BM.chaiwut
พระมหาชัยวุธ โภชนุกูล ฉายา ฐานุตฺตโม

การจัดประเภทกลุ่มคนในสังคม


การจัดประเภทกลุ่มคนในสังคม
  • ในสังคมมีคนกิ่ประเภท อะไรบ้าง ?แม้จะไม่รู้ทฤษฎีหรือหลักการด้านนี้ แต่เมื่อคิดสักครู่หนึ่ง ผู้เขียนคิดว่า ทุกคนน่ามีความสามารถจะจัดประเภทคนในสังคมได้... หรือถ้าจะสืบค้นการจัดประเภทกลุ่มคนในโลกนี้แล้ว ผู้เขียนก็คิดว่ายากที่จะนำมาบอกเล่าได้โดยสิ้นเชิง เช่น...

พระพุทธเจ้าทรงจัดประเภทกลุ่มคนที่นับถือพระพุทธศาสนาไว้ ๔ กลุ่ม ซึ่งเรียกว่า บริษัท ๔ กล่าวคือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา... นอกจากนี้ก็ทรงจัดตามนัยอื่นอีก เช่น จัดเป็น ๒ กลุ่ม คือ อริยะ และปุถุชน... จัดโดยเปรียบเทียบกับดอกบัวได้ ๔ เหล่า คือ บัวพ้นน้ำใกล้จะบาน บัวปริ่มน้ำ บัวกลางน้ำ และบัวติดอยู่กับเปลือกตม เป็นต้น

เมื่อพิจารณาคนทั้งโลกแล้วเพ่งตามสีผิว ก็อาจจัดได้เป็น พวกผิวขาว ผิวเหลือง ผิวดำ... จัดตามฐานะก็อาจเป็น คนรวย คนปานกลาง คนจน... จัดตามท้องถิ่นก็อาจเป็น คนใต้ คนเหนือ คนอิสาน คนภาคกลาง คนตะวันออก... เป็นต้น

ซึ่งการจัดประเภทบรรดามีทำนองนี้ มิใช่วัตถุประสงค์ในเรื่องที่จะนำมาเล่าครั้งนี้

............

ส่วนที่ผู้เขียนจะนำมาเล่าในบันทึกนี้ เป็นเรื่องเคยฟังจากอาจารย์ท่านหนึ่ง โดยท่านว่านักสังคมศาสตร์ได้จัดคนในสังคมไว้ ๕ ประเภท กล่าวคือ

  • ประสบความสำเร็จในแนวทางที่ถูกต้อง
  • ประสบความสำเร็จในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง
  • ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ยึดถือวัฒนธรรม
  • แสวงหาแนวทางอื่น
  • หนีโลก

 

คนที่ประสบความสำเร็จโดยย่อก็คือ มีฐานะร่ำรวย มีเกียรติยศ ชื่อเสียง กว้างขวางในสังคม ฯลฯ... ซึ่งคนที่ประสบความสำเร็จในแนวทางที่ถูกต้องก็เช่น บางคนขยันเรียนหนังสือ สอบได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ กลับมาก็ทำงานเป็นครูบาอาจารย์ จนได้เป็นศาสตราจารย์ หรือราชบัณฑิตย์ เป็นต้น...

หรือบางคนอาจไม่จบ ป. ๔ แต่มีความเพียรสูงยิ่ง เริ่มทำงานในแนวทางที่สุจริตตั้งแต่เล็กๆ ค่อยๆ ไต่อันดับไปเรื่อยๆ จนกระทั้งบั้นปลายชีวิตก็ร่ำรวยมหาศาล เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่... เป็นต้น

ทำนองนี้ ถือว่า ประสบความสำเร็จในแนวทางที่ถูกต้อง

..............

ประสบความสำเร็จในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง ก็เป็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งร่ำรวยและมีเกียรติยศชื่อเสียงเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าสิ่งที่ได้มานั้น ได้มาโดยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง... เช่น ขี้เกียจเรียนหนังสือ แต่อยากจะมีหน้ามีตาประสบความสำเร็จในทางวิชาการ จึงเริ่มต้นด้วยการใช้วุฒิการศึกษาปลอมบ้าง จ้างคนอื่นให้เขียนสารนิพนธ์หรือวิทยานิพนธ์ให้บ้าง พอได้วุฒิการศึกษามาแล้วก็อาศัยเส้นสายจนได้เป็นครูบาอาจารย์ แล้วก็ลอกเลียนหรือขโมยผลงานของนักศึกษา เสนอเป็นผลงานวิจัยของตนเอง เป็นต้น... นักวิชาการชั้นสูงที่ชูคออยู่ในสังคม ผู้เขียนเชื่อว่า มีอยู่ ที่ดำเนินการมาตามนัยนี้

บางคนค้าขายยาเสพติด พอร่ำรวยขึ้นมาก็นำเงินมาฟอกโดยการเริ่มต้นรับเหมาก่อสร้าง หรือกิจการอื่นๆ แล้วก็เริ่มเล่นการเมือง เพื่อหาแนวทางมาสนับสนุนและเพิ่มพูนกิจการของตนเอง และก้าวหน้าไปเรื่อยๆ จนกระทั้งได้เป็นส.ส. หรือรัฐมนตรี มีเกียรติมีอำนาจในบ้านเมือง.... เป็นต้น

คนกลุ่มนี้ แม้จะประสบความสำเร็จ แต่ก็จัดว่า ประสบความสำเร็จในแนวทางไม่ถูกต้อง

............

กลุ่มที่สามคือ ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ยึดถือวัฒนธรรม ... ท่านเล่าว่า คนกลุ่มนี้ มิใช่ไม่เก่ง ไม่ใช่เกียจคร้าน แต่วิถีชีวิตหักเห ทำให้ไม่อาจขึ้นไปสู่ระดับสูงได้ เช่นบางคนเรียนเก่ง แม้ได้ทุนไปเรียนต่อ แต่พ่อหรือแม่ป่วยหนัก จึงยอมเสียสละเพื่อต้องการที่จะดูแลพ่อหรือแม่... ต่อมา พอจะได้ไปอีก ภรรยามีลูกน้อย เห็นใจภรรยา จึงเสียสละ ไม่ยอมไป... จนกระทั้งพ้นวัยที่จะไปเรียนต่อเพื่อความก้าวหน้า

บางคนแม้มีหัวก้าวหน้าอีกทั้งขยันในการทำงาน แต่เห็นแก่ญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงเกินไป โดยมักเสียสละให้แก่ญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูง จนกระทั้งคนอื่นๆ ก้าวหน้า แต่ตนเองก็เพียงพออยู่ได้เท่านั้น จึงไม่จัดว่าประสบความสำเร็จชั้นสูง

ท่านว่า คนเหล่านี้ เมื่อมีอายุมากขึ้น จึงคลายความทะเยอทะยาน มองโลกตามความเป็นจริง เริ่มยึดถือวัฒนธรรม เช่น ชอบที่จะไปงานแต่งงาน งานบวช งานศพ หรือช่วยกิจกรรมชุมชนอื่นๆ... ชอบที่จะหาความสุขโดยการท่องเที่ยวตามฤดูกาล เช่น ทอดผ้าป่า ลอยกระทง ปีใหม่ สงกรานต์... เป็นต้น

ท่านว่า คนกลุ่มนี้มีจำนวนมากที่สุดในสังคม และน่าจะเป็นกลุ่มคนที่มีความสุขมากที่สุด... อนึ่ง คนกลุ่มนี้ อาจตรงกับสำนวนที่ว่า อยู่ไปวันๆ ซึ่งเคยเล่าไว้แล้วครั้งหนึ่ง (ดู อยู่ไปวันๆ...?)

.............

กลุ่มต่อไปก็คือ แสวงหาแนวทางอื่น กล่าวคือ ไม่ดำเนินการตามที่คนทั่วไปในสังคมใช้กัน... ซึ่งกลุ่มนี้มักจะเป็นพวกที่มีวิญญาณขบถ หรือพวกประท้วงทั้งหลาย เช่น ประท้วงไม่ให้ลูกเรียนหนังสือในโรงเรียน โดยตั้งตนเองเป็นครู แล้วก็สอนลูกเองเพื่อให้ไปสอบเทียบเอากับ กศน... หรือราดน้ำมันจุดไฟเพื่อประท้วงความไม่พอใจบางอย่างทางการเมือง  เป็นต้น

ส่วนกลุ่มสุดท้านก็คือ พวกหนีโลก กล่าวคือ ไม่ยอมอยู่ในสังคม เช่น บางคนหลีกหนีสังคมไปทำสวนอยู่ในป่าลึก หรือบางคนบวชแล้วไปอยู่ในถ้ำ เป็นต้น

ความต่างกันระหว่างกลุ่มคนที่แสวงหาแนวทางอื่นกับพวกหนีโลกก็คือ พวกแสวงหาแนวทางอื่นจะยังอยู่ในสังคม แต่มักจะไม่ดำเนินชีวิตตามวิถีสังคม (ไม่ว่าถูกหรือผิด) ชอบแสวงหาแนวทางใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อใช้ในการเป็นอยู่หรือต่อสู้ของตนเอง... ส่วนพวกหนีโลกนั้น หลีกหนีสังคม ไม่ต้องการจะอยู่ร่วมในสังคมกับใครๆ ... ทำนองนี้

..............

ที่ผู้เขียนนำเรื่องนี้มาเล่า เพราะผู้เขียนรู้สึกว่า สังคมไทยปัจจุบัน...

 

  • ผู้ประสบความสำเร็จในแนวทางที่ถุกต้องๆ ค่อยๆ น้อยลง...
  • ขณะที่ผู้ประสบความสำเร็จในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง ค่อยๆ เพิ่มขึ้น....
  • ส่วนผู้ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ยึดถือวัฒนธรรม ซึ่งควรจะเป็นกลุ่มคนที่มีความสุขมากที่สุด กลับ ถูกกดดันยิ่งขึ้นๆ

 

  • เห็นด้วย ! ไม่เห็นด้วย ! หรือมีความเห็นอย่างไร ?
หมายเลขบันทึก: 173549เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2008 22:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 19:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

เห็นด้วยกับท่านครับว่ามีปรากฏการณ์เช่นที่ท่านอาจารย์กล่าวถึง แต่ผมไม่เห็นด้วยที่จะดำเนินตามรอยที่ไม่ถูกต้อง ผมก็เชื่อว่าพระคุณเจ้าและท่านอื่นๆก็คงคิดไม่ต่างกัน

นี่แหละที่เป็นภาระหนักของเราที่ต้องช่วยกัน ในหลายๆวิธี

ให้สติดีจังครับพระคุณเจ้าครับ

กราบนมัสการ

P

บางทราย (คนเข็นครก ขึ้นภูเขา)

 

  • วันนี้ รู้สึกเบื่อๆ ประเทศไทย จึงนำเรื่องนี้มาเล่า...

เจริญพร

นมัสการพระอาจารย์

  • จริง ๆ กระผมตั้งใจจะมาแสดงความคิดเห็น เรื่อง พระสงฆ์กับ Hi5 ทั้งนี้เพราะกระผมรู้จัก Hi5 จากพระอาจารย์ ..
  • เมื่อได้อ่านกระทู้นี้ก็ทำให้เรียนรู้เพลิน และคิดตามไปว่า ตัวกระผมเองเป็นบัวเหล่าใด อยู่กลุ่มใดกันแน่ ...เมื่ออ่านจนจบแล้วทำให้เรียนรู้และพยายามจะเป็นบัวพ้นน้ำให้ได้ ครับ
  • ... กลับมาที่เรื่อง Hi5 กระผมมองว่า ถ้าพระสงฆ์ท่านใช้ Hi5 หรือเทคโนโลยีที่เกิดใหม่อื่น ๆ เพื่อเผยแพร่ธรรมะ (อย่างท่านพระอาจารย์) ปรับให้เข้ากับยุคสมัย ก็ยิ่งเป็นการดีที่ปถุชนจะได้เรียนรู้ธรรมะออนไลน์ถึงที่บ้าน ... ดังนั้นผมมองถ้าใช้เพื่อการนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องสุดยอดที่สุดแล้ว... แต่ถ้าใช้ในทางที่ผิดก็อีกเรื่องหนึ่งครับ

(กราบ 3 หน)

P

นิโรธ

 

อีกไม่เกิน ๑๐ ปี ก็คงจะไม่มีใครพูดเรื่องพระ-เณรใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว คงทำนองเดียวกันกับ...

  • เมื่อเล็กๆ อาตมาเคยได้ยินญาติผู้ใหญ่วิจารณ์กันว่า พระ-เณรฟังวิทยุเหมาะสมหรือไม่...
  • เมื่อแรกบวชก็ได้ยินข้อวิจารณ์เรื่องพระ-เณรดูโทรทัศน์....
  • และเมื่อไม่นานนี้ก็เรื่องพระ-เณรใช้โทรศัพท์มือถือ...

สิ่งเหล่านี้ ค่อยๆ เป็นไปเรื่อยๆ ซึ่งอาจเหมาะสมบ้างไม่เหมาะสมบ้าง... ก็เหมือนๆ กับชาวบ้านนั้นแหละ เพียงแต่พระ-เณรอยู่ในกรอบจารีตอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งต่างไปจากชาวบ้าน...

ก็บ่นเล่นๆ เท่านั้น...

เจริญพร

กราบนมัสการหลวงพี่มหาชัยวุธ

เห็นด้วยมากๆ ค่ะว่า

# ผู้ประสบความสำเร็จในแนวทางที่ถุกต้องๆ ค่อยๆ น้อยลง...

# ขณะที่ผู้ประสบในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง ค่อยๆ เพิ่มขึ้น....

สำหรับผู้ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ยึดถือวัฒนธรรม ตามตัวอย่างของหลวงพี่นั้น ดิฉันเห็นว่าเขาเหล่านั้นก็ประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่ของตัวเอง พอสมควรนะคะ ไม่ได้เบียดเีบียนอะไรใคร เพียงแต่ถ้าพูดว่าความสำเร็จคือเงินทองชื่อเสียงก็คงมองได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จ

คนกลุ่มหลังนี้ก็คงถูกกดดันให้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นก็เป็นได้ค่ะ เขาเหล่านี้นานๆ ไปอาจกลายเป็นคนหนีโลกไปเลยก็คงเป็นได้.. คิดเล่นๆ เช่นกันค่ะ ^ ^

P

กมลวัลย์

 

  • เห็นด้วยกับอาจารย์...

ประเด็นที่อาจารย์ยกมา น่าจะอยู่ที่การให้ความหมายของคำว่า สำเร็จ แตกต่างกัน....

พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนทั่วไปมีความปราถนาไม่แตกต่างกัน ซึ่งอาตมาเคยเขียนเล่าไว้แล้ว (ดูที่ สูเจ้า...ชีวิต ? ) ซึ่งกรณีนี้ อาจเป็น ความสำเร็จแบบโลกๆ ตามที่อ้างไว้ในบันทึกนี้...

แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ควรแสวงหาความสุข ๔ สถาน ซึ่งอาตมาก็เคยเขียนเล่าไว้แล้ว (ดูที่ เกิดมา...สุข ) ซึ่งอาจจัดเป็น ความสำเร็จตามนัยแห่งพระพุทธศาสนา ก็ได้...

ก็ถือโอกาสโฆษณาของเก่า (.....)

เจริญพร

 

. Sasinanda

ตอนนี้ สังคมไทยอ่อนแอ มีความเป็นวัตถุนิยม และบริโภคนิยมมากขึ้น

 วัฒนธรรมและระบบคุณค่าที่ดีงามเริ่มเสื่อมถอย คนที่ประสบความสำเร็จในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง  มีมากขึ้นๆ จนเหมือนกับเป็นของธรรมดาไปแล้ว

ทำให้เกิดความย่อหย่อนด้านศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม และมีปัญหาทางสังคมอื่นๆ ตามมา คนที่ไป แสวงหาแนวทางอื่น  และคนหนีโลก ก็มากขึ้นค่ะ

แต่โดยส่วนตัว ยังไง ก็คงต้องยึดมั่นอยู่กับ การประสบความสำเร็จในแนวทางที่ถูกต้อง ค่ะ ไม่รวยมากไม่เป็นไร มีความสุขแบบพอเพียงค่ะ

 

P

Sasinanda

 

อาตมารู้สึกว่า สังคมไทยตอนนี้ กำลังสร้าง ค่านิยมใหม่ 

โดยกระบวนการทางสังคมตอนนี้ กำลังเลือกเฟ้น ค่านิยมใหม่ ที่เหมาะสมที่สุด

เจริญพร

กราบพระอาจารย์ 3 ครั้ง

ลองหนีโลก(Gotoknow)ไปซักพัก...

ก็อดไม่ได้ที่ต้องกลับเข้ามาคุยไปวัน ๆ...

 

จะแอบไปแต่งนิยาย...ก็ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่พาลูกไปมอบตัวเข้าเรียนเพื่อให้เขาประสบความสำเร็จในแนวทางที่ถูกต้อง

บางครั้งเคยนึกว่าเราก็สามารถประสบความสำเร็จในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง ได้ แต่จนใจเพราะคิดว่านรกต้องครองใจไปตลอดกาล...

 

ครั้นจะต้องแสวงหาแนวทางอื่น ก็ใจไม่กล้าพอ...

 

ขอกลับมาเป็นศิษย์อาจารย์ไปวัน ๆ ดีกว่าครับ...55555

กราบนมัสการพระคุณเจ้า

  • ตามมาอ่านเพื่อให้เกิดปัญญา สร้างมงคลให้ชีวิตในวันมหาสงกรานต์ค่ะ
  • อดที่จะลองจำแนกตัวเองไม่ได้ว่าเราเป็นประเภทไหนกันหนอ...คำตอบน่ากลัวเกินไป ขอเก็บไปพิจารณาให้เกิดสติอีกครั้งค่ะ
  • กราบ 3 หน สาธุค่ะ

นมัสการพระคุณเจ้า

ผมอ่านแล้วเกิดคำถามขึ้นในใจว่า

  1. คำว่า "ความสำเร็จในชีวิต" ของนักสังคมศาสตร์ กับคำว่า "ความสำเร็จในชีวิต" ในทางพุทธศาสนาตรงกันหรือแตกต่างกันอย่างไรครับ
  2. คนที่แสวงหาแนวทางอื่นที่ต่างไปจากที่สังคมยึดถือกัน(มีวิญญาณขบถ) และพวกเข้าป่าลึก (บวชไปอยู่ถ้ำ) เขาจะมีความสุขได้ไหมครับ และหากว่าเขามีความสุขได้ พอจะบอกได้ว่าเขาก็ประสบความสำเร็จในชีวิต(ที่เขาเลือก)ได้ไหมครับ

P

นายขำ

 

  • ไม่ประสบความสำเร็จ ยึดถือวัฒนธรรม

คิดว่า ท่านเลขาฯ น่าจะชอบประเภทนี้เหมือนๆ กับอาตมา.......

...........

P

คนไม่มีราก

 

เราอาจหลอกทุกคนในบางครั้ง อาจหลอกบางคนได้ตลอดเวลา แต่ไม่อาจหลอกทุกคนได้ตลอดเวลา...

แต่สามประการนี้ ไม่เกี่ยวกับการหลอกตัวเอง... คุณโยมคงไม่ต้องการหลอกผู้อื่นและตัวเอง (...........)

...............

P

นาย สุรเชษฐ เวชชพิทักษ์

 

คิดว่าคำถามทั้งสาม ท่านอาจารย์มีคำตอบอยู่ภายในใจแล้ว ซึ่งความเห็นของอาตมา น่าจะสอดคล้องกับท่านอาจารย์....

ยังไงก็ยืมคำตอบที่มีอยู่ในใจของท่านอาจารย์ตอบแทนไปพลางก่อน....

.............

เจริญพร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท