.......หลังจากที่หายไปนานพอสมควร วันนี้ผมได้นำเอาบทความหนึ่งที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังครับ อาจจะเป็นเรื่องที่เข้ากับบรรยากาศในขณะนี้ที่เรานักส่งเสริมการเกษตรจะเน้นส่งเสริมในเรื่องของเกษตรอินทรีย์ แต่ผมคิดว่าเกษตรอินทรีย์หรือเกษตรธรรมชาติมันมีที่มาและมีมานานแล้ว เพียงแต่ว่ามันเริ่มหายไปกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เริ่มเข้ามาต่างหากใช่รึเปล่าล่ะคับ.........."จ้างวัว-ควายมาหลับนอน......."ได้อ่านแล้วมีความรู้สึกที่ดีครับ เป็นเรื่องของชาวบ้านที่ตำบลส้าน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน ครับ.............(แอ๊บเรื่องมาเล่าต่อครับ)
.....ที่ตำบลส้าน พื้นที่ส่วนใหญ่เป้นพื้นที่ราบสลับกับภูเขา ชาวบ้านนิยมเลี้ยงวัว ควายไว้ไถนา ควายสามารถไถนาได้วันละครึ่งไร่ ควายมีราคาถูกกว่ารถไถนา เพราะชาวบ้านไม่เสียเงินค่าน้ำมันในการใช้งาน คนตำบลส้านจะมีนาคนละไม่กี่ไร่ เมื่อเสร็จจากการทำนาก็นำวัวควายไปเลี้ยงตามภูเขา และใช้ใต้ถุนบ้านแปรสภาพเป็นคอกสำหรับให้หลับนอน...........แต่เมื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาสู่ชุมชน วัว ควาย เริ่มหายไป ชาวบ้านขายวัวควายไปแทบไม่มีเหลือ จากที่เคยมีวิถีแบบง่าย ๆ ใช้ควายไถนา กลับแปรสภาพเป็นรถไถนา ขี้วัวขี้ควายที่เคยเป็นปุ๋ยตามธรรมชาติชั้นดีที่ทำให้นามีตัวไรและตัวหนอนเป็นอาหารของหอย ปู ปลา กบ และเขียดตามธรรมชาติได้อาศัย สิ่งเหล่านี้ยังเป็นแหล่งอาหารของคนอีกทอด การทำนากลับละเลงไปด้วยสารเคมี เมื่อเป็นเช่นนั้นอาหารธรรมชาติจึงหมดไป..........
ลุงผ่อง สุยาอิน สมาชิกกลุ่มเลี้ยงโคตำบลส้านบอกว่า ชาวบ้านได้ระลึกถึงคุณค่าของวัวและควายตั้งแต่อดีตมา จึงได้รวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มเลี้ยงโคกันขึ้นมา โดยมีสมาชิกให้ความสนใจ 13 คน มีวัว 23 ตัว ควาย 48 ตัว มีข้อตกลงร่วมกันว่าหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวทุกปี สมาชิกจะนำวัว ควาย มาหลับนอนตามทุ่งนา โดยได้ค่าจ้างจากเจ้าของตัวละ 2 บาท ต่อคืน ยามเย็นของทุกวันสมาชิกที่สมัครใจเอาวัวควายมานอน และมีการจัดเวรยามกันมาเฝ้าป้องกันขโมยหรือหลุดไปกินข้าวของชาวบ้าน ในไร่หนึ่งหากนำวัว นำควายประมาณ 70 กว่าตัว มาผูกนอนจริง ๆ จะใช้เวลา 4-5 วัน ขี้วัวขี้ควายก็กระจายทั่วแปลง แล้วค่อยขยายออกไปนอนออกไปนอนอีกแปลงจนทั่วนา อย่างลุงมี 3 ไร่กว่า ๆ ก็จะใช้เวลา 15 วัน ลุงผ่องบอกอีกว่า "เมื่อในนามีขี้วัวขี้ควายแล้ว พอถึงฤดูกาลทำนาก็นำน้ำอีเอ็มราดลงทั่วแปลงนา แล้วไถกลบทิ้งไว้ 4-5 วัน" และทำนาตามปกติก็เริ่มเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาพดินมีความสมบูรณ์ขึ้นอยางเห็นได้ชัด ข้าวก็งาม ลำต้นแข็งแรง ใบเขียวขจี เมล็ดเต็ม ผลผลิตจึงได้ผลเกินคาด และที่สำคัญ "ยุ้งที่เคยใส่ข้าวไม่เต็มกลับกลายเป็นไม่มียุ้งเหลือใส่ข้าว ".........
ยังมีรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกนะครับ แต่ว่า ต้องลองติดตามอ่านในครั้งต่อไปครับ..........4/2/51
เขียนดีมากอยากให้มีการสานต่อไปสู่การปฏิบัติที่เป็นจริง