วันนี้ขออนุญาตแลกเปลี่ยนเรื่องเครียด ๆ ซักหน่อย ไม่ว่ากันนะ เพื่อเด็ก ๆ ที่จะเป็นกำลังสำคัญในวันข้างหน้า เหตุเนื่องมาจาก พบนักเรียนที่มีปัญหาคล้าย ๆ โรคสมาธิสั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เด็กจะอยู่ไม่นิ่ง อารมณ์ฉุนเฉียว ไม่ชอบการรอคอย โมโหง่าย ใจลอย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเด็กซนทุกคนจะเป็นเด็กสมาธิสั้น เพราะเคยทราบมาว่า มีประมาณ ร้อยละ 3 ถึง 5 และพบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง 2-3 เท่า
จากการศึกษาข้อมูล โรคสมาธิสั้น คือ เด็กที่มีอาการให้ความสนใจกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งสั้นไม่นานก็รู้สึกเบื่อ ไม่อยู่นิ่ง พูดคุยตลอดเวลา ความสนใจจะถูกเบี่ยงเบนได้ง่าย ตอบสนองต่อสิ่งเร้าโดยไม่คิด หากเป็นเด็กเล็ก ๆ มักจะร้องไห้มาก งอแง เพราะเป็นโรคที่เป็นปัญหาทางด้านพฤติกรรมทางสังคมของเด็ก ไม่ทราบสาเหตุการเกิดของโรคที่แน่ชัด พบมากในเด็กที่มารดาสูบบุหรี่ ดื่มสุรา เสพสารเสพติด หรือได้รับสารเคมี ที่มีผลต่อการพัฒนาการของเด็กที่เกิดมา แพทย์จะวินิจฉัยต้องมีการเปรียบเทียบกับเด็กวัยใกล้เคียงร่วมกันด้วยและต้องมีปรากฏการณ์อื่น ๆ อีก ได้แก่
พฤติกรรมควรเกิดก่อน อายุ 7 ปี เกิดติดต่อกันนานกว่า 6 เดือน แตกต่างจากเด็กวัยเดียวกันอย่างชัดเจน เกิดทุกสถานการณ์ ไม่ว่าที่บ้าน โรงเรียนหรือที่อื่น ๆ ผู้เขียนเห็นว่าโรคนี้ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือกัน เด็ก ๆ ที่เราสงสัยว่าจะสมาธิสั้น ทางด้านครู ที่ทำในตอนนี้ คือ แจ้งผู้ปกครอง ประสานงานกับนักวิทยามาศึกษาเด็กเป็นกรณีพิเศษ มีการเยี่ยมบ้าน ให้ความรักความเข้าใจ ดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ นำผลที่ศึกษามาร่วมกันอภิปรายและหาแนวทางแก้ไขร่วมกันหากนักจิตวิทยาวินิจฉัยว่าเข้าข่ายสมาธิสั้น ก็จะมีการส่งต่อเพื่อให้เด็กได้รับการรักษา ใครเคยพบปัญหาเหล่านี้บ้าง มีวิธีการแก้ปัญหาแบบไหนแลกเปลี่ยนกันนะคะเพื่อเป็นวิทยาทานสำหรับเด็ก ๆ ที่น่าสงสาร ขอบคุณค่ะ
อ่านแล้วเข้าข่ายทุกข้อ สงสัยครูต๊กแกจะสมาธิสั้นแถมขาดกำลังใจ จะมีใครช่วยรักษาไหมเนี่ย(วันนี้อ้อนมาแต่วันเชียว) ........
คุณครูคนสวยท่านนี้สนใจ ใส่ใจติดตามพฤติกรรมเด็ก ๆ เป็นการช่วยผู้ปกครองและเด็ก ๆ ที่จะเข้าข่าย ใจดี น่ารักมากคะ
โอ้โฮ!!! ถ้าเป็นประเด็นนี้จริงๆแล้วจะยาวมากๆ คงไม่นำวิชาการมากล่าวแน่ๆ แต่ก็รู้ว่า คุณครูคงจะมีทฤษฎีในเรื่องโรคสมาธิสั้นของเด็กๆ อยู่ในมือ ซึ่งถ้าเป็นจริงๆ คงต้องเป็นคุณหมอเป็นคนวินิจฉัยซึ่งส่วนใหญ่ก็ต้องรักษา หลายๆคนต้องได้ยาด้วย แต่...กรณีที่ไม่ใช่โรคสมาธิสั้นโดยแท้ แต่มีลักษณะพฤติกรรมบางอย่างเข้าข่ายนี่สิ...สำคัญที่ทุกคนต้องช่วยกัน ทั้งครอบครัวและคุณครู ซึ่งถ้าไม่รู้สาเหตุ ก็จะไม่ได้ช่วยอะไร มีหลายอย่างจริงๆค่ะ..เท่าที่รู้มาก็เช่น
คิดถึงนะจ๊ะ...น้องรัก...
สวัสดีครับ
อ่านแล้วได้ข้อคิดเตือนใจมาก โดยเฉพาะกับลุกชายสองคนนั้น คงต้องดูแลเรื่องเหล่านี้ ...
การเสาะแสวงหาพื้นที่คุณภาพให้ลูก ๆ ได้ใช้ชีวิตท่องเล่นและเรียนรู้การเติบใหญ่นั้นเป็นเรื่องหนักหนาเอาการดูทีเดียว แต่นั่นก็คงมิใช่เหตุผลที่เราจะหยุดที่จะแสวงหา... ซึ่งบางครั้งก็ยังต้องสอนให้เขาแสวงหาด้วยตนเองบ้างเหมือนกัน
ขอบคุณครับ