เมื่อวานได้ดูข่าวที่น่าสนใจมากค่ะ
มีเด็กผู้หญิงอายุ 13 ปีคนนึงที่เป็นออทิสติกแต่ได้รับการฝึกสอนแบบเข้มข้นตัวต่อตัวมาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้สามารถใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์สื่อสารสิ่งที่อยู่ในใจ แสดงออกซึ่งอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างที่ภาษาอังกฤษใช่คำว่า articulate หรือ ชัดเจนเป็นเรื่องเป็นราวมากๆ ทั้งๆที่ระดับการรับรู้ของน้องเค้า ถูกจัดให้อยู่ในประเภทปานกลางถึงรุนแรง (moderately to severely cognitively impaired) ถ้าถูกประเมินโดยที่น้องเค้าไม่มีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสื่อสารออกมา
โดยทั่วไปน้องเค้าจะเหมือนเด็กออสทิสติดทั่วไปค่ะ ไม่สบตา ร้องเสียงดัง ทำเสียประหลาดไม่เป็นคำ บางที่ก็ทุบตีตัวเอง ขยับแขนขาไม่เป็นทิศทางบ้าง ขี้หงุดหงิดบ้าง
น้องเค้าเพิ่งหัดพิมพ์หัดสะกดคำเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี้เองค่ะ เริ่มจากการดูรูปแล้วพิมพ์คำตามรูปที่เห็น เป็นคำง่ายๆ จนตอนนี้พิมพ์ได้เป็นประโยคยาวๆยังมีผิดบ้างแต่ก็อ่านรู้เรื่อง อีกทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ก็สามารถอ่านออกเสียงเป็นคำพูดออกมาอีกทีได้ด้วยค่ะ
คาร์ลี่พิมพ์ช้าๆใช้นิ้วเดียวนี่่แหละค่ะ แต่ถ้าเราใจเย็นรอน้องเค้าพิมพ์เสร็จ เราจะอึ้งจะซึ้งจะดีใจไปกับความจริงที่ว่า น้องเค้าก็เหมือนเราๆท่านๆ แต่เค้าคุมร่างกายเค้าไม่ได้ เค้าทำในสิ่งที่เค้าคิดไม่ได้
มาลองดูประโยคต่างๆที่น้องเค้าพิมพ์ตอบคำถามที่ครูฝึกถามนะคะ
ครูถามว่าทำไมถึงตีตัวเอง น้องตอบว่า
"It feels like my legs are on fire and a million ants are crawling up my arms"
"เพราะมันรู้สึกเหมือนไฟลามบนขา เหมือนมีมดอยู่ล้านตัวไต่ขาหนูอยู่"
คาร์ลี่พิมพ์ต่อว่า
"It is hard to be autistic because no one understands me,"
"People look at me and assume I am dumb because I can't talk, or I act differently than them... I think people get scared with things that look or seem different than them. It feels hard. It feels like being in a room with the stereo on full blast."
"มันยากมากเลยค่ะที่เป็นออทิสติก เพราะไม่มีใครเข้าใจหนู"
"คนมองหนูแล้วก็คิดไปว่าหนูโง่เพราะหนูพูดไม่ได้หรือทำตัวต่างไปจากพวกเขา หนูคิดว่าพวกเค้าคงกลัวหนูเพราะหนูไม่เหมือนเค้า มันยากมาก หนูรู้สึกเหมือนกับว่าหนูอยู่ในห้องที่มีเครื่องเสียงเปิดอยู่แบบเสียงดังสุดๆ"
เมื่อถูกถามว่ามีอะไรจะบอกคนที่ดูข่าวนี้หรือไม่ คาร์ลี่พิมพ์ว่า
"It's sad that sometimes people don't know that sometimes I can't stop myself and they get mad at me. If I could tell people one thing about autism it would me that I don't want to be this way but I am. So don't be mad. Be understanding."
"มันเศร้ามากที่บางทีคนไม่เข้าใจว่าหนูควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วเค้าก็มาโมโหใส่หนู สิ่งที่หนูอยากบอกทุกคนมากที่สุดข้อนึงเกี่ยวกับออทิซึ่มคือ หนูก็ไม่ได้อยากที่จะเป็นแบบนี้ แต่หนูก็เป็นอยู่ เพราะฉะนั้น ได้โปรดอย่าโมโห ขอให้เข้าใจ"
ถ้าสนใจอ่านสิ่งที่น้องเค้าเขียนไว้ได้อีกมากมายทาง link นี้ค่ะ (คลิก)
กรณีของคาร์ลี่นี้จุดฉนวนให้คนในวงการค้นหาคำตอบว่า คาร์ลี่เป็นข้อยกเว้น เป็นกรณีพิเศษที่เกิดขึ้นมา หรือ เพราะว่าเธอได้รับการฝึกอย่าง intensive มากๆ
ก็ต้องติดตามกันต่อไปค่ะ
[แหล่งที่มาของข่าว: http://www.CTV.ca]
สวัสดีค่ะ คุณมัทนา
ได้แอบตามไปอ่านเรื่องไปเที่ยวทีลอซู ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก ชอบมากค่ะ รูปก็สวยงาม เคยไปหลายปีมาแล้ว ประทับใจค่ะ
ได้อ่านเรื่องออทิสติกที่คุณมัทนานำมาเล่าแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ เพราะว่าีมีญาติของน้องสะใภ้ที่ลูกสาว 2 คนเป็นออทิสติก 4 กับ 5 ขวบ พอดีได้ไปเยี่ยมและคลุกคลีด้วย 2 อาทิตย์ ก็อยากให้หลานๆดีขึ้น เค๊าอยู่แคลิฟอเนียกัน สงสารพ่อแม่ที่อยากให้ลูกสื่อสารได้ ทำให้อยากจะเล่าให้แม่ของน้องเค๊าฟัง เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าจะช่วย เด็กออทิสติกได้ทุกคนหรือไม่ น่าจะลองดู ขอบคุณมากนะคะ สำหรับเรื่องดีๆ
สวัสดีครับคุณหมอ
นับเป็นบุญของเขาที่สามารถสื่อสารและบอกกล่าวความรู้สึกของเขาต่อมวลมนุษย์...จากสิ่งที่เป็นความลับที่ทุกคนอยากรู้เมื่อเห็นเขาแสดงอาการรุนแรงออกมา...
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะคุณหมอ
อ่านแล้วสงสารจริงๆ แต่ดีใจที่เขาสามารถสื่อสารได้แล้ว น่าจะเป็นเพราะเด้กได้รับการดุแลอย่างดีนะคะ
สวัสดีครับคุณหมอ แวะมาอ่าน ครับ
ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ
นอกจากเรื่องความรู้สึกและสาเหตุของพฤติกรรม ที่คาร์ลี่ได้บอกพวกเราให้รู้แล้วนั้น คาร์ลี่ยังช่วยให้นักบำบัดทราบด้วยว่า...
วิธีบำบัดวิธีไหนที่ได้ผลไม่ได้ผล เช่น
T3T เด็กพวกนี้อาจต้องการวิธีการสื่อสารที่พิเศษ การที่เราใช้วิธีการสื่อสารแบบปกติ และต้องการให้พวกเขาสื่อสารในแบบที่เราต้องการ (ที่คนส่วนใหญ่ใช้ และเราจำกัดความมันว่าคือความปกติ) อาจไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องหรือเปล่าฮะ
I like to go on msn and I like to beat my brother at connect four
its so funny because he tries so hard
you should see his face when I win
I also like to listen to my dad read me stories I love to swim it help me control my body
My mom asked me a question that no one ever asks me What do I want
สวัสดีค่ะคุณมัท
ชอบชะมัดเลยค่ะ เพราะบอกชัดว่าที่เราเข้าใจเค้านั้นไม่ผิดเพราะรากศัพท์คำว่าออทิสติกหมายถึงการอยู่กับตัวเอง แต่พวกที่ให้การบำบัดจะรู้สึกว่าเค้าเหมือนอยู่ในห้องกระจกใสที่เค้ามองเห็น+ เข้าใจเราแต่เราหาทางเปิดเข้าไปในห้องกระจกนั้นไม่ได้
การที่จะช่วยให้เค้าและเราเชื่อมโลกกันได้คือต้องหาทางให้สื่อสารกันให้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง...เรื่องของน้องเป็นตัวอย่างที่ดีเลยล่ะค่ะ
เพราะเรามักจะเอาตัวเราตั้งว่าเราถนัดที่จะสื่อสารแบบไหนและเค้า " ควร " จะสื่อกับเราแบบนี้ๆๆๆๆๆๆ.....ทำให้เกิดอุปสรรคในการสื่อสารเสมอมา
เด็กๆเหล่านี้หลายๆคนเค้ามีพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดเยอะเลยนะคะ..เบิร์ดเคยเจอคนหนึ่งเค้าวาดภาพได้สวยมากเลย และเค้าสื่อสารกับเราด้วยภาพ เพราะนั่นคือ " ภาษา " ของเค้า..บางคนจะคำนวณเร็วมาก บางคนเก่งกีฬาสุดๆ บางคนจำปฏิทินร้อยปีได้หมดจด ฯลฯ...บางทีธรรมชาติก็ชดเชยส่วนดีๆให้นะคะเพียงแต่เราต้องหาให้เจอ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่ทำให้เบิร์ดยิ้มอีกครั้งในเช้าวันนี้ค่ะ และรายงานตัวว่าเข้าไปอ่านทุกบันทึกแต่ยังไม่ได้ทักทายโดยเฉพาะทีลอซู เพราะเปลี่ยนไปเยอะมาก ไม่สวยเหมือนเก่าแต่ทีลอจ่อหรือน้ำตกสายฝนนั้นยังขลังเหมือนเดิมเลยนะคะ
้
ขอบคุณครับคุณหมอ
น่าสนใจมาก ขณะเดียวกันก็น่าสงสารและเห็นใจ ทั้งคนที่เป็นออทิสติก คุณพ่อคุณแม่ และทุกคนที่ต้องการจะสื่อสาร
จริงอย่างที่คาร์ลี่ พูด คนจำนวนมากชอบไปมองแล้วตอบสนองต่อคนเหล่านี้อย่างไม่สมควร เช่น หัวเราะ หรือแสดงความรำคาญใส่ ไม่ควร ถ้าหาวิธีสื่อสารได้ทุกอย่างก็ปกติ เช่นเดียวกับ วิธีการที่ปัจจุบันพัฒนาไปมากแล้วสำหรับผู้พิการในหู (ใช้ภาษามือ) ตา (ใช้อักษรเบลล์)
การที่บางทีได้รับสิ่งกระตุ้นภายนอก (คน สังคม สื่อ ฯลฯ) นอกจากจะไม่ทำให้จิตถูกปรุง(โดยเฉพาะในทางที่ไม่เป็นคุณ) ยังทำให้สามารถใช้ศักยภาพของสมองสำหรับสิ่งที่ปรารถนาจะทำได้ ดังนั้นโอกาสเกิดพรสวรรค์จะสูงมาก
สวัสดีค่ะ อ.มัท
วันนี้พี่แอมป์แวะมาอ่านได้อีกแว้บ บันทึกนี้ดีจังเลย(อีกแล้ว) นึกถึงหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง เรนแมน (Rain Man) สมัยโน้น ที่ดัสติน ฮอฟแมน แสดงคู่กับ ทอม ครุยส์
ฉากเกือบสุดท้ายที่ดัสติน ซึ่งรับบทพี่ชายที่ป่วยเป็นออทิสติก แสดงออกด้วยท่าทางให้เห็นในแว่บหนึ่งของการสื่อสารกับน้องชาย ว่าคล้ายๆจะรับรู้และเข้าใจความรักความห่วงใยของน้องที่มีต่อเขาได้ ดัสตินแสดงได้ "ถึง" เหลือเกิน เพียงชั่วแว่บเดียวเท่านั้น ที่มนุษย์ที่เหมือนอยู่กันคนละโลก กลับรู้สึกถึงการสื่อสารถึงกันได้ด้วยใจ
ดีใจแทนคนในครอบครัวของน้องคาร์ลี่จริงๆนะคะ ที่น้องเขาสื่อสารให้เข้าใจหัวใจเขาได้ และชอบที่เบิร์ดบอกจัง "เรามักจะเอาตัวเราตั้งว่าเราถนัดที่จะสื่อสารแบบไหนและเค้า " ควร " จะสื่อกับเราแบบนี้ๆๆๆๆๆๆ.....ทำให้เกิดอุปสรรคในการสื่อสารเสมอมา" ทั้งที่คนที่มีโอกาสในการสื่อสารมากกว่า ควรจะเป็นฝ่าย "เข้าใจ" เขา ไม่ใช่คาดหวังเอาจากเขา อ่านบันทึกและทุกความเห็นมาถึงตรงนี้แล้ว แล้วรู้สึกเข้าใจอะไรขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ อ.มัท
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเรื่องที่นำมาฝากนะคะ พี่แอมป์ชอบทุกเรื่องเพราะถ้าให้พี่หาอ่านเองก็คงไม่ได้เรื่องโดนใจแบบที่ อ.มัทเอามาฝากอะค่ะ : )