ทุมนาลิลิต


ร่าย

ศรีสง่าจรุง กรุงเทพมหานคร เมืองอมรเสกสรร เมืองมฆวันรังสฤษดิ์
งามโสภิศเพริศแพร้ว งามกว่าแก้วโกสินทร์ งามแม้ดินดอกหญ้า
งามงามท้าคคนานต์ ไร้ไพร่ผลาญย่ำยี ไร้ไพรีบีฑา ไร้ภัยนานัปการ
สายธารใสไหลกระเซ็น เช้าเย็นเห็นหมอกขาว ทั่วแดนชาวเทวัญ
มีศีลธรรม์จรรยา มีภาษามีวัฒนธรรม ส่ำเสนาอมาตย์
ล้วนรักชาติสัตย์ซื่อ ส่ำสงฆ์ถือคำสอน บ่ มิหย่อนปาติโมกข์
ส่ำอุบาสกอุบาสิกะ ยึดมั่นพระรัตนตรัย สละไศลกิเลส
อกุศลมูลเหตุมัวหมอง ชนทั้งผองผาสุข หมดเรื่องทุกข์เรื่องร้าย
ราชธานี ไหนไป่คล้าย หมื่นร้อยความดี

โคลง


โอมตรีมูรติถ้วน              ทุกองค์
พรหมหริศวร พงศ์          พิระผู้
ชูกลอนกาพย์บรรจง       บูชิต ท่านเอย
อภิวัจนะรู้                       กล่าวถ้อยสรรเสริญ

อัญเชิญเทอญไท้เทพ      อัจฉรา
สดับวทกรัณยา              แกล่ใกล้
อักษรต่างบุพผา             พิลาส
สุคนธทิพย์เทิดไว้           คู่ค้ำโลกา

สายัณห์ยามค่อยคล้อย   มาเยือน
รพิพรรณเลือนเลือน        ลับฟ้า
ปักษาผิว์เหมือนเหมือน    มนัสพี่
บินโบก เบื้องหน้าหน้า     นิ่มเนื้อนฤมล

นิพนธ์กลบทไว้              เฉลิมขวัญ แม่เอย
โฆษิตติดตรึงกรร-          ณะน้อง
เทพินเมื่อยินครร-          โลงเชื่อ เถอะแม่
ลิลิตลิขิตคล้อง               ค่าแจ้งสัจจา

โอ้ อุตส่าห์แต่งด้วย        กมล
ฉัน อยากฝากยุบล        นี่นี้
รัก ษายิ่งชีพตน             ตราบชีพ มรณ์แม่
เธอ โปรดเธอทำถี้          ทักด้วยการุณ

วสุนธเรศร้าง                 ทิวากร
จันทร์แจ่มจันทร์โคจร     แจ่มหล้า
เมฆเคลื่อนเกลื่อนอัมพร  พลันมืด
ไอพยับจับฟ้า                ฟ่าไร้รัศมี

ราตรีธรณิศสิ้น               สูญโสม
ดาริกากลางโพยม          เมฆกั้น
กลเรียมนิราโฉม             แชล่ม
แลไป่พบกันนั้น              นั่นเศร้าอุรา

นภาคราคร่ำน้ำ              ฝนโปรย
ลมเฉื่อยฉิวปลิวโชย        ช่อไม้
ฟังฟังดั่งคนโหย             หวนพร่ำ
ดวงจิตร่ำร่ำไห้               สุดห้ามหทัย

เหลียวไปใต้พ่างพื้น         เพหน
ก็ก่อเกิดกังวล                 เฟื่องฟื้น
หลับเนตรหน่ายเนตรยล    หยุดนิ่ง
ใจส่งเสียงสะอื้น               ร่ำร้องเรียกเธอ

ละเมอหาแต่เจ้า               จอมขวัญ ขวัญเอย
คิดว่าคราคิมหันต์             หอบพ้น
จวบจนสู่วสันต์                จะสร่าง โศกเอย
โศกยิ่งถาโถมท้น             ท่วมซ้ำสุดทรวง

แดดวงหวงห่วงเฝ้า            ถวิล
ตอนตื่นยืนผินตาม            แห่งห้อง
ปิงวังหลั่งไหลริน               รวมน่าน ยมฺนา
ถามข่าวยุพาพร้อง            สั่งพื้นชลาลัย

ใจเจ็บจากเจ้าจึ่ง              จำจร
โดดเดี่ยวเดินดงดอน        ดุ่มดั้น
วานวันวุ่นวายวอน            หวังว่า
เหนือเนิ่นนานนานนั้น        หน่ายน้ำเนตรนอง

ลองรองเรียนรู้เล่ห์            เรรวน
ข้อยค่อยขื่นขมครวญ       ครั่นคร้าม
ธรรมทำเถิดทบทวน         ถึงที่ ถูกเทอญ
หัดหัศหาญหักห้าม           แห่งห้วงห่วงหา


โอ้ ทุกข์มารุกล้ำ              รานทรวง แล้วเอย
โอ้ วิโยคโศกดวง             ฤดิแท้
โอ้ อาตม์บำราศพวง         กามาศ แล้วเอย
โอ้ ประการใดแก้              กลับร้ายกลายดี

ทวีเทวษเศร้า                  โศกา
กินแต่หยาดน้ำตา            ต่างข้าว
คราวตรอมผ่ายผอมอา-    ดูรยิ่ง ยิ่งเอย
ยอกอุระจะร้าว                 แหลกแล้วทำไฉน

ชลนัยน์พี่เพี้ยง                ผืนชล
ไหลหลั่งชโลมปน             ประแก้ม
เกาะแก่งทุกแห่งหน          แห้งเหือด แล้วเอย
อัสสุพี่ตกแต้ม                  ติตถ์ล้นรับฤา

ถือโทรศัพท์เศร้า             โทรมใจ
ยินสำเนียงนางใน-           โสตแล้ว
ฤดีสุปรีดิ์ใด                     จักเปรียบ เทียบเอย
ฟังเสนาะเพราะ แคล้ว       คลาดคลุ้มทุมนา

อ้าเวรเวรให้รับ                 ระกำ  กระมังเอย
กายกับใจจึงจำ               เจ็บแค้น
เหมือนตายว่ายถลำ          ยมโลก
เนานรกภูมิแคว้น              ยากขึ้นดุสิตา

ราตรีมีสุขครั้ง                  นิทรา รมณ์เอย
ยามตื่นกลืนน้ำตา            แต่เช้า
จิตพี่นี่ฝันหา                    เห็นแต่ สมรเอย
วันทุกวันยังเฝ้า               รักด้วยใจจริง

หญิงงามอร่ามร้อย           มณฑล
ก็บ่ขอเหลียวยล               อยู่ใกล้
นางเดียวเกี่ยวกมล           กาเมศ กูเอย
ออกปากฝากรักไว้           ฝากพื้นภพสาม

ยังจำยามอยู่ใกล้             กับนาง
แนบประสานสรรพางค์      ผ่าวเนื้อ
กรกุมกอดเอวบาง            บ่ห่าง 
กลิ่นกรุ่นกายเกื้อเกื้อ        กลิ่นน้องนานคนึง

รำพึงสารเสนาะไว้            เวลา
เรียมพรากพรัดยุพา         พักตร์พริ้ม
จุมพิตก่อนนิทรา             เก็บคู่ เขนยเอย
สารเสนาะเพราะลิ้ม-        รสถ้อยคำหวาน

สายธารถั่นถั่นคว้าง         เคว้งแล
ลิ่วลิ่วหลากลำแคว           ควั่งไส้
ใจนางดั่งกระแส              ชลเชี่ยว เชี่ยวฤา
อย่าด่วนจิตไจ้ไจ้              เช่นเวิ้งวารี

โอ้ศรีเสาวภาคย์พริ้ง-       เพราโฉม
เรียมระอุอกโทรม            โศกเศร้า
เช้าเย็นฤเว้นโหม            ไห้อยู่ เสมอนา
ยามนิราร้างเจ้า               หลับแล้วยังฝัน

จันทรจรแจ่มพื้น             โพยม
แสงพร่างพราวคือโคม     คู่หล้า
ขาดนางอย่างขาดโสม     ว่าง ไสวนา
นอนห่อนเห็นหน้าว้า-       วุ่นเพี้ยงวางวาย

หลายกรรมกรรมก่อไว้      หลายกัลป์ กระมังเอย
มาติดมาตามทัน              ชาตินี้
บุญญังศ์พี่รังสรร              สมัยก่อน ก่อนนา
จงวิบากกรรมลี้                หลีกลี้ลาหาย

ยังจำได้เมื่อจ้อง              นัยนา นางเอย
สองต่อสองสิเน่หา            ย่อมรู้
รอยรักสลักตรา-               ตรึงติด
วอนอย่าแลเหลียวผู้-        อื่นแล้วลืมถลำ 

หยาดคำ คำหยาดเย้ย     หยันรัก
เนตรนุชเพียงศรปัก         อกไว้
ใจทุกข์ระทมหนัก            คนึงเนตร  นุชเอย
วอนจักษุอย่าได้              ด่วนซึ้งเสน่หา

ระ....ทม ครารวดร้าว       อุรา
ลึก...และปวดแผลพา     เพาะไข้
ถึง...จะโอดโอยอา-        ดูรห่อน หายเอย
รัก...บาดจิต แล้วไซร้      ซึ่งรู้เมื่อสาย

ระ....บมกาย ผ่าวไหม้    หมองมน
ลึก...ลึกใจทุกข์ทน        แทบท้อ
ถึง...ยังบ่ตายตน           ตรอมเกือบ  ตายเอย
รัก...ดั่งคมดาบ ล้อ-       เล่นแล้วเลือดไหล

ดวงใจเจ็บแปลบช้ำ-      ชอกไฉน-
คนอยู่ใกล้กลับไกล-       ลิบโอ้
ร้อนเร่าดั่งเตาไฟ-          สุมอก  
ความรัก กล สายโส้-     ล่ามเศร้ากับทรวง

 
************

หุบ..เหวลึกสุดล้ำ          แลเห็น
รัก..ยิ่ง ลึกลำเค็ญ         กว่าไซร้
หุบ..ลักษณ์ ที่ลุ่มเป็น     ป่าโปร่ง
รัก..ที่ร้อนลุ่มไข้            อกไข้ใครเห็น

************

อัสดงคตค่ำแล้ว          เดือนแรม
เงามืดดำพลันแซม     สุดฟ้า
ไร้จันทร์แต่ดาว แกม   นภากาศ
คิดจะ ไขว่จะคว้า        อยู่พื้นสุดสอย

*************

สูง....ดอยสุเทพได้               ไปมา
ยาว...มรรคาไคลคลา           คลาดน้อง
ขาว...ดอกพุดบูชา               พระธาตุ
ตึง.....ตะตึงกลองก้อง           กึกก้องกาหล

สูง.....ศักดิ์สถิตฟ้า               ฟากสวรรค์
ยาว...จะต่อไม้ อัน               ต่ำต้อย
คราว..สอยซึ่งดวงจันทร์       แจ่มโลก
ตรึง....ผูกด้วยรักร้อย           ล่ามไว้ทะนุถนอม

สูง....เพราะใส่ส้นตึก            ใต้ตีน
ยาว..ซึ่งขนตาปีน                ปรกคิ้ว
ขาว..หมวยลูกครึ่งจีน           แจ่มพักตร์
ตึ่ง....เต่งถันเหมือนหิ้ว          มะพร้าวสองผล

**************

เตี้ย..ต่ำศักดิ์จักขู้       ดวงยี่หวา
สั้น..นักหนอชีวา        มนุษย์นี้
ดำ..รง สัจสัญญา       ที่เอ่ย  ไว้แฮ
หย่อน..รักสักคาบผี้     ไฮ่ผี้วางวาย

*************

 ไม่เมาเหล้าแล้วกลับ    เมารัก แทนเอย
เมากว่าดื่มสุราสัก        หมื่นแก้ว
เมาเหล้าตื่นเช้าพัก-     ผ่อนสร่าง เมาเอย
เมาจิตครวญคิดแล้ว     บ่รู้วันหาย

***************

ดอกคูน คูณสุขครั้ง          คราเห็น
เหลืองดอกดังจันทร์เพ็ญ   ผุดพื้น
งามตา ยะเยือกเย็น-        ช่วยดับ..ร้อนเอย
เสียงเป่าแคนครึกครื้น       ขับร้องรำวง

***************

โคลงไพเราะเสนาะล้ำ      พรรณนา
สารสลักตรึงตรา             ต่างถ้อย
กวีเสกอักษรา                 เลิศศัพท์
หวานรสคำหยดย้อย       ชั่วฟ้าอวสาร

ยังไม่ได้แต่งต่อ ค้างมา 4-5 ปี พยามเอางานที่แต่งเพิ่มมาเติมๆ แปะไว้ก่อน ยังไม่ได้ เข้าลิลิต ..

คำสำคัญ (Tags): #ทุ#มนา
หมายเลขบันทึก: 172587เขียนเมื่อ 23 มีนาคม 2008 22:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

มาเยี่ยม

 ควรแต่งต่อไปนะครับ  แต่งได้รสทางภาษา...

 อย่าพลัดวันประกันพรุ่ง...ฮา ๆ เอิก ๆ

สวัสดีครับอาจารย์อุทัย ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ

* แต่งต่อนะคะ....รออ่านค่ะ....

* ซาบซึ้ง...ถั่วเล็บมือ....

สวัสดีครับอาจารย์พรรณา ขอบคุณครับ ช่วงนี้อารมณ์อก..เหมาะแก่การแต่งโคลงกลอน จะพยามๆ แต่งเพิ่มเรื่อยๆ นะครับ แต่ขึ้นต้นก็ประชดประชัน กทม. แล้ว กะจะแต่งดีๆ ว่าจะแก้ร่ายนำบท ใหม่ๆ ทั้งยังไม่ได้ นมัสการพระรัตนตรัย แต่ไปนมัสการ พระ ตรีมูรติ แทน ต้องปรับตรงนี้ด้วย

  • รออ่านต่อ
  • ทำไมแต่งเก่งจัง
  • รออ่านร่ายเกี่ยวกับคุณครูกระดาษทราย
  • ข้างบนดีกว่าครับ
  • ชอบๆๆๆ

อลังการคำ อลังการรสแห่งกวีนิพนธ์

เมลืองมลังคำพจน์ด้วย....รสกานท์

ลิขิตกวีอลังการ.........สดับถ้วน

เสียดายท่านบ่สาน.......ให้จบ ความแล

คอยท่าเสพย์สิ่งง้วน......ยอดน้ำคำคระวี

มารอด้วยคนครับ

สวัสดีครับ คุณ รณฤทธิ์ ขอบคุณครับ

มาเยี่ยมค่ะ

แต่งได้เก่งมากๆ เห็นควรว่า น่าจะแต่งต่อนะค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

สวัสดีครับคุณหมอศรินนา ขอบคุณครับ

แปะโคลง เพิ่ม 1 บท 2 ต.ค. 2551

เข้ามาอ่านและลงชื่อไว้ค่ะ

ท่านว่า...ร่ายยาว...นี่จริงไหมคะคุณกวิน

(^__^)

ร่ายยาวบทชม กรุงเทพ ด้านบทงัยครับ มาแซวเหรอครับ..(^__^) คนไม่มีราก 555

คุณกวิน

มาชื่นชมแท้ ๆ หาว่า...มาแซว...5555....เปล่าสักหน่อย

รออ่านต่อค่ะ สงสัยต้องติดตามเป็นปีแน่ ๆ กว่าจะจบ...

(^__^)

ปล. เลียนแบบ นิราศธารโศกพระนิพนธ์ ในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์ ด้านเนื้อหาที่ว่า


จบเสร็จคร่ำครวญกาพย์         บทพิลาปถึงสาวศรี 
แต่งตามประเวณี                   ใช่เมียรักจักจากจริง ฯ 

โคลงครวญกลอนกล่าวอ้าง     นารี 
โศรกสร้อยถึงสาวศรี              เษกหว้า 
แต่งตามประเพณี                  ธิรภาคย์ 
เมียมิ่งพรั่งพร้อมหน้า            ห่อนได้จากกัน ฯ


********
แต่งตามธรรมเนียมกวีโบราณ ที่คร่ำครวญถึงคนรักครับ ไม่ได้อกหัก อะไรเล้ย ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท