จากความหมายของนโยบายต่างประเทศ ก็คือเพื่อผลประโยชน์ของชาติเป็นหลักดัง จากการดำเนินนโยบายต่างประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การดำเนินนโยบายบกพร่องมากที่สุดควรจะเป็นช่วง ปี 1948 - 1973 (ยุคสงครามเย็น) หรือก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งประเทศไทยได้ดำเนินนโยบายเข้าข้างค่ายโลกเสรี หรือเข้าข้างสหรัฐเป็นอย่างมากเขาให้ทำอะไรก็ทำหมดโดยเฉพาะในยุคของจอมพล ป. เพราะมีทั้งความขัดแย้งภายในคือทหารกับตำรวจ และความกลัวจากปัจจัยภายนอกคือ ความกลัวอิทธิพลของคอมมิวนีสต์โดยเฉพาะเหตุการณ์ ที่ จีนได้เปลี่ยนระบบการปกครองเป็นระบบคอมมิวนิสต์ โดยการปฏิวัติของเหมาเจ๋อตุง ทำให้ไทยกลัวภัยคอมมิวนิสต์มาก ที่เรียกว่า Communistphobia คือความกลัวที่ไม่มีเหตุผล จนในบางครั้งทำให้ไทยเสียโอกาสในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจคือการติดต่อค้าขายกับประเทศต่างๆโดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งถือว่ามีทรัพยากรจำนวนมาก แต่ไทยก็ละโอกาสที่จะปรับความเข้าใจกับจีนเช่นในการประชุมกันของกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาที่ประเทศอินโดนีเซียในปี 1955 ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ผู้นำไทยกับจีนได้พบปะกันแต่น่าเสียดายที่ไทยจะทำความตกลง แต่ก็พลาดโอกาส คือเราน่าจะรวมกับประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายซึ่งต่อมาได้วางตัวเป็นกลางหรือกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ( NAM = non alien Movement) แต่ไทยกับได้ละโอกาสนี้ไปแต่กลับดำเนินนโยบายใกล้ชิด สหรัฐมากยิ่งขึ้นเพราะกลัวภัยจากอิทธิพลคอมมิวนิสต์ โดยไทยมีความเชื่อว่า คบกับสหรัฐไว้ประเทศไทยจะได้ปลอดภัยไม่ตกเป็นเมืองขึ้นใครเพราะ จึงทำให้ไทยต้องทำตัวเป็นศัตรูกับประเทศรอบข้างไปทั่ว