เมี่ยงเมืองตาก


       หลายคนคงดูรายการกบนอกะลาตามที่ได้เสนอไว้ไปแล้ว  เราเองดูแล้วก็สะดุ้งอยู่ในใจ  เอาอีกแล้วพิธีกรในรายการพาไปดูการทำไส้เมี่ยงแล้วบรรยายว่า ไส้เมี่ยงนั้นนำไปรับประทานกับใบเมี่ยงและขิงดอง   ทำให้ต้องมาเล่าเรื่องเมี่ยงเมืองตากเสียหน่อย  เดี๋ยวคนที่ไม่รู้จักก็จะเข้าใจตามที่พิธีกรของรายการพูดถึง  หลายคนคงสงสัยว่าคนเมืองตากเอากะลามะพร้าวมาจากไหนมากมายสำหรับมาทำกระทงสาย   ซึ่งความจริงแล้วคนเมืองตากนิยมรับประทานเมี่ยงเมืองตากที่ทำจากมะพร้าวเป็นหลัก  แล้วเก็บกะลามะพร้าวเอาไว้ตลอดปี  เมื่อถึงเทศกาลลอยกระทงก็นำมาใช้ประโยชน์ในการลอยกระทงสาย 

     ขอเล่าเรื่องเมี่ยงเมืองตากกันเลยดีกว่า  เมี่ยงเมืองตากมีหลายชนิดวันนี้ขอเล่าเรื่องเมี่ยงที่ทำด้วยใบชาก่อนก็แล้วกันนะคะ    หลายคนคงรู้จักใบเมี่ยง  ซึ่งทำด้วยใบชาที่หมักมาแล้ว (กรรมวิธีการหมักใบชานี้  ไม่ทราบจริง ๆ  ค่ะ  เพราะชาวเมืองตาก ซื้อเมี่ยงมาจากเชียงใหม่เป็นส่วนใหญ่)  ใบชาที่หมักแล้วนี้จะมีลักษณะเป็นก้อน ๆ  (ชาวบ้านเรียกว่า "แหลบ" หรือ "กำ") ก่อนอื่นเราต้องทำการหมักใบเมี่ยงนี้เสียก่อน  โดยนำใบเมี่ยงมาคลี่ออกให้กระจายแล้วนำไปล้างน้ำให้หายฝาด  จากนั้นนำมาหมักกับน้ำส้มสายชู  (บางคนใช้น้ำมะนาว)  ขิงสดซอย  และตัดน้ำตาลทรายให้มีรสกลมกล่อม  หมักใบเมี่ยงไว้สัก  3- 4  ชั่วโมง  เพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันดี  ในระหว่างนี้ก็จะทำไส้เมี่ยงซึ่งจะใช้รับประทานกับใบเมี่ยงที่หมักไว้   ไส้เมี่ยงจะมีอยู่หลายลักษณะ ที่นิยมรับประทานกันมี  3  ชนิด คือ ชนิดแรกจะใช้เนื้อมะพร้าวหั่นเป็นฝอย ๆ   ถั่วลิสง   และกระเทียม    นำไปทอดให้เหลืองกรอบ   โดยทอดทีละอย่าง  นำมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน  เมื่อเย็นดีแล้วนำมาคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน  จากนั้นจะฉีกใบตองเป็นชิ้น ๆ  กว้างสัก7-8 เซนติเมตร เจียนหัวท้ายใบตองให้แหลม  นำใบเมี่ยงที่หมักแล้วสัก  4-5  ใบมาวางในใบตอง แล้วตักไส้เมี่ยงที่คลุกไว้สัก 1 ช้อนแกงใส่ลงไป  ตักน้ำตาลทรายโรยสัก 1  ช้อนชา แล้วห่อใบตองโดยไม่ต้องพับด้านข้างเข้ามา  กลัดด้วยไม้กลัดเล็ก ๆ   เรียกเมี่ยงที่ห่อแล้วนี้ว่า "อม"  เวลามีงาน ไม่ว่าจะเป็นงานศพ งานบวช  ชาวบ้านที่มาช่วยงานก็จะนั่งห่อเมี่ยงกันไว้เป็นจำนวนมาก ๆ  เพื่อเอาไว้ให้แขกที่มาในงานรับประทานกันเล่น ๆ   ในปัจจุบ้นนี้ยังหาซื้อเมี่ยงแบบนี้ได้ในราคาอมละ  1  บาท  คนขายมักจะเป็นคนแก่ ๆ  ที่ไม่เบื่อต่อการนั่งห่อเมี่ยง ห่อเล็ก ๆ  ทีละห่อ

         ไส้เมี่ยงอีกชนิดหนึ่งใช้มะพร้าวขูดเป็นเส้น ๆ  (เหมือนจะทำมะพร้าวแก้ว)  ถั่วลิสง  กระเทียม   น้ำตาลปีบ น้ำปลา  มาทอดในน้ำมันรวมกัน  โดยผู้ทำที่มีความเชี่ยวชาญจะทอดมะพร้าวก่อน ดูว่ามะพร้าวเหลืองขนาดไหน ก็จะใส่ถั่วลิสง   และส่วนผสมอื่น ๆ  ทีละอย่าง  ซึ่งต้องมีความชำนาญจึงจะทราบว่าควรจะใส่ส่วนผสมใด ในระยะไหน  ส่วนผสมทุกอย่างถึงจะสุกพร้อมกันพอดี  จากนั้นจะเคี่ยวไปจนส่วนผสมทุกอย่างเหลืองกรอบ  เกาะตัวกันเป็นก้อน   ก็จะนำขึ้นจากน้ำมันพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน  เมื่อเย็นแล้วก็จะได้ไส้เมี่ยงที่มีลักษณะเกาะตัวกันเป็นก้อนมีความหวาน  มัน  เวลารับประทานก็นำไปรับประทานกับใบเมี่ยงหมัก เช่นเดียวกัน

         เมี่ยงที่นิยมรับประทานกันอีกชนิดหนึ่ง คือเมี่ยงแคบหมู ซึ่งไส้เมี่ยงประกอบด้วย ถั่วลิสงทอด  กระเทียมเจียว  แคบหมูหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ   เกลือป่น  และน้ำตาลทราย  รับประทานกับใบเมี่ยงหมัก เช่นเดียวกัน  เดี๋ยวนี้แม่ค้าจะบรรจุถั่วลิสง  แคบหมู  เกลือ และน้ำตาลในถุงพลาสติกเล็กมาในห่อเมี่ยง  เพราะถ้าใส่ไส้เมี่ยงไว้เลย  จะทำให้ส่วนผสมไม่กรอบ  รับประทานไม่อร่อย   เมี่ยงแคบหมูนี้น่าจะพัฒนามาจากการรับประทานเมี่ยงในสมัยก่อนที่เอาใบเมี่ยงฝาด ๆ  มารับประทานกับเกลือเม็ด บางคนก็หยิบแคบหมูใส่ปากเข้าไปด้วย  รสชาติคงอร่อยถูกใจ เลยพัฒนามาเป็นเมี่ยงแคบหมูเหมือนในปัจจุบัน  เพราะหลายคนบอกว่า เมี่ยงชนิดนี้ตอนเป็นเด็ก ๆ  ไม่เคยเห็นมีขาย  คนเมืองตากนิยมรับประทานเมี่ยงดังกล่าวข้างต้นเป็นอาหารว่างกันทั่วไป  จึงไม่ต้องแปลกใจนะคะว่าทำไมจึงมีกะลามะพร้าวมากมายมาใช้ลอยกระทงสาย    แล้วบันทึกหน้าจะเล่าเรื่องเมี่ยงเต้าเจี้ยวของคนเมืองตากให้ฟังค่ะ

หมายเลขบันทึก: 153505เขียนเมื่อ 14 ธันวาคม 2007 10:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 23:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

เป็นคนตากจริงป่ะเนี้ย

เพื่อนที่รู้จักทางอินเตอร์เน็ต เป็นคุณครูสอนในโรงเรียนอนุบาล จ.ตาก

ส่ง "เมี่ยง" มาให้เป็นของฝากจากเมืองตาก ยังขาดความรู้เรื่องเมี่ยง

ค้นหาผ่าน google จึงทำการค้นหา ได้ข้อมูลจากที่นี่พอสมควร

ขอขอบคุณข้อมูลที่นำเสนอ ทำให้ได้สาระความรู้ระดับหนึ่ง

หาข้อมูลเกี่ยวกับเมี่ยงมะพร้าวนานมากเลยค่ะ

ยังไงก้อขอบคุนมากเลยนะค่ะ

เมี่ยง ร้านน้องปอ อร่อยมากค่ะ

ขอบคุณมาก หาวิธีทำ

เมี่ยงแคบหมูมานานเจอและ

กินมาตั้งนานเพิ่งจะรู้ชื่อจริงว่ามันคือเมี่ยงแค๊ปหมู ไปบ้านเพื่อนที่ตากเขาห่อมาเลยลองชิมดู ติดใจจนถึงทุกวันนี้ ขึ้นเหนือทีไรต้องแวะไปหาแม่เพื่อนที่ตาก แล้วก็ซื้อเมี่ยงกลับมาด้วย ล่าสุด มกราคม 2556 ยังคำละบาทเหมือนเดิม อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท