มัทนา
มัทนา (พฤกษาพงษ์) เกษตระทัต

จากใจเด็กออทิสติก


เมื่อวานได้ดูข่าวที่น่าสนใจมากค่ะ

มีเด็กผู้หญิงอายุ 13 ปีคนนึงที่เป็นออทิสติกแต่ได้รับการฝึกสอนแบบเข้มข้นตัวต่อตัวมาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้สามารถใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์สื่อสารสิ่งที่อยู่ในใจ แสดงออกซึ่งอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างที่ภาษาอังกฤษใช่คำว่า articulate หรือ ชัดเจนเป็นเรื่องเป็นราวมากๆ ทั้งๆที่ระดับการรับรู้ของน้องเค้า ถูกจัดให้อยู่ในประเภทปานกลางถึงรุนแรง (moderately to severely cognitively impaired) ถ้าถูกประเมินโดยที่น้องเค้าไม่มีโอกาสใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสื่อสารออกมา

โดยทั่วไปน้องเค้าจะเหมือนเด็กออสทิสติดทั่วไปค่ะ ไม่สบตา ร้องเสียงดัง ทำเสียประหลาดไม่เป็นคำ บางที่ก็ทุบตีตัวเอง ขยับแขนขาไม่เป็นทิศทางบ้าง ขี้หงุดหงิดบ้าง

http://images.ctv.ca/archives/CTVNews/img2/20080217/160_computer_080217.jpg   [ภาพจาก http://www.CTV.ca
 

น้องเค้าเพิ่งหัดพิมพ์หัดสะกดคำเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี้เองค่ะ เริ่มจากการดูรูปแล้วพิมพ์คำตามรูปที่เห็น เป็นคำง่ายๆ จนตอนนี้พิมพ์ได้เป็นประโยคยาวๆยังมีผิดบ้างแต่ก็อ่านรู้เรื่อง อีกทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ก็สามารถอ่านออกเสียงเป็นคำพูดออกมาอีกทีได้ด้วยค่ะ

คาร์ลี่พิมพ์ช้าๆใช้นิ้วเดียวนี่่แหละค่ะ แต่ถ้าเราใจเย็นรอน้องเค้าพิมพ์เสร็จ เราจะอึ้งจะซึ้งจะดีใจไปกับความจริงที่ว่า น้องเค้าก็เหมือนเราๆท่านๆ แต่เค้าคุมร่างกายเค้าไม่ได้ เค้าทำในสิ่งที่เค้าคิดไม่ได้

มาลองดูประโยคต่างๆที่น้องเค้าพิมพ์ตอบคำถามที่ครูฝึกถามนะคะ  

ครูถามว่าทำไมถึงตีตัวเอง น้องตอบว่า

"It feels like my legs are on fire and a million ants are crawling up my arms"

"เพราะมันรู้สึกเหมือนไฟลามบนขา เหมือนมีมดอยู่ล้านตัวไต่ขาหนูอยู่"

คาร์ลี่พิมพ์ต่อว่า

"It is hard to be autistic because no one understands me,"

"People look at me and assume I am dumb because I can't talk, or I act differently than them... I think people get scared with things that look or seem different than them. It feels hard. It feels like being in a room with the stereo on full blast."

"มันยากมากเลยค่ะที่เป็นออทิสติก เพราะไม่มีใครเข้าใจหนู"

"คนมองหนูแล้วก็คิดไปว่าหนูโง่เพราะหนูพูดไม่ได้หรือทำตัวต่างไปจากพวกเขา หนูคิดว่าพวกเค้าคงกลัวหนูเพราะหนูไม่เหมือนเค้า มันยากมาก หนูรู้สึกเหมือนกับว่าหนูอยู่ในห้องที่มีเครื่องเสียงเปิดอยู่แบบเสียงดังสุดๆ"

เมื่อถูกถามว่ามีอะไรจะบอกคนที่ดูข่าวนี้หรือไม่ คาร์ลี่พิมพ์ว่า 

"It's sad that sometimes people don't know that sometimes I can't stop myself and they get mad at me. If I could tell people one thing about autism it would me that I don't want to be this way but I am. So don't be mad. Be understanding."

"มันเศร้ามากที่บางทีคนไม่เข้าใจว่าหนูควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วเค้าก็มาโมโหใส่หนู สิ่งที่หนูอยากบอกทุกคนมากที่สุดข้อนึงเกี่ยวกับออทิซึ่มคือ หนูก็ไม่ได้อยากที่จะเป็นแบบนี้ แต่หนูก็เป็นอยู่ เพราะฉะนั้น ได้โปรดอย่าโมโห ขอให้เข้าใจ" 

ถ้าสนใจอ่านสิ่งที่น้องเค้าเขียนไว้ได้อีกมากมายทาง link นี้ค่ะ (คลิก)

กรณีของคาร์ลี่นี้จุดฉนวนให้คนในวงการค้นหาคำตอบว่า คาร์ลี่เป็นข้อยกเว้น เป็นกรณีพิเศษที่เกิดขึ้นมา หรือ เพราะว่าเธอได้รับการฝึกอย่าง intensive มากๆ

ก็ต้องติดตามกันต่อไปค่ะ 

[แหล่งที่มาของข่าว:  http://www.CTV.ca]

คำสำคัญ (Tags): #ข่าว#ออทิสติก
หมายเลขบันทึก: 166073เขียนเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2008 04:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

สวัสดีค่ะ คุณมัทนา

ได้แอบตามไปอ่านเรื่องไปเที่ยวทีลอซู ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก ชอบมากค่ะ รูปก็สวยงาม เคยไปหลายปีมาแล้ว ประทับใจค่ะ

ได้อ่านเรื่องออทิสติกที่คุณมัทนานำมาเล่าแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยค่ะ เพราะว่าีมีญาติของน้องสะใภ้ที่ลูกสาว 2 คนเป็นออทิสติก  4 กับ 5 ขวบ พอดีได้ไปเยี่ยมและคลุกคลีด้วย 2 อาทิตย์ ก็อยากให้หลานๆดีขึ้น เค๊าอยู่แคลิฟอเนียกัน สงสารพ่อแม่ที่อยากให้ลูกสื่อสารได้ ทำให้อยากจะเล่าให้แม่ของน้องเค๊าฟัง เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าจะช่วย เด็กออทิสติกได้ทุกคนหรือไม่  น่าจะลองดู ขอบคุณมากนะคะ สำหรับเรื่องดีๆ

สวัสดีครับคุณหมอ

               นับเป็นบุญของเขาที่สามารถสื่อสารและบอกกล่าวความรู้สึกของเขาต่อมวลมนุษย์...จากสิ่งที่เป็นความลับที่ทุกคนอยากรู้เมื่อเห็นเขาแสดงอาการรุนแรงออกมา...

                                                ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะคุณหมอ

อ่านแล้วสงสารจริงๆ แต่ดีใจที่เขาสามารถสื่อสารได้แล้ว น่าจะเป็นเพราะเด้กได้รับการดุแลอย่างดีนะคะ

สวัสดีครับคุณหมอ แวะมาอ่าน ครับ

  • สวัสดีค่ะ คุณหมอ
  • อ่านเรื่องนี้แล้ว นึกสงสารเด็กที่เป็นออทิสติกมากเลยค่ะ
  • เด็กพิเศษเหล่านี้ ต้องการความรักและความเอาใจใส่มากกว่าเด็กอื่น ๆ เลยนะคะ
  • เห็นได้จากการดูแลเป็นพิเศษอย่างนั้นทำให้เธอผู้นี้ สามารถสื่อสารกับคนอื่น ๆ ได้
  • ทำให้คนอื่น ๆ สามารถรับรู้ได้ว่าเค้ารู้สึกอย่างไร
  • เคยได้ยินมาว่า เด็กที่เป็นแบบนี้ ไม่สามารถหาสาเหตุที่แท้จริงได้
  • ถ้าเป็นทางพุทธ น่าจะเกิดจากโรคกรรมนะคะ เชื่ออย่างนั้นค่ะ
  • ตอนนี้ยังไม่มีวิธีรักษาเลยใช่มั้ยคะ ..
  • เป็นความเข้าใจที่ผิดพลาดของคนทั่วไปนะครับ
  • เด็กออทิสติก
  • ทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด
  • บางครั้งเขามีความสามารถที่พิเศษกว่าที่เราคิดไว้
  • แต่ต้องการการดูแลและเข้าใจ
  • ขอบคุณมากครับ
  • สบายดีไหมครับ

ขอบคุณทุกท่านมากค่ะ

นอกจากเรื่องความรู้สึกและสาเหตุของพฤติกรรม ที่คาร์ลี่ได้บอกพวกเราให้รู้แล้วนั้น คาร์ลี่ยังช่วยให้นักบำบัดทราบด้วยว่า...

วิธีบำบัดวิธีไหนที่ได้ผลไม่ได้ผล เช่น

  • คาร์ลี่บอกว่าเค้ารู้สึกหายหงุดหงิดถ้าได้รับดนตรีบำบัด (music therapy) คาร์ลี่จะรู้สุกดีถ้าถูกบีบมือ (deep pressure) แต่ถ้าบีบแรงเกินไปก็ไม่ชอบ
  • คาร์ลี่บอกว่าตอนที่ถูกจับไปนั่งในห้องกับเด็กอีก 3 คน แล้วพยายามจะให้เค้าเล่นกับเด็กพวกนั้น เค้าทำไม่ได้ คุมตัวเองไม่ได้ แต่จริงๆแล้วตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกอยากเล่นด้วย 
  • พวกแบบทดสอบที่ให้ฉันทำหน่ะ มันไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลย พ่อแม่บอกว่ามันทำให้หมอรู้ว่าฉันทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้ แต่ฉันว่ามันไม่ตรง ทำมาหลายแบบทดสอบแล้ว ฉันนี่แหละรู้ดีที่สุดว่าฉันทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้

 

T3T เด็กพวกนี้อาจต้องการวิธีการสื่อสารที่พิเศษ การที่เราใช้วิธีการสื่อสารแบบปกติ และต้องการให้พวกเขาสื่อสารในแบบที่เราต้องการ (ที่คนส่วนใหญ่ใช้ และเราจำกัดความมันว่าคือความปกติ) อาจไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องหรือเปล่าฮะ

I like to go on msn and I like to beat my brother at connect four
its so funny because he tries so hard
you should see his face when I win
I also like to listen to my dad read me stories I love to swim it help me control my body

My mom asked me a question that no one ever asks me What do I want 

 

  • สวัดดีค่ะคุณหมอ
  • ในถานะที่เป็นครูคนหนึ่งบางครั้งมีเด็กออทิสติกเข้ามาเรียนก็จะถูกปล่อยปละละเลยเพื่อนๆ นักเรียนก็ล้อเลียนต่างๆ นานา พูดคุยไม่รู้เรื่อง ก็มีความรู้สึกอยากรู้ความรู้สึกของเด็กเหมือนอย่างน้องคาร์สี่เขารู้สึกอย่างไร
  • ในปัจจุบันนี้ผู้ปกครองที่มีลูกลักษณะนี้บางคนไม่ยอมส่งลูกไปเรียนยังโรงเรียนที่เขารับเด็กออทิสติก
  • ขอบคุณค่ะ
  • ดิฉันขอบคุณคุณหมอที่นำข้อมูลมาเล่าให้ฟังค่ะ  เป็นประโยชน์ต่อดิฉันมากเลย
  • ดิฉันได้ดมยาสลบเด็กกลุ่มนี้บ่อยขึ้น  มักประสานกับแพทย์ผ่าตัดถึงวุฒิภาวะของเขาก่อนค่ะเพื่อหาเทคนิคสื่อสารที่คิดว่าเหมาะสม...ยอมรับว่าเป็นความอึดอัดมากค่ะเพราะสื่อสารเข้าใจเค้ายากและ approach ในการดมยาสลบยากมาก
  • ดิฉันเคยบันทึกการดมยาของเด็กในบันทึก ดมยาสลบเด็กออทิสติก…. ทำไง(ถึงจะ)ดี?(1)  และ (2)  ซึ่งณ ตอนนั้นก็กลัวว่าจะล้มเหลว  และผิดพลาด...  ซึ่งก็มาทราบทีหลังว่าเด็กกลุ่มนี้เค้าไม่ชอบให้กอด....และวันนี้เองก็เจออีกรายค่ะ  ราบรื่นดีอีกเช่นกัน.....
  • ดิฉันคงได้มีโอกาสนำความรู้ที่ได้ไปดัดแปลงใช้ในบ้านเราค่ะ 
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณมัท

ชอบชะมัดเลยค่ะ เพราะบอกชัดว่าที่เราเข้าใจเค้านั้นไม่ผิดเพราะรากศัพท์คำว่าออทิสติกหมายถึงการอยู่กับตัวเอง แต่พวกที่ให้การบำบัดจะรู้สึกว่าเค้าเหมือนอยู่ในห้องกระจกใสที่เค้ามองเห็น+ เข้าใจเราแต่เราหาทางเปิดเข้าไปในห้องกระจกนั้นไม่ได้

การที่จะช่วยให้เค้าและเราเชื่อมโลกกันได้คือต้องหาทางให้สื่อสารกันให้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง...เรื่องของน้องเป็นตัวอย่างที่ดีเลยล่ะค่ะ

เพราะเรามักจะเอาตัวเราตั้งว่าเราถนัดที่จะสื่อสารแบบไหนและเค้า " ควร " จะสื่อกับเราแบบนี้ๆๆๆๆๆๆ.....ทำให้เกิดอุปสรรคในการสื่อสารเสมอมา

เด็กๆเหล่านี้หลายๆคนเค้ามีพรสวรรค์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดเยอะเลยนะคะ..เบิร์ดเคยเจอคนหนึ่งเค้าวาดภาพได้สวยมากเลย และเค้าสื่อสารกับเราด้วยภาพ เพราะนั่นคือ " ภาษา " ของเค้า..บางคนจะคำนวณเร็วมาก  บางคนเก่งกีฬาสุดๆ  บางคนจำปฏิทินร้อยปีได้หมดจด ฯลฯ...บางทีธรรมชาติก็ชดเชยส่วนดีๆให้นะคะเพียงแต่เราต้องหาให้เจอ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่ทำให้เบิร์ดยิ้มอีกครั้งในเช้าวันนี้ค่ะ และรายงานตัวว่าเข้าไปอ่านทุกบันทึกแต่ยังไม่ได้ทักทายโดยเฉพาะทีลอซู เพราะเปลี่ยนไปเยอะมาก  ไม่สวยเหมือนเก่าแต่ทีลอจ่อหรือน้ำตกสายฝนนั้นยังขลังเหมือนเดิมเลยนะคะ

 

 

ขอบคุณครับคุณหมอ

น่าสนใจมาก ขณะเดียวกันก็น่าสงสารและเห็นใจ ทั้งคนที่เป็นออทิสติก คุณพ่อคุณแม่ และทุกคนที่ต้องการจะสื่อสาร

จริงอย่างที่คาร์ลี่ พูด คนจำนวนมากชอบไปมองแล้วตอบสนองต่อคนเหล่านี้อย่างไม่สมควร เช่น หัวเราะ หรือแสดงความรำคาญใส่  ไม่ควร ถ้าหาวิธีสื่อสารได้ทุกอย่างก็ปกติ เช่นเดียวกับ วิธีการที่ปัจจุบันพัฒนาไปมากแล้วสำหรับผู้พิการในหู (ใช้ภาษามือ) ตา (ใช้อักษรเบลล์)

การที่บางทีได้รับสิ่งกระตุ้นภายนอก (คน สังคม สื่อ ฯลฯ) นอกจากจะไม่ทำให้จิตถูกปรุง(โดยเฉพาะในทางที่ไม่เป็นคุณ) ยังทำให้สามารถใช้ศักยภาพของสมองสำหรับสิ่งที่ปรารถนาจะทำได้ ดังนั้นโอกาสเกิดพรสวรรค์จะสูงมาก


ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นและคำทักทายค่ะ

 

สวัสดีค่ะ อ.มัท

วันนี้พี่แอมป์แวะมาอ่านได้อีกแว้บ  บันทึกนี้ดีจังเลย(อีกแล้ว) นึกถึงหนังฮอลลีวู้ดเรื่อง เรนแมน (Rain Man) สมัยโน้น ที่ดัสติน ฮอฟแมน แสดงคู่กับ ทอม ครุยส์ 

ฉากเกือบสุดท้ายที่ดัสติน ซึ่งรับบทพี่ชายที่ป่วยเป็นออทิสติก แสดงออกด้วยท่าทางให้เห็นในแว่บหนึ่งของการสื่อสารกับน้องชาย  ว่าคล้ายๆจะรับรู้และเข้าใจความรักความห่วงใยของน้องที่มีต่อเขาได้  ดัสตินแสดงได้ "ถึง" เหลือเกิน  เพียงชั่วแว่บเดียวเท่านั้น  ที่มนุษย์ที่เหมือนอยู่กันคนละโลก  กลับรู้สึกถึงการสื่อสารถึงกันได้ด้วยใจ

ดีใจแทนคนในครอบครัวของน้องคาร์ลี่จริงๆนะคะ   ที่น้องเขาสื่อสารให้เข้าใจหัวใจเขาได้   และชอบที่เบิร์ดบอกจัง    "เรามักจะเอาตัวเราตั้งว่าเราถนัดที่จะสื่อสารแบบไหนและเค้า " ควร " จะสื่อกับเราแบบนี้ๆๆๆๆๆๆ.....ทำให้เกิดอุปสรรคในการสื่อสารเสมอมา"    ทั้งที่คนที่มีโอกาสในการสื่อสารมากกว่า  ควรจะเป็นฝ่าย "เข้าใจ"  เขา  ไม่ใช่คาดหวังเอาจากเขา  อ่านบันทึกและทุกความเห็นมาถึงตรงนี้แล้ว   แล้วรู้สึกเข้าใจอะไรขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ อ.มัท

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับเรื่องที่นำมาฝากนะคะ  พี่แอมป์ชอบทุกเรื่องเพราะถ้าให้พี่หาอ่านเองก็คงไม่ได้เรื่องโดนใจแบบที่ อ.มัทเอามาฝากอะค่ะ : )

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท