ไปมาแล้วนะ...แม่ฮ่องสอน (๒)


สมคำร่ำลือจริง ๆ ครับ กับ จ.แม่ฮ่องสอนที่เริ่มตั้งแต่เส้นทางที่โค้งคดเคี้ยวตามไหล่เขา  เห็นเขาว่านับได้ 1864  โค้ง  ผมก็กะว่าจะนั่งนับเหมือนกันแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน  อีกอย่างถ้ามัวแต่นั่งนับ คงต้องได้โอ๊กอ๊ากกันพอดี

ผมออกจาก อ.แม่สะเรียง แต่เช้าครับ  ไปแวะที่ถ้ำแก้วโกมล  อันนี้ต้องบอกว่า Unseen จริง ๆ เป็นถ้ำที่บริหารจัดการโดยชาวบ้านแท้ ๆ โดยการสนับสนุนของ อบต. ใครจะไปจะมาไม่มีสิทธิขับรถขึ้นไปเอง ต้องมาผ่านด่านพร้อมชำระค่าธรรมเนียมแล้วใช้บริการรถของชาวบ้านจึงจะขึ้นไปได้

การเข้าชมต้องเข้าไปเป็นกลุ่ม ๆ จำกัดจำนวน และต้องมีไกด์พาเข้าไปเท่านั้น  หน้าถ้ำมีการล็อคกุญแจปิดสนิท ประเภทห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต   นอกจากนั้นไม่พอยังห้ามเรานำกระเป๋า  เสื้อคลุม  กล้องถ่ายรูปเข้าไปอีก  ทำให้ผมขัดใจนิด ๆ แต่ก็ไม่ว่าอะไร  ไม่ต้องเอาเข้าก็ไม่ว่ากัน.....

พอเข้าไปเท่านั้นแหละ  แม่เจ้าโว้ย!!!  งามจริง ๆ สุดที่จะบรรยาย หินงอกหินย้อยสีขาวบริสุทธ์ บางแห่งออกเป็นสีเหลืองอำพัน  กระทบแสงไฟดูแวบวับเอาการเลยที่เดียว

         ที่นี่จึงถึงบางอ้อ!!!  ที่เขาไม่ให้เอากระเป๋าหรือเสื้อคลุมเข้ามาก็คงจะเคยมีคนมือบอนไปเด็ดไปหักหินเหล่านี้ไปเป็นที่ระลึก... และหากมีการถ่ายรูปแสงแฟลตก็จะไปทำลายความวาวของหินเหล่านั้น  ... 

นับเป็นการจัดการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงความยั่งยืนจริง ๆ....  แต่ถึงกระนั้นด้วยความที่คนเข้าไปไม่ใช่น้อยจึงเห็นร่องรอยความเสียหายมากมายทีเดียว....  สมแล้วที่คนที่เขาค้นพบคนแรกจะปรารภว่า "รู้งี้ไม่เปิดเผยก็ดี"

รูปภายในถ้ำไม่มีรูปมาฝากครับ...อยากดูต้องไปเอง  คงมีแต่รูปหน้าปากถ้ำเท่านั้น

จากนั้นไปที่ อ.ขุนยวม  ไปดูอนุสรณ์แห่งมิตรภาพและความผูกพันของระหว่าคนไทยกับทหารญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ถ้าไม่ลืมจนเกินไปสมัยเรียนหนังสือประวัติศาสตร์ก็คงพอจำกัดได้  ถ้าพูดถึงสงครามโลกครั้งที่สอง เราจะนึกถึงแต่ความโหดร้าย  การเข่นฆ่า  ยิ่งถ้าพูดถึงญี่ปุ่นนี่ไม่ชอบเลย  เพราะเขาเป็นผู้รุกรานประเทศไทย

แต่สำหรับที่นี่มีเรื่องราวอีกแง่มุมหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่มีแต่ความรัก  ความเห็นใจ  และการช่วยเหลือแบ่งปัน  หลังจากทหารญี่ปุ่นแตกทัพมาจากพม่า  ก็ได้อาศัยชาวไทยใหญ่แถบนี้ให้การดูแล ใครเจ็บไข้ได้ป่วยก็รักษา  ใครอดใครหิวมาก็ดูแลกันไปตามมีตามเกิด  จนเกิดเป็นความผูกพัน 

ยังมีหนุ่มทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งที่แต่งงานกับหญิงสาวที่นี่จนมีลูกด้วยกัน  ก่อนที่ทหารญี่ปุ่นคนนั้นจะถูกจับตัวไปและไม่ได้ข่าวคราวเลยจนถึงบัดนี้....

คนญี่ปุ่นชอบมาที่นี่มาก  เพราะนอกจากจะมีเรื่องราวสิ่งของที่ผ่านสมรภูมิรบมาแล้ว  ที่นี่ยังเป็นที่ฝังกลบร่างอันไร้วิญญาณของบรรพบุรุษของเขาจำนวนมาก 

จากนั้นเราไปชมวัด แต่จำไม่ได้ว่าชื่อวัดอะไร  ที่มีผ้าโบราณศิลปะพม่า ปักลายด้วยอัญมณีมูลค่าหลายกะรัต  ได้ไหว้พระขอพร  ก่อนที่จะตรงบึ่งสู่  ตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอนต่อไป.....

หมายเลขบันทึก: 175856เขียนเมื่อ 8 เมษายน 2008 13:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

สวัสดีคะ น่าจะถ่ายรูปโค้งมาให้ดูบ้างนะ ดีใจด้วยที่ได้ไปเจอประสบการณ์ดีๆ

อยากไปจัง  ไปหาประสบการณ์มั่ง

ลูกยางนาลอยมาพร้อมสายลมและสายฝนในฤดูร้อน

เพื่อจะบอกว่า สวัสดีวันสงกรานต์ ครับ

Wfraw

1. ย่านตรังซื่อ

สุดปัญญาที่จะถ่ายครับ...เพราะมัวแต่เมาหัว

ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะครับ

2. สิทธิรักษ์

หาโอกาสมาเลยครับ...จะรออยู่ที่นี่

3. ออต

สวัสดีสงกรานต์เช่นเดียวกันครับ...เพาะต้างได้กี่ต้นแล้วครับ...เอามาฝากบ้างเด้อ

4. ภีรภา อัคระจาคะ

มาเลยครับมา จะอาสาพาทัวร์....ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะครับ

สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ ขอให้มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง สดชื่นแจ่มใสครับ

6. สิทธิรักษ์

ขอบคุณครับ...ขอให้มีความสุขมาก ๆ เช่นเดียวกันครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท