ในระยะนี้ผู้บันทึกต้องอยู่ท่ามกลางสิ่งรอบตัวที่แตกต่างกันอย่างสุดโต่งสุดขั้ว
ด้วยอาศัยวิชาแว๊ปศาสตร์ แว๊ปเข้าเมืองหงสา แว๊ปกลับเข้ากรุงเทพ เพียงชั่ววันเดียว
จากอากาศหนาวเหน็บ ท่ามกลางสายหมอก พริบตาเดียวต้องมาผจญกับอากาศแสนร้อน ท่ามกลางฝุ่นควันไอเสียของรถยนต์
จากยามค่ำคืนที่เงียบสงบ ได้ยินแม้เสียงใบไม้พลิกไหว เสียงใบไม้ร่วงกระทบพื้นดิน ขับกล่อมด้วยเสียงเปาะแปะของน้ำค้างหยดจากชายคา เสียงนกกลางคืนกู่ร้อง มาอยู่ในห้องเช่าอึดอัดอุดอู้ริมทางด่วน มีเสียงรถราเป็นเพื่อนตลอดคืน ยามดึกต้องสะดุ้งตื่นด้วยเสียงรถมอเตอร์ไซด์ที่เด็กวัยรุ่นซิ่งประลองความเร็วกัน
จากสังคมเอื้ออาทรของชนบท ผู้คนยิ้มแย้มทักทายกัน ไต่ถามทุกข์สุขกัน การใช้ชีวิตไม่ต้องรีบเร่ง เพียงมีข้าวในเล้า มีฟืนกองไว้ใต้ถุน ผู้คนชาวบ้านปากห้วยยาง เมืองหงสา ก็นั่งถักแห นั่งเหลาตอก นั่งจักสาน ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เด็กน้อยจับกลุ่มเล่นหัวกันอยู่ในสายตาพ่อแม่ พี่ ป้า ลุง ตา
เปรียบเทียบกับสังคมรีบเร่งของเมืองหลวง ต้องรีบเข้างานให้ทันเวลา (ที่ทำงานผมต้องมาสแกนนิ้วมือเข้างานก่อนแปดโมง) ผู้คนแบกภาระการงานอันหนักอึ้ง บ่งบอกไว้บนใบหน้าที่แต่งแต้มระบายสีแต่ลืมประดับด้วยรอยยิ้ม(จากใจ) เด็กน้อยต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีห้า นั่งหลับต่อมาในรถกับพ่อ ก่อนที่จะถูกปล่อยไว้ในศูนย์เด็กเล็ก หรือโรงเรียนอนุบาล
การหากินหาอยู่ของพี่น้องชนบทเมืองหงสา แทบไม่ต้องใช้เงินซื้อหา ชาวบ้านหาปูปลาในลำห้วย หากบเขียดนกหนูจากราวป่า แมลงหลายชนิดที่มีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ใช้เป็นอาหารได้ เก็บผักตามท้องทุ่งมาต้มแกง แม้แต่ต้นอ่อนของหญ้าปากควายพี่น้องยังเอามาปรุงเป็นซุปผักใส่ขิงอ่อนได้แสนอร่อย
ส่วนค่าครองชีพ ค่ากินค่าอยู่ในเมืองใหญ่ แพงแสนแพง ต้องใช้เงินซื้อหาทุกอย่าง เรียกว่าพอขยับตัวต้องเสียเงิน ทุกอย่างล้วนถูกปรุงแต่เพื่อเพิ่มมูลค่า ค่าน้ำดื่มที่ต้องซื้อ ค่าอาหารตามศูนย์อาหารตามห้างสรรพสินค้าที่แพงกว่าค่าตอบแทนของน้องๆจากชนบทที่เข้ามาขายแรงงาน เท่าที่ผมเฝ้ามองพบว่าทั้งลูกจ้างพนักงานขายกับลูกค้าล้วนเป็นพี่น้องจากต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่
นี่เขาเรียกว่าคนจากหัวเมืองมาทำขายให้คนจากหัวเมืองด้วยกันกินในราคาแพงๆหรือเปล่า
ทำให้อาวรณ์หาพ่อเสร็จผู้มีที่ดินเกือบร้อยไร่ เรียกว่าเป็นผู้มีอันจะกินชาวโซ่ดงหลวงพี่น้องของผม พ่อแกอยู่ง่ายกินง่าย อาหารกลางวันพวกเนื้อพวกผัดที่ผมซื้อไปกินด้วยเวลาที่ไปทำแปลงเกษตรด้วยกันนั้นพ่อไม่ยอมแตะต้อง ดูสำรับข้าวกลางวันที่พ่อกินสิครับ กระติบข้าวอันน้อยฝีมือสานของพ่อเอง ถ้วยที่พ่อทำจากกะลามะพร้าว แจ่วรดเผ็ดจัด มะขามหวานสองฝัก เท่านั้นแหละครับอาหารกลางวันของพ่อเขาละ
ความพอดีอยู่ที่ความพอใจจริงๆครับ
สวัสดีครับคุณ paleeyon
กินแบบพ่อเสร็จ คงไม่มีสารเคมีเบียดเบียน โรคร้ายไกลห่าง แรงเสื่อมถอยไปตามวัยอันควร...ถ้าเราไปคุยเรื่อง KFC พ่อเขาคงงงนะครับ
ชีวิตพอเพียง...ช่วยให้รากฐานเราแข็งแรงครับ
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีครับพี่เปลี่ยน
เห็นด้วยครับ ความพอดีอยู่ที่ใจ
รักษาสุขภาพกายและใจไว้ให้ดีนะครับ
อ้ายเปลี่ยน
อ้ายบรรยายจนผมเห็นภาพครับ ...ความแตกต่างสุดขั้วที่บรรยาย ทำให้ผมคิดถึงที่อยู่ที่มั่นของตนเองในอนาคต
และภาพสุดท้าย พ่อเสร็จ ท่านพอเพียง และเรียบง่ายมากครับ
ประทับใจ
สวัสดีครับท่านๆ
พ่อเสร็จจะได้สัมผัสสารเคมี ก็เพราะผมชวนพ่อแกมาปลูกยาสูบกับผมนี่แหละครับ
อ.ภูคาครับ พ่อเสร็จและพี่น้องชาวโซ่ดงหลวงมีความพอเพียงจริงๆครับ แต่มักถูกข้าราชการมองว่าเป็นคนขี้เกียจ พัฒนายากครับ เป็นงั้นไป
หวัดนายสายลม รู้จักพอเพียงที่ความพอใจก็ดีครับ
เอกครับ ที่มั่นสุดท้ายแม่นเมืองปายก่ ต้องหาคนคู่กายตี้มีความเห็นเหมือนกั๋นตวยเน้อ
สวัสดีครับครูชาครับ คนทางเหนือโบราณเขาสอนไว้ว่า กิ๋นจิ้น(เนื้อ)หลายมักเป๋นด้อย(ตานขโมยครับ)
สวัสดีพ่อน้องไผ่ครับ อ้ายยังกองหาวันตี้จะได้เมือบ้านแม่แต๋งอยู่เหมือนกั๋นครับ
ขอบคุณครับ