เหมือนกัน...
ก็แล้วแต่ว่าใครจะคิดว่าอย่างไร แต่ประเด็นนี้มีอยู่จริง... ดังเช่นแวดวงการเมืองไทยปัจจุบัน บางคนออกมาพูดครั้งหนึ่งก็เสนอคำศัพท์ใหม่ออกมาให้วิจารณ์ครั้งหนึ่ง...
โดยส่วนตัว อาตมาชอบคำว่า คนชายขอบ ระดับรากหญ้า ฯลฯ... ซึ่งเป็นคำไทยๆ พอจะเข้าใจได้มากกว่าคำว่า เนติบริการ โลกาภิวัฒน์ ฯลฯ... ซึ่งต้องแปลอีกครั้ง
คำไทย คำโดด คำมูล คำประสม.... เราควรจะเน้นคำเหล่านี้ในการสอนสร้างภาษาไทย มิใช่ชอบอวดรู้นำบาลีและสันสกฤตมาใช้ และหลายคำที่ใช้สืบต่อมาอย่างผิดๆ จนยากที่จะปรับแก้...
เจริญพร
พระอาจารย์ครับ... ผมคิดเอาเองว่า...คำใหม่ ๆ เขาใช้กันเพื่อจิตวิทยาภาษาน่ะครับ...
คนทั่วไปพอเริ่มชินกับคำเดิม ๆ ความสนใจก็ลดลง...
ใหม่สำหรับคนหนึ่งก็อาจเก่าสำหรับอีกคน...
ที่พระอาจารย์นำมาอรรถาธิบาย...ส่วนใหญ่ก็ใหม่สำหรับผม...เลยต้องติดตามเป็นประจำครับ....อิอิ
ท่านเลขาฯ ว่ามา ทำให้นึกถึงความเห็นของน้องเณรรูปหนึ่ง (ลาสิกขาไปสิบกว่าปีแล้ว) เธอว่า...
คนเราโดยมาก มักเกรงถูกกล่าวหาว่า โง่ ดังนั้น เมื่อมีใครยกศัพท์ใหม่ขึ้นมา ก็มักจะเงียบเสียง แต่ก็เงี่ยหูฟัง เพื่อจะได้จดจำไปอวดรู้กับใครบางคนต่อไป...
ที่เธอได้ให้ความเห็นอย่างนี้ เพราะน้องเณรรูปนี้ มักจะจำศัพท์แปลกๆ ใหม่ๆ จากอาตมาแล้วไปอวดภูมิรู้กับเพื่อนที่โรงเรียนประจำ...
เจริญพร
ที่พระอาจารย์ว่า "ถ้าจะวิเคราะห์ศัพท์ทำนองบาลีก็อาจจัดให้เป็นศัพท์ตัทธิตได้ และตั้งวิเคราะห์ได้ดังนี้ ทินสฺส ปฏิปาฏิ อนุทินํ ลำดับแห่งวัน ชื่อว่า อนุทิน"
น่าจะเป็น"สมาส"มากกว่านะครับ เป็นนิปาตบุพพกะ อัพยยีภาวสมาสครับผม
ขออภัยครับ..พิมพ์ผิด..เป็นอุปสัคคบุพพกะ อัพยยีภาวสมาสครับ..หมายถึงมีอุปสัคอยู่หน้า คำว่า "อนุ" เป็นอุปสัค..ขอบคุณครับ..^_^
ธรรมดาสามัญ
มีอะไรผิดพลาดก็ช่วยแนะนำมาด้วย ... บางบันทึกผิดพลาด ไม่มีใครทัก ก็ผิดอยู่เป็นปีๆ กว่าจะไปอ่านเจอแล้วได้แก้...
เฉพาะตามวิเคราะห์ที่ตั้งไว้ ไม่ผิด แต่อ้างชื่อผิด และตอนนี้ก็ได้แก้ไขตามคำแนะนำแล้ว...
ส่วนสาเหตุที่ผิดพลาด... น่าจะเป็นเพราะอัพยายีภาวสมาส ใช้อุปสัคแทนเนื้อความ ขณะที่ตัทธิตใช้ปัจจัยแทนเนื้อความ... จึงเผลอเรอไป....
มีอะไรก็ผิดพลาดโปรดแนะนำมาอีก จะได้แก้ไขให้ถูก... ขออนุโมทนาอย่างยิ่ง (อีกครั้ง)
เจริญพร
มาลงชื่ออ่านครับกระผม
กราบนมัสการท่านค่ะ
เห็นอาจารย์เพิ่มเติมผู้ติดตามอนุทินของอาตมาเข้ามา แต่ไม่นานก็ลบทิ้งไป จึงคาดหมายว่า อาจารย์คงกำลังจัดระเบียบอนุทินส่วนตัวอยู่ (......)
...........
เพราะถ้าเราเปิดเผยก็ควรใช้ภาษาให้คนอื่นพอจะอ่านได้รู้เรื่อง แต่ถ้าเราไม่เปิดเผย ต้องการจะไว้อ่านคนเดียว เราจะเขียนอย่างไรก็ได้เพื่อให้เรารู้เรื่องเท่านั้น...
เหมือนตอนเรียนหนังสือ สมุดจดของเพื่อนบางคน ใครๆ ก็ชอบอ่าน ถึงกับนำไปถ่ายเอกสารกันเลยก็มี แต่ของบางคน พอเห็นก็คืนเลย เพราะอ่านไม่ออก ดูไม่รู้เรื่อง (5 5 5....)
ฟังว่าปราชญ์บางท่าน ตอนเรียนจะจดหน้าหนึ่ง อีกหน้าหนึ่งก็จะเก็บไว้เขียนวิจารณ์ที่อาจารย์สอน เมื่อกลับถึงที่พัก เพราะเพิ่งเรียนมา และยังไม่ลืม... อาตมาเคยนำวิธีการนี้มาใช้บ้างเหมือนกัน แต่ก็ทำได้เพียงบางครั้งบางคราวหรือบางวิชาเท่านั้น...
เจริญพร
กราบนมัสการหลวงพี่
มารับความรู้ด้วยคนครับ
กริช
เจริญพร
กราบนมัสการพระมหาฯ ค่ะ ขออนุญาตเก็ความรู้ด้วยคนนะคะ
ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่า "อนุทิน" คืออะไร และมีไว้ทำไม
ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ