ผู้สูงอายุเป็นวัยมีความเปลี่ยนแปลงของร่างกายสู่ความเสื่อมถอยมากที่สุด เป็นช่วงของวัยที่ต้องให้การดูแลอย่างใส่ใจ และใกล้ชิด ผู้ดูแลที่ดีที่สุดคือบุตรหลานนั่นเอง..(ถ้าไม่มีบุตรหลานต้องส่งเสริมให้สามารถดูแลตนเองได้ อย่างมีความสุขตามอัตภาพ)
งานวิจัยเป็นงานที่ต้องให้เวลา และมุ่งมั่นจึงจะสำเร็จได้โดยเฉพาะการวิจัยในงานประจำ...(เหนื่อยจั้ง...สนุกจริ้ง...)...เป็นสิ่งที่ทำให้ได้เรียนรู้การปรับปรุง พัฒนาในงาน การบริหารจัดการโครงการ (ภาคปฏิบัติ) การทำงานร่วมกันเป็นทีม ...ดีค่ะ
ปีที่แล้ว .(2550)..สถานีอนามัยโซนราชพฤกษ์ ( 5 สอ.) ได้ร่วมกันทำงานวิจัยของโซนขึ้น 1 เรื่อง ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์ทุนวิจัยจาก รพ. อุดรธานี ตอนนี้ก็ได้จัดทำเกือบจะเรียบร้อยแล้วเหลือการเผยแพร่ผลงานเป็นขั้นตอนสุดท้าย ผู้เขียนจึงอยากจะเล่าให้ฟังสักเล็กน้อยนะคะ ในส่วนความเป็นมา เป็นไปของโครงการนี้...
เริ่มแรกทีเดียวเป็นโครงการสนับสนุนทุนวิจัยจาก CUP (หน่วยสนับสนุนการให้บริการปฐมภูมิ) โครงการได้รับอนุมัติเมื่อเกือบจะสิ้นปีงบประมาณ ให้สถานีอนามัยทำงานวิจัย โซนละ 1 เรื่อง ด้วยภาระงานประจำที่ทำอยู่ก็มากมาย อยู่ในช่วงสรุปผลงานประจำปี ...รอรับการประเมิน PCUมาตรฐาน อีกทั้งการให้บริการในสถานบริการ ทีมงานจึงตกลงกันว่าให้สรุปประเมินภาวะสุขภาพตามแบบประเมินของกรมอนามัยให้ประเมิน แต่ยังไม่สามารถสรุปเป็นภาพรวมภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุได้
ด้วยระยะเวลาที่กระชั้นชิด ... ทีมงาน 5 สอ. จึงตกลงทำเรื่องการประเมินภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุให้เป็นรูปธรรม (ถือว่าเป็นแบบฝึกหัด...การทำวิจัยเล็ก ๆ ก่อน...ให้กำลังใจกันเอง ...ในตอนนั้น) จึงสรุปได้ว่าทำวิจัยเรื่องนี้ด้วยเหตุผล 4 ประการคือ
1. เป็นงานวิจัยที่ทำจากงานประจำ (Routine to Research)
2. ไม่ต้องสร้างแบบสอบถามใหม่ (ปรับปรุงเล็กน้อย)
3. มีระยะเวลาการดำเนินงาน 4 เดือน (ในขณะที่ต้องทำงานอื่น ๆ ด้วย)
4. เป็นโอกาสที่ทีมงานจะได้ลองทำงานวิจัย แบบ R 2 R (ก็ CUP เปิดโอกาสให้ทุนแล้ว ยังไม่รีบรับอีก ...ได้ไง !!! ...อิ..อิ...)
เหตุการณ์ไม่ง่าย อย่างที่คิด ...มีคนบอกไว้ว่า การทำงานโครงการ...ต่าง ๆ ต้องเผื่อไว้ 3 อย่างคือ
1. โครงการอาจไม่เสร็จทันตามระยะเวลาที่กำหนด 2. งบประมาณที่ตั้งไว้อาจไม่เพียงพอตามที่ประมาณการ และ 3. ผลการศึกษาอาจไม่เป็นไปตามที่คาดหมาย ก็เป็นไปตามนั้นจริง ๆ
แต่..จะอย่างไรก็ตาม โครงการนี้ก็สามารถปิดได้ และเป็นฐานข้อมูลสำคัญที่จะนำไปใช้ในการพัฒนางานผู้สูงอายุของสถานีอนามัยและของโซนต่อไป...
การศึกษาภาวะสุขภาพผู้สูงอายุในสถานีอนามัย โซน 5 ราชพฤกษ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี
ศรีวรรณ มโนสัมฤทธิ์, พยม., มณีรัตน์ ปัจจวงษ์, พยม., *รัตนา ขอบุญส่งเสริม, *พรชนก ผิวฝ้าย, *พรทิพย์ โคติเวทย์, *ธัญลักษณ์ ศิริวัฒน์กาญจน์, *วรรธนี ปิณทะศิริ, *อุษา จัตวากุล, *อัญชลี พิชญ์ชยะนนท์ *ป.พยาบาลและผดุงครรภ์
ที่ปรึกษา : ผศ. ดร. ดุษฏี อายุวัฒน์, มหาวิทยาลัยขอนแก่น., ชนิดาภา กิจขยัน, กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลอุดรธานี.
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย (Descriptive Research) เพื่อศึกษาถึงภาวะสุขภาพผู้สูงอายุในสถานีอนามัยโซนราชพฤกษ์ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาเป็นผู้สูงอายุในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบของสถานีอนามัย 5 แห่งในเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ประกอบด้วยสถานีอนามัยเชียงพิณ บ้านเลื่อม หมูม่น เชียงยืน และสถานีอนามัยจำปา คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยการสุ่มอย่างง่าย (simple sampling) จำนวน 480 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบประเมินภาวะสุขภาพผู้สูงอายุ ที่ประยุกต์จากแบบประเมินสุขภาพผู้สูงอายุของกรมอนามัย และแบบประเมินสุขภาพจิต (ภาวะซึมเศร้า) ของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เก็บข้อมูลช่วงวันที่ 1 - 31 ตุลาคม 2550 โดยการตรวจร่างกาย ตรวจน้ำตาลในเลือด (DTx) และสัมภาษณ์
ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ เพศหญิง ร้อยละ 59 มีอายุระหว่าง 60 - 69 ปี ร้อยละ 67.2 สถานภาพสมรสคู่อยู่ด้วยกัน อาศัยอยู่กับลูกหลาน ร้อยละ 74.4 สมาชิกครอบครัวเฉลี่ย 5 คน
ภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีน้ำหนักไม่เปลี่ยนแปลงในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ร้อยละ 64.5 มีดัชนีมวลกายปกติ ร้อยละ 59 ระดับความดันโลหิตปกติ ร้อยละ 67.7 ระดับน้ำตาลปกติร้อยละ 79 ไม่มีโรคประจำตัว ร้อยละ 55.4 ส่วนกลุ่มที่ป่วย ร้อยละ 44.6 พบว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุด ร้อยละ 16 รองลงมาเป็นโรคเบาหวาน โรคอื่น ๆ โรคกระดูกและข้อตามลำดับ การประเมินสุขภาพตนเองของผู้สูงอายุ พบว่า มีสุขภาพแข็งแรงดี ร้อยละ 48.8 รองลงมาคือ พอใช้ และแข็งแรงดีมาก ร้อยละ 27.1 และ 20.8
พฤติกรรมสุขภาพผู้สูงอายุ พบว่า ไม่สูบบุหรี่ ร้อยละ 76 ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ร้อยละ 77.9 มีการออกกำลังกายทุกวัน หรือ 3 วันต่อสัปดาห์ ร้อยละ 55.4 รับประทานอาหารวันละ 3 มื้อ ร้อยละ 82.3 อาหารที่งดรับประทานหรือรับประทานแต่ปริมาณน้อย ได้แก่ อาหารที่มีไขมันมาก เนื้อวัว เนื้อหมู ร้อยละ 30.4 การป้องกันอุบัติเหตุจากการคาดเข็มขัดหรือสวมหมวกนิรภัย มีการคาดเข็มขัดหรือสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง ร้อยละ 31.7 มีฟันมากกว่า 20 ซี่ ร้อยละ 50 ตรวจสุขภาพช่องปากใน 6 เดือนที่ผ่านมา ร้อยละ 20.4 ไม่มีภาวะซึมเศร้า ร้อยละ 87.7 นอนหลับพักผ่อนวันละ 6 - 8 ชั่วโมง ร้อยละ 70.4 มีกิจกรรมทำงานอดิเรกที่บ้าน ร้อยละ 59.6
สรุปภาวะสุขภาพผู้สูงอายุโดยรวม พบว่า มีสุขภาพดี ร้อยละ 68.5 มีโรคเรื้อรัง อ่อนแอ บอบบาง ร้อยละ 31.5 เมื่อเปรียบเทียบภาวะสุขภาพผู้สูงอายุทั้ง 5 สถานีอนามัย พบว่ากลุ่มตัวอย่าง อย่างน้อย 2 สถานีอนามัย มีภาวะสุขภาพแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05)
ข้อเสนอแนะจากผลการศึกษาครั้งนี้ ควรจัดทำโครงการดูแลสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุในโซน และประเมินภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุในเชิงลึก เรื่องการได้รับการดูแลจากครอบครัวตามความเป็นจริงและความคาดหวังของผู้สูงอายุ และวิเคราะห์ภาวะสุขภาพผู้สูงอายุรายสถานีอนามัย เพื่อประโยชน์ในการพัฒนา ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุต่อไป
-
แบบฝึกหัด การเรียนรู้จากงานประจำ ยังไม่หมดเท่านี้ ทีมงาน...สถานีอนามัย และโซน ยังคงต้องเรียนรู้จากงานอื่น ๆ อีกต่อไปค่ะ
-
ขอความคิดเห็น ..ข้อเสนอแนะ และวิพากษ์ จากท่าน..ทั้งหลาย..ด้วยนะคะ
...ขอบคุณค่ะ