เดินสู่ อิสรภาพ


ถ้าต้องมีชีวิตอยู่โดยไม่มี "เงิน" และไม่มีคนรู้จัก คุณคิดว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ซักกี่วัน

     วันหยุดยาวในช่วงสงกรานต์ ผู้เขียนเพิ่งมีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งของประมวล เพ็งจันทร์ อดีตอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรื่อง "เดินสู่อิสรภาพ" แม้ว่าความหนาของหนังสือจะมากกว่า 500 หน้า แต่ผู้เขียนก็สามารถใช้เวลาในช่วงนั้นอ่านมันได้จนจบอย่างซาบซึ้ง

     อาจารย์ประมวลเล่าว่า ท่านได้ลาออกจากการเป็นอาจารย์แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการเดินจากเชียงใหม่กลับบ้านที่เกาะสมุย โดยตั้งเงื่อนไขของการเดินว่าจะไม่พกสตางค์ติดตัว และจะไม่เดินไปหาคนที่รู้จัก หรือถ้าคนรู้จักอยู่ที่ไหนก็จะหลีกไปใช้ทางอื่น พออ่านมาถึงตรงนี้ก็ให้รู้สึกอัศจรรย์ใจยิ่งนัก เพราะในสภาวะสังคมปัจจุบันคงยากยิ่งที่จะสามารถทำได้

     เมื่อติดตามอ่านไปเรื่อยๆ ก็พบว่าท่านสามารถทำได้ และบรรลุถึงเกาะสมุยในวันที่ 66 นั่นเอง โดยที่การดำรงชีวิตระหว่างทางของท่านจะได้รับความกรุณาจากประชาชนที่ท่านเดินผ่านโดยที่มิต้องร้องขอ ระหว่างทางท่านได้ส่งยิ้มและแวะทักทายชาวบ้านที่เดินผ่าน เมื่อชาวบ้านทราบถึงวัตถุประสงค์ของการเดินทางต่างไต่ถามด้วยความห่วงใย เมื่อทราบว่าท่านยังไม่ได้รับประทานอาหารและไม่มีเงิน ชาวบ้านก็จะนำอาหารมาเลี้ยงท่าน.. แต่อย่างเพิ่งคิดไปไกลว่าท่านไปเบียดเบียนผู้อื่นนะคะ เพราะทุกครั้งท่านจะประเมินว่าการรับความกรุณานั้นต้องไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน หาก (คาดได้ว่าจะ) ทำให้เดือดร้อน ท่านก็จะหลีกเลี่ยงความอนุเคราะห์ในครั้งนั้น

     ในระหว่างที่อ่าน ประหนึ่งได้ออกเดินทางไปพร้อมๆ กับท่าน เพราะอาจารย์ประมวลจะเล่าถึงสิ่งที่ได้พบและได้เรียนรู้ในระหว่างการเดินทาง เช่น ในวันหนึ่งที่ท่านเดินทางไปถึง จ.ราชบุรี ท่านเล่าถึงการได้รับประทานอาหารของท่านว่า "มีอยู่มื้อหนึ่งที่ประทับใจผมมาก ผมเดินไปบน ถ.เพชรเกษม ในเขต อ.บ้านโป่ง เป็นการเดินที่ยากและเหนื่อยมาก ผมไม่สามารถบำเพ็ญภาวนาตามที่ตั้งใจไว้ได้ เพราะบนถนนมีรถเยอะ แล้วก็ร้อน ปกติผมตั้งใจว่าถ้ามืดจึงจะหยุดพัก แต่วันนั้นมันเดินไม่ไหวแล้ว ร่างกายบอบช้ำเต็มที เวลาเดินผมจะกำหนดลมหายใจเข้าออกพร้อมกับก้าวเท้าซ้ายขวาให้สัมพันธ์กัน และพยายามจะไม่คิดเรื่องอื่น แต่ตอนนั้นทำไม่ได้แล้ว เลยเข้าไปในวัดจันทาราม ไปเจอหลวงพ่อซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเจ้าอาวาสหรือพระลูกวัด ก็เข้าไปยกมือไหว้ท่านแล้วขออนุญาตพักในวัด ท่านเลยชี้มือให้ไปพักที่ศาลา เดินไปเจอพระอีกสามรูปนั่งอยู่ในศาลาก็เข้าไปกราบท่านว่า ผมได้รับอนุญาตจากหลวงพ่อที่อยู่หน้าวัดให้เข้ามาพักที่ศาลาจะขอเข้าไปได้ไหม ท่านบอกว่าได้ แต่คงเห็นสภาพร่างกายผมแย่ ท่านเลยถามว่าเดินทางมาจากไหน ผมบอกว่าเดินมาจากเชียงใหม่ แล้วกินอยู่ยังไง ผมว่าถ้ามีคนให้กินก็ได้กิน ถ้าไม่มีก็ไม่ได้กิน แล้ววันนี้ได้กินอะไรหรือยัง ผมบอกว่ายังไม่ได้กินอะไรเลย ท่านเลยตะโกนไปที่ศาลา ถามเด็กวัดว่ายังมีอะไรเหลืออยู่ให้โยมคนนี้กินบ้างไหม เสียงทางโน้นตอบมาว่า เทให้หมาหมดแล้ว ท่านก็บอกว่าเดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งเท ให้เขาดูก่อนเผื่อจะกินอะไรได้ 

     ผมก็ไปที่ศาลา ตอนนั้นมันมีอาหารที่เทจากปิ่นโตและภาชนะบรรจุลงไปอยู่ในหม้อใบใหญ่ เขาก็บอกว่าเทหมดแล้ว ผมชะเง้อคอดู เทหมดแล้วจริงๆ แต่ว่าส่วนบนสุดมันเป็นข้าวเหนียว (อาหารหวาน) มันอยู่บนสุดและมีสภาพเป็นก้อนยังไม่ละลายไปกับข้าวเจ้าที่ผสมกับน้ำแกง ผมเลยชี้ไปว่าถ้าผมจะขอกินได้ไหม เขาบอกว่าเอาสิ ถ้ากินได้ ผมก็หยิบข้าวเหนียวนั้นมา เขาถามว่าจะเอาอะไรอีกไหม ผมบอกว่าไม่เอาแล้ว เขาเลยเอาข้าวหม้อนั้นทั้งหมดมาคนๆ แล้วเทให้หมาซึ่งอยู่ริมศาลา ผมนั่งดูหมาแล้วผมก็กินข้าวเหนียวที่อยู่ในมือ รู้สึกว่ารสชาติของชีวิตมันอร่อยมากที่ผมกับหมาได้กินอาหารร่วมกัน ได้มีชีวิตยืนยาวและมีความรู้สึกที่ดีๆ กับการได้เป็นเช่นนี้"

     ท่านให้เหตุผลของการไม่พกเงินในระหว่างการเดินทางว่า "เพื่อให้ก้าวพ้นพลังอำนาจแห่งเงินตราที่ถูกสถาปนาขึ้นในสังคม เพื่อฝึกตนเองให้เข้มแข็ง และหลุดพ้นจากอำนาจแห่งเงินตรา" ซึ่งก็พิสูจน์ได้แล้วว่าท่านสามารถทำได้ ทั้งยังทำให้เห็นความงดงามในจิตใจ และเกิดสัมพันธภาพอันดีงามระหว่างผู้คนอีกด้วย

     ผู้เขียนเลยย้อนกลับมานั่งนึกว่าที่ตัวเองคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ นั่นเป็นเพราะว่าเราเองก็ยึดติดกับอำนาจของเงินตรา เชื่ออยู่ตลอดว่า ถ้าเรามีเงินก็จะสามารถทำอะไรได้ตามใจปรารถนา เราคงจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมัน และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้มนุษย์เราต้องแสวงหาเงินตราอย่างไม่สิ้นสุด บ้างต้องเบียดขับชีวิตตนเอง เบียดเบียนผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อให้ได้เงินมา หนังสือเล่มนี้เลยเป็นหนังสืออีกเล่มที่ช่วยเตือนสติผู้เขียนในเรื่องเงิน..เงิน..

  ปล. จริงๆ หนังสือเล่มนี้ให้แง่คิดต่างๆ มากมาย ถ้ามีโอกาสจะได้นำมาแลกเลี่ยนกันอีกค่ะ

หมายเลขบันทึก: 177651เขียนเมื่อ 19 เมษายน 2008 15:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

ขอบคุณครับ เรื่องน่าสนใจมากครับหมอ

ขอบพระคุณ อ.ประจักษ์

และขอสวัสดีปีใหม่ไทยเช่นเดียวกันค่ะ

ขอบพระคุณ อ.พันคำ ด้วยค่ะ

จริงๆ หนังสือเล่มนี้ให้แง่คิดสอนใจหลายเรื่อง

เพราะ อ.ประมวล ท่านตั้งใจออกเดินเพื่อการเรียนรู้

ดังนั้น ขณะที่อ่านเราก็จะได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับท่านด้วย

สนุกสนาน และอ่านเพลินทีเดียวค่ะ

เงินทองของมายา ข้าวปลาของจริง

หรือ เงินทองของมายา ผ่านหน้าผ่านตาให้คว้าไว้ก่อน ^o^

  • เป็นหนังสือดีที่เขียนจากประสบการณ์จริง
  • เคยเป็นประเด็นที่คุยกันในวงน้ำชา (กาแฟ) หลายแห่ง
  • หวังว่าผมคงมีโอกาสได้อ่านบ้าง
  • วันนี้นำแผ่น VCD ไปคืนที่ห้องหนังสือทันตะ..แล้วครับ ความจริงดูจบตั้งแต่ยืมมาวันแรก..หนังให้ข้อคิดดีมาก..ขอบคุณมากครับ

ขอบคุณ อ. ที่นำเอาเรื่องดีๆ มาแบ่งปันกันค่ะ

อยากอ่านจัง ห้องอ่านหนังสือคณะเรามีป่ะคะ

สวัสดีค่ะ คุณ ttechno ยินดีที่เข้ามาอ่านค่ะ

หวังว่าคงมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนกันในโอกาสต่อๆ ไปนะคะ

อ.beeman คะ "เดินสู่ อิสรภาพ"

เป็นหนังสือที่ให้สาระประโยชน์มากจริงๆ ปกติหนังสือหนาขนาดนั้น

ninko คงต้องอ่านซัก 2-3 สัปดาห์ แต่อย่างที่บอก

ว่าแค่ 5 วันก็จบแล้ว อาจารย์คงต้องติดตามหาอ่านให้ได้คะ

เพราะเล่มที่ ninko มี ตอนนี้ก็พิมพ์ครั้งที่ 7 ไปแล้ว

ปล. ได้รับแผ่นซีดีคืนแล้วค่ะ ยินดีที่ได้ร่วมแบ่งปันเรื่องราวดีๆ คะ

คุณเอ๋ ห้องอ่านหนังสือเราคงยังไม่มี

แต่ที่ห้องอาจารย์อ่ะมี (อิอิ)

ถ้าสนใจก็ติดต่อได้ค่ะ ไม่คิดค่ายืม

  • สวัสดีค่ะ คุณหมอ..

หนังสือเล่มนี้ดีจริงๆ ค่ะ   ให้เราได้มีมุมมองที่ต่างไปจากเดิม   อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อขจัดความกลัวในจิตใจ(ไปบ้าง)    และก็ได้รู้ว่ามิตรภาพดีๆ ที่งดงามนั้นก็เกิดขึ้นในทุกที่    เพียงแต่ว่าเราจะได้สัมผัสหรือเปล่า?   

ได้หนังสือเล่มนี้มาด้วยความบังเอิญค่ะ   และก็บอกกับตัวเองว่า "ต้องเขียน" เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ให้ได้    http://gotoknow.org/blog/naepalee/177546

ป.ล.เราเขียนวันเดียวกันเลยเนอะ  ^^

ใครอยากอ่าน "เดินสู่อิสรภาพ"

ในอีกมุมมองหนึ่ง ขอเชิญ คลิ๊ก link ด้านบนเลยจ๊า...

ขอบคุณ "เนปาลี" ที่นำมาฝากกัน

มีผู้มีพระคุณท่านหนึ่งให้ยืมอ่าน กำลังอ่านได้ครึ่งเล่มแล้วครับ แล้วจะมาแสดความคิดเห็นเพิ่มเติมนะครับ

ขอบคุณ อ.พี่ตู่ ที่แนะนำ

ว่าแต่... มีให้ยืมป่ะ

เพิ่งเข้ามาหลังจากที่เคยเข้ามาเมื่อนานมาแล้ว ได้อ่านข้อความแล้วท่าทางหนังสือจะน่าอ่าน แต่ชีวิตคงทำทุกอย่างที่อยากทำไม่ได้

จึงต้องอ่านหนังสือสอบไป T_T

อ่านแล้วประทับใจมากเลยค่ะ

นานมากแล้ว ที่ไม่ได้อ่านหนังสือดีๆ

คิดถึงเวลาที่เราจะได้ทบทวนตัวเองบ้าง หวังว่าจะได้ทำอย่างจริงจัง แม้ว่าจะไม่สามารถทำได้เหมือนเรื่องที่เล่ามา แต่ก็จะพยายามค่ะ :-)

น่าสนใจครับ ผมเคยเรียนกับอาจารย์ประมวลด้วย ท่านเป็นบุคลที่น่านับถือและน่าศึกษาเรียนรู้จากท่านมาก ท่านเคยกล่าววา อ่านหนังสือพันเล่มมิสู้เดินทางหนึ่งลี้....ผมคิดว่าน่าศึกษายิ่ง ขอบคุณนะครับที่เอาเรื่องดีๆมาเล่าสูกันฟัง มีเรื่องดีๆก็มาเล่าสู่กันฟังอีกนะครับ

น้อง nitty จ๊ะ สู้ๆ นะจ๊ะ

คนเราต้องจัดลำดับความสำคัญของชีวิต

และเลือกทำในสิ่งที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง

---------------------------------------

คุณ ตัวยุ่ง ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

เรื่องการทบทวนตัวเองที่ว่า เป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ

แต่เรามักจะหลงลืม และไม่ให้ความสำคัญ

มนุษย์เราจึงยังหลงมัวเมาอยู่ใน "โลภ โกรธ หลง" เน๊อะ

แต่ในทางปฏิบัติมันก็ทำยาก ninko เอง ก็ยังลืมตัวอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน

---------------------------------------

สวัสดีค่ะ คุณ ข้าหนาน

น่าอิจฉาจัง ที่ได้เรียนกับ อ.ประมวลด้วย

แค่ ninko ได้อ่านหนังสือของอาจารย์

ยังรู้สึกว่าท่านเป็นมนุษย์มหัศจรรย์มากๆ เลย

ชื่นชมทั้งในแนวคิด และแนวทาง

---------------------------------------

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน และแลกเปลี่ยนค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท