วันนี้ผู้เขียนไปทำงานกับคุณแม่เช่นเคยค่ะ แต่วันนี้คุณแม่จะพาไปลงที่ตลาดหัวรถไฟ ข้างโรงพยาบาลศิริราชก่อนค่ะ พอขายเสื้อผ้าเสร็จ ประมาณ 06.22 น. ผู้เขียนกลับคุณแม่ก็ได้ช่วยกันเก็บของกลับบ้าน เพื่อที่จะไปขายที่ ประตูน้ำต่อค่ะ .....
เมื่อเก็บของกลับแล้ว ก็ได้นั่งรถสองแถวสีแดง ที่มีป้ายติดว่า รถไฟ-ท่าน้ำ เพื่อที่จะไปต่อเรือข้ามไปท่าพระจันทร์ค่ะ
เมื่อมาถึงท่าเรือ ผู้เขียนกลับแม่ได้นั่งรอเรือจากท่าพระจันทร์ ข้ามมารับผู้โดยสารที่ท่าเรือศิริราช ช่วงนั้นยังเช้าอยู่ มีคนแค่ 3 - 4 คนเองค่ะ แต่ที่นั่งรอเรืออยู่นี่เอง ผู้เขียนได้ลุกจากเก้าอี้ มายืนชมวิวข้างๆ แม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ รู้สึกว่าวันนี้อากาศจะดีเป็นพิเศษ ไม่มีแดดและมีลมเย็น ๆเบา ๆ โชยมา เป็นระยะ ๆ ....
แต่ที่ตกใจที่สุดคือ...เมื่อสายตาได้สาดมองมาดูไกล้ตัวของผู้เขียนเอง ในนั้นจะมีผักตบชวาลอยมาติดฝั่งค่ะ ชึ่งเป็นเรื่องไม่แปลกอะไร แต่นี่ ที่น่าตกใจที่สุด คือ ในบันดาของผักตบชวาลอยอยู่นี่สิคะ มีศพลอยมาติดอยู่ด้วยค่ะ ผู้อ่านคิดว่า ถ้าเป็นผู้อ่าน จะรู้สึกอย่างไรกันคะ ? แต่ผู้เขียนเห็นทีแรก ไม่รู้สึกยังไงค่ะ เพราะไม่คิดว่าเป็นศพคนตายค่ะ ผู้เขียนคิดว่า มันคงเป็นตุ๊กตาที่คนเอามาทิ้งกันมั้งคะ
แต่ลึก ๆ ก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันค่ะ ว่าทำไมตุ๊กมันถึงได้ตัวใหญ่มากมายขนาดนี้ ตามตัวก็มีเสื้อที่ขาด ผิวหนังก็เปลื่อยไปหมด อ้าปากด้วยค่ะ มีลิ้น และมีริมฝีปากที่เป็นสีเขียวปนกับแดง ..
เอ! คิดไปแล้วมันน่าแปลก ผู้เขียนจึงได้เรียกคุณแม่มาดูอีกคนค่ะ เมื่อคุณแม่ได้ดูสักพักนึง ท่านก็รีบบอกให้ผู้เขียนรีบเดินไปขึ้นเรือ ท่านรีบเดินมาบอกคนขับเรือ ว่ามีศพผู้หญิงลอยมาติดฝั่ง เพียงเท่านี้สิคะ ใจผู้เขียนเริ่มสั่น ๆ แล้วค่ะ จึงได้รู้ว่าคุณแม่รีบบอกผู้เขียนออกจากตรงนั้นทำไม เพราะคุณแม่ท่านรู้ว่าผู้เขียนกลัวผีที่สุดเลยค่ะ..
จากนั้นคนขับเรือบอกให้ผู้เขียนโทรไปแจ้งตำรวจ และมูลนิธิปอร์เต็กตึ้งให้มาดูศพค่ะ ผู้เขียนก็ได้โทรไปแจ้งทั้งสองฝ่าย มีป้าคนนึงบออกว่า.."ทำไปเถอะลูก ได้บุญได้กุศล คนที่เค้าตายไปจะได้ไปผุดไปเกิด" ส่วนนี้ที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกดีขึ้น หลังจากตกใจมาแล้ว ที่ไม่รู้เลยว่า ตัวเองได้ไปยืนชมวิวกับศพตั้งนานสองนาน คิดแล้วสยองไม่หายเลยค่ะ ส่วนคนที่ไม่เชื่อเรื่องผี ก็คงไม่รู้นะคะ ว่าอาการของคนกลัวผีมันเป็นอย่างไร..
จากนั้นตำรวจและปอร์เต็กตึ้งก็ได้มาชันสูตรศพ..เค้าบอกว่า เป็นศพผู้หญิงถูกฆ่าข่มขืน แล้วนำมาทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา ดูจากสภาพศพแล้ว น่าจะตายได้ประมาณ 3 วัน ผู้เขียนคิดว่าคงจะเป็นอย่างที่เค้าบอกค่ะ เพราะ ... (ตุ๊กกาอะไร มันจะใหญ่ขนาดนั้น ใหญ่กว่าคนเป็นสองเท่าเลยค่ะ) เสียดายที่ผู้เขียนไม่ด้ายถ่ายรูปมาด้วยค่ะ ไม่งั้นผู้อ่านคงจะได้รู้ว่า มันสยองแค่ไหน ....
กลับบ้านไปจะนอนหลับมั้ยน้า เพราะจากที่ผู้เขียนได้ยืนพิจารณาตุ๊กกา ที่ตอนหลังมันคือศพคนตายนี่สิ มันยังติดตาผู้เขียนไม่ลืมเลยค่ะ....
สุดท้าย ท้ายสุด.. อยากจะฝากให้ผู้อ่านทุกท่านที่อ่านบันทึกนี้แล้ว ช่วยเตือนท่านที่เป็นหญิงทุกคน ที่ท่านรู้จัก และไกล้ชิด ให้ระมัดระวังตัวด้วยนะคะ เพราะสังคมทุกวันนี้เปลี่ยนไปมากทีเดียว รวมไปถึงจิตใจของคนก็เปลี่ยนไปด้วยค่ะ
เพราะไม่รู้ว่าอันตรายจะเกิดกับเราเมื่อไหร่........
....pam...
สวัสดีค่ะ
คิดว่าหากไม่มีภาพประกอบสำหรับบันทึกนี้ผู้อ่านคงไม่โกรธนะคะ
เพราะอ่านตามก็เห็นภาพแล้วค่ะ
บ้านพี่อยู่ริมน้ำ เมื่อก่อนยังไม่มีร้านเกมส์ให้เด็กไปเล่น
เด็กๆ ก็จะเล่นอยู่กับธรรมชาติ ช่วงปิดเทอมจะมีข่าวเด็กตกน้ำตายบ่อยๆ
บางรายค้นหาเท่าไรไม่พบศพ อีก 3 วันต่อมาแม่ค้าที่พายเรือขายของจะพบก่อน
ก็เป็นลักษณะที่ลอยขึ้นมาติดกอผักตบชวาอย่างนี้เหมือนกันค่ะ
. ขอบคุณค่ะ
. คุณ jaewjingjing คงจะคุ้นกับเรื่องอย่างนี้มากนะคะ แต่ pam ไม่เคยเห็นของจริงซักทีเลยค่ะ ก็เพิ่งเจอตอนนี้ล่ะค่ะ
. พี่ ออต คงไม่ได้ไปค่ะ เพราะ pam ต้องทำงานช่วยคุณแม่ค่ะ อีกอย่างก็อยู่คนล่ะหมู่เรียนด้วยค่ะ ไม่มีส่วนร่วมค่ะ
. ขอบคุณพี่ออตมากนะคะ
.ขอบคุณท่านพ่อ Handy มากค่ะ
.ที่ช่วยแนะนำข้อผิดพลาดให้ศิษย์ค่ะ
ถ้าเป็นคนใกล้ชิด ไม่ห่วงหรอก เพราะเราดูแลอยู่ตลอด สำคัญคนที่ไม่ได้ใกล้ชิด (คนอยู่ไกล) เราคงไม่มีโอกาสได้ช่วยเหลือยามมีภัย ใช่ไหมหนู pam
เมืองหลวงเป็นสวรรค์ของคนมีเงิน แต่เป็น......(ที่ไม่ใช่สวรรค์ก็แล้วกัน) ของคนจน คนหาเช้ากินคำ อันตรายมากครับหนู คนทางโน้นรู้หน้าไม่รู้ใจ ผิดกับคนทางบ้านลุง ใจดี ใจหวาน และไม่มีอันตราย ไม่มีอาชญากรรม (ผู้คนดีจ๊ะ) ตามคำขวัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ลุงเก
.ขอบคุณค่ะ
.คุณลุงเก คนเรารู้น่าไม่รู้ใจ หนูจะจำไว้เตือนสติตัวเองค่ะ