เรื่องเล่าของพยาบาลที่เป็นมะเร็ง(1)


เรื่องเล่าของพยาบาลที่เป็นมะเร็ง

สุวิมล       สุภามา

โรงพยาบาลวังสะพุง อ.วังสะพุง

จ.เลย

 ชีวิตคนเราจะเอาอะไรแน่นอนวันนี้มีความสุขยิ้มหัวเราะร่าเริง พรุ่งนี้อาจมีความทุกข์ต้องร้องไห้น้ำตานอง  ซึ่งเมื่อวันนั้นก็มาถึง  การรับมือกับความสุขและความทุกข์ของแต่ละคนก็แตกต่างกันขึ้นกับพื้นฐานของการหล่อหลอม การฝึกฝน เพื่อให้รู้เท่าทันอย่างมีสติ

ฉันมีประวัติการเจ็บป่วยที่ยาวนาน เริ่มต้นด้วย ปี 2547 มีอาการที่ปวดท้องเป็นพักๆ และถี่ขึ้น ปวดมากจนจะเป็นลม ปวดจนเดินต่อไม่ได้ พยายามตรวจกับแพทย์หลายท่าน  จนมีแพทย์ท่านหนึ่งบอกกับฉันว่าคุณไม่เป็นอะไร คุณมีอาการป่วยทางจิต คุณเคยเห็นคนไข้ DM (เบาหวาน) มั้ย ที่ amputate (ตัดขา) แล้วยังเจ็บหัวแม่ตีนนะ คุณเป็นอย่างนั้นแหละความรู้สึกฉันเมื่อกลับออกมาจากการตรวจของแพทย์ท่านนั้น ก็คือ ฉันมีอาการทางจิตจริงหรือเปล่า เมื่อมาทบทวนตนเองแล้วว่าไม่ใช่แน่นอน ฉันจึงไปขอรับการตรวจรักษาที่โรงเรียนแพทย์  ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นไส้เลื่อน (Hernia) ที่มีอาการปวดมากอาจเป็นเพราะไขมัน หรือรังไข่ลงไปในช่องนี้ และปีนั้น 2548 ฉันต้องรับการผ่าตัด ผลชิ้นเนื้อจากการผ่าตัดพบว่าเป็นเยื่อบุมดลูกไปโผล่ที่ช่องไส้เลื่อน หลังผ่าตัดได้ประมาณครึ่งปี 2549 ฉันมีอาการปวดท้องแบบเดิมพร้อมด้วยอาการหลังรับประทานอาหารมีการถ่ายอุจจาระบ่อย อาการเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ฉันติดต่ออาจารย์ที่ท่านผ่าตัดอีกครั้ง ท่านมีเมตตามากบอกว่าไม่น่าจะกลับมาเป็นแบบเดิมอีกเร็วขนาดนี้ ให้กลับมาตรวจ ฉันมาพบท่านพร้อมด้วยความกลัวในเรื่องมะเร็งลำไส้ เจาะเลือดหาสารก่อมะเร็ง ตรวจลำไส้ด้วยการสวนและเอ๊กซเรย์ ผลออกมาปกติ ได้รับการรักษาแบบลำไส้แปรปรวน รับประทานยาไปพักหนึ่งอาการดีขึ้นบ้าง แต่ก็มีการปวดท้องเป็นครั้งคราว ฉันพอทนได้ก็เลยไม่ไปตรวจอีก และชีวิตก็ยังทำงานตามปกติ ตามวิถีของตนเอง ผ่านไปช่วงหนึ่งได้ไปรับการตรวจรักษากับแพทย์อีกท่านหนึ่ง ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือไม่น่าจะเกี่ยวกับลำไส้ คงต้องกลับไปดูเรื่องเยื่อบุมดลูก ฉันก็กลับมาตรวจระบบสืบพันธุ์อีกครั้ง สุดท้ายแพทย์ลงความเห็นว่าระบบสืบพันธุ์นี่แหละที่เป็นตัวปัญหา ฉันต้องตัดมดลูกทิ้ง (TAH) ทุกครั้งที่แพทย์วินิจฉัยโรคและนัดผ่าตัดฉันไม่เคยกลัวเลย มีแต่ความโล่งอกประมาณว่ายกภูเขาออกจากอก รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ที่ได้ทราบว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร (ฉันกลัวถูกว่ามีอาการทางจิตอย่างที่แพทย์ท่านกรุณาวินิจฉัยไว้...ฮา) การผ่าตัดก็รู้ๆ กันอยู่ว่า ก่อนผ่าก็ต้องเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ เอ๊กซเรย์ ฯลฯ เป็นธรรมดา

 การผ่าตัดTAH ในสมัยปัจจุบันถือว่าเป็นเรื่องจิ๊บๆ  นอนพักไม่กี่วันเดี๋ยวก็กลับบ้าน วันมาadmit ผลx-ray พบก้อนที่ปอดขวาด้านล่างประมาณ 1.1 ซม. เอ๊ะ ชักไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดา ของไชยา มิตรชัย ซะแล้ว ไม่เป็นไร ที่เราเคยได้ยินว่ามีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ฉันเองก็เป็นแบบนั้นแหละ ข่าวดีคือได้นอนรพ. รอผ่าตัด ข่าวร้ายเจอก้อนที่ปอด เอาวะ สู้ ผ่าตัดมดลูกเสร็จ ผลเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง แต่ต้องติดตามก้อนที่ปอดต่อ ด้วยการตรวจพิเศษ CT Scan Chest ระหว่างรอผลก็คิดเข้าข้างตนเองตามประสามนุษย์ทั่วๆไปว่าคงไม่เป็นไรมากหรอกน่า อาจจะเป็นแคลเซียมเกาะปอด หรือรอยแผลเป็นเก่าๆ ก็ได้ เพื่อให้กำลังใจกับตนเอง เพื่อนบอกผลไม่เป็นทางการเจอสามก้อน ขวาสอง ซ้ายหนึ่ง ฮื่อ รับทราบยังไม่ตกใจเท่าไร หลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมง แพทย์ประจำบ้านก็มาบอกผล จำได้ว่านอนอยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นนั่ง แพทย์ท่านนั้นเปิดประตูเข้ามายืนปลายเตียง มีนศพ.มาด้วยอีก 2 คน แพทย์ประจำบ้านบอกว่า พี่ครับพี่เป็นพยาบาลนะ ผลCT ออกแล้ว ผมจดมาจะอ่านผลให้ฟังนะครับ พี่เป็นพยาบาลคงเข้าใจ multiple nodule both lung……..most likely malignant more than benign tumor……. ไม่รู้ว่า spread มาจากที่อื่น หรือเป็นที่ lung เอง ขนาดผมเองก็ตกใจ ยิ้มเข้าไว้ครับยิ้มกว้างๆ อย่าแค่อมยิ้มครับ พี่ok นะครับ  จำได้ว่าตัวเองยิ้มได้แต่ไม่เต็มที่ พยักหน้ากับหมอว่า ok  แต่ใจบอกว่าไม่  ในสมองฉันอื้ออึงไปด้วยคำว่า ..most likely malignant…. อยู่ซ้ำๆ แล้วความรู้สึกตกใจก็ถาโถมเข้ามา สับสน ตกใจเป็นงง  งง น้ำตาไหลซึม เช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ ยิ่งเช็ดน้ำตายิ่งไหลซึม สติกระเจิดกระเจิงไม่อยู่กับเนื้อตัว บอกตัวเองว่าฉันอาจเป็นมะเร็ง ฉันไม่เคยคาดคิดที่จะได้ยินประโยคนี้มาก่อน คิดแค่ว่าเออ สามก้อน อาจเป็น scar เดิมก็ได้ แล้วฉันก็ปล่อยให้น้ำตาไหลรินอยู่คนเดียวสักพักอาจารย์พยาบาลมาเยี่ยม ถามว่าเป็นอะไรร้องไห้ทำไมมีอะไรเหรอ ฉันเล่าไปพร้อมกับอาการสะอื้นว่าเขาสงสัยว่าที่ปอดเป็นก้อนจะเป็นมะเร็ง ไม่ทันขาดคำ นศพ. คนที่ 1 ขอฟังปอด เดินไปนอนบนเตียงให้ฟังปอด หายใจเข้าออก นศพ.บอกว่า ก็ไม่มีเสียง Crept เสร็จแล้วก็ออกจากห้องไป นศพ.คนที่ 2 มาขอฟังปอด ต้องขึ้นเตียงนอนอีกรอบหายใจเข้าออก นั่งนับ 1-2-3 ซ้ำๆ สักพักพยาบาลลากเครื่องมือมา พี่ค่ะขอวัดอ็อกแซดหน่อยค่ะ (O2sat) ฉันได้แต่คร่ำครวญในใจ โอ้ชีวิตนี่ฉันกลายเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งไปแล้วเหรอนี่ ถ้าไม่เช่นนั้นทำไมบุคลากรทางการแพทย์แต่ละคนจึงทำราวกับฉันเป็นผู้ป่วยที่มีอาการหนักมากอย่างนี้ ตะกี้ฉันยังเดิน ยังยิ้ม ยังนอนเหมือนคนปกติอยู่เลย ทำไมชีวิตหลังจากทราบผล CT chest ภายใน10-15 นาที มันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ฉันกลายเป็นผู้ป่วยมะเร็งปอดแล้วหรือ มีแต่น้ำตาเท่านั้นที่ช่วยได้ฉันปล่อยให้มันไหล อย่างห้ามไม่อยู่และไม่คิดที่จะหยุดมัน ช็อคเป็นอย่างนี้นี่เองฉันได้รับรู้ภาวะช็อคของคนไข้อย่างแท้จริง อาจารย์พยาบาลท่านถามฉันว่าอยู่คนเดียวได้มั้ยเพราะท่านมีธุระนัดชุมชนไว้ ท่านเองก็เป็นห่วง เลยตอบท่านไปว่า ขออีกสัก 2 ชม.อาการช็อคน่าจะดีขึ้น เพราะก็พยายามควบคุมสติ ให้อยู่กับปัจจุบันแต่ตอนนี้มันยังเตลิดอยู่ เอาไม่อยู่ แต่เดี๋ยวน้องก็จะมาเฝ้าแล้วพรุ่งนี้น้องต้องไปสอบ ฉันต้องมีสติอยู่กับปัจจุบันให้ได้ ไม่เช่นนั้นคนรอบข้างจะพลอยทุกข์ไปด้วย แล้วก่อนครบเวลาที่กำหนด ฉันก็มีสติควบคุมตัวเองได้ และเมื่อบอกผลให้น้องทราบ คำพูดที่ตอบกลับมาทำให้ฉันรู้สึกดีมากๆ เลยก็คือ คนอื่นเขาไม่ตรวจเลยไม่เจอ......ยังไม่รู้เลย แค่ผล CT  มันมีขั้นตอนการตรวจต่อไปอีก ทำใจให้สบาย ซึ่งทำให้ฉันสามารถกำหนดจิตทำสมาธิและหลับไปอย่างสบาย

ระหว่างที่รอการผ่าตัดปอดตัดก้อนที่ปอดนั้น ฉันก็มีข่าวดีกับข่าวร้ายอีกเช่นเคย ข่าวดีคือ โชคดีที่ฉันไม่ได้กลับบ้านไปก่อนที่ผล CT chest จะออก ไม่อย่างนั้นคงชะล่าใจว่าตัวเองไม่เป็นอะไร  ข่าวร้ายคือ ฉันรู้สึกว่าตัวเองกลั้นปัสสาวะไม่ได้ พยายามกลั้นแล้วปัสสาวะก็ยังไหลอยู่ และคิดว่าปัสสาวะไหลออกทางช่องคลอด ต้องใส่ผ้าอนามัยไว้ ฉันพยายามบอกแพทย์ และเมื่อฉันครบกำหนดนัดตรวจติดตามหลังทำ TAH ก็พบว่าในช่องคลอดมีน้ำเต็มไปหมดคาดว่าจะเป็นน้ำปัสสาวะ ดังนั้นฉันจึงถูกนำไปส่องกล้องเพื่อหาสาเหตุ ก็พบว่า กระเพาะปัสสาวะทะลุ เนื่องมาจากการผ่าตัดมดลูกนั่นเอง การที่กระเพาะปัสสาวะทะลุ ฉันมองว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะแพทย์ที่ทำการผ่าตัดเองก็คงไม่อยากให้มันเกิดและการหายของแผลฉันก็ไม่ดีเนื่องจากเนื้อเยื่อของฉันเองด้วย การจะผ่าตัดเข้าไปเย็บซ่อมกระเพาะปัสสาวะของฉันนั้น ต้องรอให้เนื้อเยื่อมีการสมานดี อาจารย์แพทย์ที่จะแก้ไขท่านให้เวลาที่ 10-12 สัปดาห์ ดังนั้นฉันมีคิวผ่าตัดรออยู่ข้างหน้าอีกหนึ่งคิวแล้ว ระหว่างนี้ฉันต้องใส่แพมเพอร์สแบบเด็กๆ   ทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งก็มีข้อดีอีกนั่นแหละที่ฉันได้รู้ว่าแม้ว่าจะไม่แฉะเพราะการดูดซับที่ดี แต่ก็ทำให้รำคาญ ไม่สุขสบาย น้ำปัสสาวะที่ไหลลงตามร่องก้นในตอนกลางคืนก็ทำให้เกิดอาการคัน เป็นผื่นได้ทั้งที่รักษาความสะอาดดีมากๆ จึงต้องนำสิ่งเหล่านี้บอกต่อสำหรับคนที่มีลูก บอกญาติผู้ป่วยและพยาบาลที่ชอบความสะดวกให้ผู้ป่วยที่ปัสสาวะ อุจจาระบ่อยสวมแพมเพอร์สให้แล้วนานๆจึงเปลี่ยนสักครั้งว่า ไม่มีอะไรดีกว่าการทำความสะอาดด้วยน้ำ เช็ดให้แห้ง สวมผ้าที่แห้ง อาจเหนื่อยแต่ความสุขสบายที่เกิดกับผู้ป่วยคุ้มค่ากว่ากันมาก

และแล้ววันที่ฉันต้องทำผ่าตัด Thoracotomy เพื่อตัดเอาชิ้นเนื้อที่ปอดไปตรวจ (Biopsy)  ก็มาถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนมีการเตรียมการอย่างดี แพทย์ประจำบ้านมาอธิบายสิ่งที่จะเกิดขึ้นว่า การผ่าตัดครั้งนี้ฉันต้องเลือกว่าจะทำหรือไม่ทำ เพราะ ถ้าผ่าตัดแล้วผลการผ่าตัดออกมาชิ้นเนื้อไม่ผิดปกติเท่ากับฉันต้องเจ็บตัวฟรี แต่หากผลชิ้นเนื้อออกมาไม่ดีเท่ากับว่าเนื้อร้ายนั้นได้กระจายไปแล้ว ฉันตอบแพทย์ท่านนั้นไปว่า ในความคิดของฉันมันไม่มีอะไรที่สูญเปล่า ถ้าผลออกมาดีฉันก็จะได้สบายใจ ถ้าไม่ดีฉันก็พร้อมจะยอมรับมันคงดีกว่าให้มานั่งคับข้องใจไม่รู้ว่าแล้วก้อนที่ปอดเป็นอะไรมากกว่า พร้อมนั้นฉันถามกลับว่าถ้าเป็นคุณหมอจะตัดสินใจอย่างไร แพทย์ท่านนิ่งไปพักใหญ่บอกว่า ถ้าเป็นผมๆ ก็จะทำเหมือนกัน   ฉันโชคดีที่มีเพื่อนและญาติทำงานในห้องผ่าตัดเธออธิบายให้ฉันรู้ถึงขั้นตอนของการผ่าตัด การใส่ท่อช่วยหายใจ อย่างละเอียด การฟื้นที่ต้องไปตื่นที่ CCU. การที่จะได้รับยาแก้ปวด ฯลฯ  ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ช่วยให้ฉันรู้สึกสบายใจอย่างมาก เมื่อฉันฟื้นแบบสะลึมสะลือใน CCU. ฉันยังไม่ได้ถอดท่อช่วยหายใจออกเพราะเหตุว่าฟื้นไม่เต็มที่ เมื่อจะถูกถอดท่อช่วยหายใจจำได้ถึงความรู้สึกของการถูกบีบAmbu bag และการดูดเสมหะ (Suction) ว่าเจ็บมากเกิดความรู้สึกใจจะขาดทั้งนี่ถูกดูดแป๊บเดียว  จึงอยากบอกว่าหากใครต้องทำการพยาบาลโดยการดูดเสมหะผู้ป่วยกรุณาทำเบา เร็วๆ อย่าดูดนาน ฉันตื่นเต็มที่พร้อมกับการคลำหาขวด ICD ที่บริเวณปอด ได้รับคำตอบจากพยาบาลว่าไม่มี drain ก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ฉันได้รับการดูแลที่ดีมากใน CCU. แล้ววันต่อมาฉันก็ได้ย้ายกลับมาที่ตึกเดิม
หมายเลขบันทึก: 163420เขียนเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2008 08:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 10:01 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะ มิสเตอร์สุพัฒน์

ขออ่านตอนแรกก่อนละกันนะ

นี่....เรื่องจริง ของเพื่อน รึป่าวคะ

 

ปล. กำลังจิตตก อยู่เหมือนกัน ปวดแขน มาสามเดือนไม่หาย หาสาเหตุไม่ได้ ไม่รู้จะเป็นมะเร็งรึป่าว

 

ขอบคุณที่นำมาเล่าค่ะ

เรียน คุณป้าแดง

         เป็นเรื่องเล่าที่เพื่อนเขาเขียนจากชีวิตจริงของเขา ผมได้ขออนุญาตนำมาเสนอให้ทุกคนได้เรียนรู้ด้วยครับ

สุพัฒน์

อยากรู้จังว่า ถ้าไม่ใช่แพทย์ พยาบาลด้วยกัน จะได้รับการรักษาและดูแลเป็นอย่างดี

แบบนี้ไหม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท