การอ่านเป็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของเด็กในการเรียนรู้ภาษาในระยะเริ่มแรก การศึกษาของ G-J Whitehurst และคณะในปี 1988 โดยฝึกให้พ่อแม่อ่านหนังสือที่มีรูปภาพให้ลูกที่อยู่ในวัยเตาะแตะฟัง และมีปฎิสัมพันธ์กับลูกในระหว่างการอ่าน โดยการถามคำถามที่เด็กไม่สามารถตอบได้โดยการใช้เพียงนิ้วชี้ เช่น แม่ที่อ่านวินนี่เดอะพูห์ อาจถามว่า นั่นไงอียอ (Geyore) อะไรเกิดขึ้นกับเขา หรือพ่อแม่อาจถาม โดยชี้ไปที่รูปภาพในหนังสือ แล้วถามว่า นั่นชื่ออะไร (นี้คืออะไร) หรือถามว่าเรื่องราวในหนังสือ เช่น ลูกคิดว่าลูกแมวจะเดือดร้อนมั้ย
ผู้วิจัยกระตุ้น (ส่งเสริม) ให้พ่อแม่ในกลุ่มควบคุมอ่านหนังสือให้ลูกฟังด้วย แต่ไม่ต้องสอนเป็นพิเศษ หลังจาก 1 ชั่วโมงผ่านไป เด็กในกลุ่มทดลองได้แสดงให้เห็นว่ารู้คำศัพท์มากกว่าเด็กในกลุ่มเปรียบเทียบ
Whitehurst ศึกษาทดลองซ้ำอีกในประเทศเม็กซิโก (Valders – Menchaca & Whitehurst) ในปี 1992 โดยให้ครูคนหนึ่งในศูนย์เลี้ยงเด็กกลางวัน ที่ผ่านการอบรมในด้านการอ่าน เธอใช้เวลาวันละ 10 นาที กับเด็กอายุ 2 ขวบ จำนวน 10 คน ซึ่งมาจากครอบครัวชนชั้นกลาง (working – class) เป็นเวลานาน 6-7 สัปดาห์ กลุ่มเปรียบเทียบคือเด็กที่อยู่ในศูนย์เลี้ยงเด็กกลางวัน ที่ใช้เวลาเท่ากันในแต่ละวันกับครูคนเดียวกันแต่ แทนที่จะอ่านหนังสือ กลับให้ทำงานศิลปะ การฝีมือแทน เมื่อสิ้นสุดการศึกษาพบว่าเด็กในกลุ่มการอ่านมีคะแนนจากแบบทดสอบมาตรฐานต่าง ๆ ในด้านคำศัพท์สูงกว่า และใช้ไวยากรณ์ที่ซับซ้อนมากกว่าในการทดสอบการสนทนากับผู้ใหญ่ เมื่อเทียบกับเด็กในกลุ่มที่ได้รับการสอนศิลปะและการฝีมือ ข้อเท็จจริง คือ Whitehurst พบผลอย่างเดียวกันในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน 2 แห่ง โดยมีภาษาที่ต่างกัน 2 ภาษา ทำให้เห็นชัดเจนว่าการอ่านและปฏิสัมพันธ์ทางภาษาระหว่างพ่อแม่และลูกเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก
เรียบเรียงจาก....The growing child หน้า 20 Helen Bcc 1995. Harpercollins Publishers New york USA
ไม่มีความเห็น