ประเมินตนเองในรอบ 3 เดือนแรก โดยวิเคราะห์จาก "วิธีการเขียนบันทึก"


การเขียนบันทึกดี ๆ สักบันทึก เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยนะครับ

การเขียนบันทึกที่ดี เป็นอย่างไร .. คำถามนี้ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

แต่ .. ผมจะขอใช้ "ประสบการณ์ในการอ่านและการเขียนในรอบ 3 เดือนแรก" นี้ มาลองตอบปัญหานี้ดูนะครับ

การจะเขียนบันทึกสักเรื่อง ผมก็คิดแล้วคิดอีก แต่โดยส่วนใหญ่ จะเลือกเรื่องที่เป็น "ประสบการณ์ตรง" ที่ผมได้รับ เช่น

หรือ เป็นเรื่องราวที่ผม สงสัย ใคร่รู้ คือ ไม่รู้เรื่องกับเขา เช่น

การเขียน .. ต้องสมาธิในการเขียนอย่างมาก ... เขียนบันทึกอาจจะใช้เวลาเกิน 1 ชั่วโมง เหมือนต้องใช้สมองตัวเองอย่างมากในการประมวลความคิด ... เขียนเสร็จจะล้าและอ่อนเพลีย จนต้องไปหาเครื่องดื่มชูกำลังมากินสักขวด (เปรียบเปรย)

ดังนั้น จากประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสอ่านบันทึก และเขียนบันทึก ไม่ว่าจะเป็นของตัวเอง ของกัลยาณมิตร หรือของท่านอื่น ๆ ใน Gotoknow ทำให้ผมลองเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้ในความคิด แล้วลองนำมาวิเคราะห์ตามความคิดเห็นของตัวเองให้ท่านลองพิจารณากันดู

ซึ่งสำหรับผมแล้ว  การเขียนบันทึกที่ดี ๆ หมายถึง ...

  • ควรเขียนบันทึกจากประสบการณ์ตรง (ประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ การมองเห็น การได้ยิน การรับรส การได้กลิ่น และการสัมผัส) เพราะประสบการณ์ของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ต่างความคิด ต่างมุมมอง นี่เป็นเสน่ห์ที่สุด
  • ควรเขียนบันทึกจากการประมวลความรู้ที่มีอยู่ในตัว ออกมาเป็นงานเขียนที่แสดงความตัวตนของตัวเองมากที่สุด ไม่ว่าจะเคยอ่านหนังสือมากี่เล่ม ดูหนังมากี่เรื่อง ฟังผู้รู้เล่ามากี่คน ถ้าเขียนโดยผ่านมันสมองของตัวเองออกมา กลั่นกรองความคิด งานเขียนนั้น ก็ย่อมน่าสนใจเป็นอย่างมาก

และบันทึกที่ไม่ดี ไม่น่าสนใจ ในความคิดส่วนตัวของผม คือ

  • บันทึกที่ลอกความคิดของคนอื่น หรือ ข้อเขียนเขามาทั้งดุ้น โดยไม่ผ่านกระบวนการวิเคราะห์หรือกลั่นกรองของตัวเองก่อน เจอปุ๊บ ลอกปั๊บ .... (ผมขอว่าตัวเองก็แล้วกัน เพราะผมก็มี บันทึกที่แย่ ๆ แบบนี้) แต่ถ้าจะให้ดี ผมมีข้อแนะนำครับ ... คือ ให้นำสิ่งที่ตนเองสนใจ มาผ่านความคิดของตัวเองก่อน หลังจากนั้น จึงค่อยเขียนมาทีละประเด็น แล้วสอดแทรกความคิดส่วนตัวของตนเองไปด้วย แล้วจะมีคนมาแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ จะทำให้เกิดประโยชน์มากกว่าการลอกมาโดยไม่คิดอะไรเลย
  • บันทึกที่ไม่รู้จะเขียนอะไร แต่จะเขียน หรือ ถูกบังคับให้เขียน .. ดังนั้นเวลาเขียนออกมา ก็ได้ความยาวเท่าหางอึ่ง 2 บรรทัดบ้าง 3 บรรทัดบ้าง ... ดูไม่มีประโยชน์ แต่เป็นการลองใช้งาน Gotoknow มากกว่า แบบนี้ต้องปรับปรุง เพิ่มเติมให้มีแนวความคิดของตนเองอยู่บ้าง จะดีไม่น้อย
  • บันทึกที่ขาดความนุ่มนวลในสำนวนการเขียน ส่อไปในทางการโจมตี การระบายอารมณ์ มากกว่า การแสดงเหตุ และ ผล ของสิ่งที่ตนเองคิด ... เหมือนกับการโยนลูกบอลเข้าฝาผนัง เมื่อโยนแรง ๆ ลูกบอลก็กระเด้งกลับมาแรง และเร็วเช่นกัน ... ผลของความคิดเห็นจึงไม่ค่อยสร้างสรรค์นัก ... คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เข้าไปอ่านก็พาลเสียอารมณ์ และมีอคติกับบุคคลผู้นั้นไปเลย ... ขอแนะนำให้ใช้คำว่า "เหตุ" คือ ที่มา และ "ผล" คือสิ่งที่ได้รับจากเหตุ เป็นหลักในการเขียนจะดีที่สุด (สำหรับตัวเอง)
  • บันทึกที่เขียนเหมือนไดอารี่ คือ เขียนเล่าเรื่องราวในแต่ละวันมากเกินไป เช่น วันนี้อากาศดีจัง วันนี้อารมณ์ไม่ดีเลย วันนี้ส่งหัวข้อปริญญาเอกให้อาจารย์ตรวจแล้วนะ อาจารย์จะว่าไงหนอ ... ถ้าเขียนให้มี "ความพอดี" สอดแทรกประสบการณ์ที่น่าคิดลงไปด้วย จะทำให้บันทึกลักษณะนี้ ดูดีขึ้นมาทันที เพราะเรากำลังแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ... ทุก ๆ วันจะมีคนเข้ามาแสวงหาความรู้ ... เขียนเพื่อให้ความรู้ ดีกว่า เขียนไปงั้น ๆ นะครับ (ประเด็นนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ... เดี๋ยวไปถูกใจดำใครล่ะ ขออภัยมา ณ ที่นี้นะครับไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีเลย)

 

พอก่อนนะครับ ... 3 เดือน ได้มาแค่นี้แหละ ชักเริ่มเครียด ... เขียนไป ก็จะไปโดนใครเข้า ... จะเสียบรรยากาศกันเปล่า

แต่ขอถือเป็นแค่ "ความคิดส่วนตัว" ของคน ๆ หนึ่งนะครับ ... ถ้ามีอะไรอยู่ในหัวสมองขี้เลื่อยของผมอีกในภายหลัง จะมาเพิ่มเติมให้นะครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่าน

บุญรักษา .. คนดีทุกท่านนะครับ

:)

บันทึกหน้านี้ ต่อจาก ... (เรียงตามลำดับการบันทึก)

หมายเลขบันทึก: 152875เขียนเมื่อ 11 ธันวาคม 2007 18:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 17:03 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

สวัสดีคะ อาจารย์

กำลังย้อนมองดู วิธีการเขียนบันทึก ของตัวเองทีละข้อ ทีละข้อ ตามที่อาจารย์เขียนไว้....ว่าเข้าข่ายบันทึกที่ไม่ดี ไม่น่าสนใจหรือไม่

ทุกครั้งที่เขียนบันทึกรู้สึกเหมือนใช้พลังไปพะเลอเกวียน...คิดนาน เขียนนาน ทั้งๆ ที่ไม่อยากหายไปจากบล็อกนานๆ แต่ถ้าคิดไม่ออก ไม่มีข้อมูลในสมอง กลั่นออกมาไม่ได้ ก็ได้แต่อ่านของคนอื่นไปเรื่อยๆ เก็บเกี่ยวความรู้ไว้รอถึงวันเกิดของบันทึกตัวเองในแต่ละเรื่องคะ

ตั้งใจไว้ว่าจะคิดให้ไวขึ้น อ่านให้ไวขึ้น และเขียนให้ไวขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าจะต้องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จากการเรียนรู้ในโลกเสมือนจริงแห่งนี้ในไม่ช้า...แน่นอน

ขอบคุณมากคะ

---^.^---

สวัสดีค่ะ..อ.วสวัสดีมาร

"...แหม อาจารย์ไม่ต้องเยี่ยมบันทึกผมทุกวันก็ได้ครับ บางที ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า จะเขียนอะไรดี .. ผมถือว่าการเขียนเป็นการฝึกฝนตนเองครับ ...คิดแล้วกลั่นกรอง ประมวล เรียงลำดับความคิด แล้วค่อยเขียน ... เชื่อไหมครับว่า กว่าจะเขียนได้สักบันทึก ก็เหนื่อยครับ เตรียมการกันนานกว่าจะเขียนออกมาได้..."

  • วิ่งตามอ่านงาน..ของอาจารย์แทบไม่ทันเลยค่ะ..ตัวก็เล็ก..วิ่งไปด้วย..ล้มไปด้วยค่ะ..เหนื่อยจัง(ไม่เหมือนที่อาจารย์พูดเลยค่ะ..ข้างบน)
  • เคยได้ยิน คำว่า "คน Copy คน"  อยู่ค่ะ  แต่ไม่ได้สนใจ  มาพบเดี๋ยวนึ้แหละแหละค่ะ..ศน. Copy  อาจารย์มหาวิทยาลัย..
  • เคยยกตัวอย่างให้คุณครูฟังเสมอค่ะ..งานของครูต้องไม่เพียงแต่โยนบอลเข้าฝาผนังเท่านั้น  ..ลูกบอลที่สะท้อนคือ "ลูกศิษย์คุณครู"..มาพบที่อาจารย์ยกตัวอย่างนี่แหละ..ค่ะ..Amazing จริงๆ
  • ฟันธงค่ะ..Copy  อีกแล้ว "งานจากประสบการณ์ตรง...ทรงคุณค่าที่สุด"
  • คุณพระคุ้มครอง ...อาจารย์..วสวัตดีมาร..ค่ะ..วัชราภรณ์

ควรเขียนบันทึกจากประสบการณ์ตรง (ประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ การมองเห็น การได้ยิน การรับรส การได้กลิ่น และการสัมผัส) เพราะประสบการณ์ของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ต่างความคิด ต่างมุมมอง นี่เป็นเสน่ห์ที่สุด

  • ควรเขียนบันทึกจากการประมวลความรู้ที่มีอยู่ในตัว
  •  

    สวัสดีครับ ... น้อง พิมพ์ดีด

    • มาตอบคนแรกเลยนะครับ ... :)
    • น้อง พิมพ์ดีด  อย่าได้ไล่ตามลำดับความคิดเลนะครับ ... การเขียนบันทึกในครั้งนี้ ไม่ได้อาศัยหลักวิชาการที่ผ่านการรับรองใด ๆ มาเขียน
    • เขียนไปตามประสบการณ์ ความรู้สึกนึกคิด ที่น้อง พิมพ์ดีด  อย่าลืมว่า พี่น่ะ "วสวัตดีมาร" นะจ๊ะ ... มีดี ก็มีไม่ดีเหมือนกันนั่นแหละ
    • หลังจากเขียนไปบันทึกแล้วก็มาคิดหนักใจในแนวคิดของตัวเองอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องของคำว่า "การบันทึกที่ไม่ดี ไม่น่าสนใจ"
    • หลังจากกลับวิเคราะห์ ลำดับความคิด เมื่อคืนนี้มาอีกรอบ ก็ฟันธงไปได้ว่า บันทึกหน้านี้ เป็นการเขียนโดยอิงจาก "การเกิดองค์ความรู้" เป็นหลัก
    • ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์การเขียนที่เกิดจาก "การเขียน เพราะอยากเขียน" จริง
    • ถือเป็นแง่มุมหนึ่ง ที่ไม่ได้ครอบคลุมความรู้สึกของการแสวงหาความรู้ทั้งหมดจริง
    • ทั้ง ๆ ที่ "บันทึกที่ไม่ดี" ที่นำเสนอไปนั้น บางทีอาจจะเป็นสิ่งที่กระทำได้จริง ๆ เช่น การเขียนบันทึกประจำวัน ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ผิด หรือสิ่งที่ไม่ดี แต่คนอ่านอาจจะต้องนั่งคิด วิเคราะห์นานกว่าปกติ จึงจะเข้าใจความนึกคิด ความต้องการสื่อของคนเขียน หมายถึง ต้องนั่งเข้ารหัสอีกรอบ จึงจะเข้าใจได้

    ที่น้องบอกว่า "ตั้งใจไว้ว่าจะคิดให้ไวขึ้น อ่านให้ไวขึ้น และเขียนให้ไวขึ้น"

    แหม ... ถ้าทุกคนเป็นเหมือนกันแบบนั้นก็ดีซิครับ แสดงว่า เป็นคนสมองดี มีไหวพริบ คิดไว ตอบไว แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่ ใช่ไหมครับ ... มนุษย์มีความแตกต่างระหว่างบุคคล มีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน มีความสามารถแตกต่างกันไปคนละด้านเนาะ

    แต่ยังไง ... ก็ให้กำลังใจนะครับ ขอให้เป็นไปตามใจปรารถนานะครับ ถ้าคิดว่า สิ่งนั้นดีจริงสำหรับตัวเอง

    ขอบคุณมาก ๆ เลย

    บุญรักษา คนดี ครับ :)

     

    สวัสดีครับ ... ท่านอาจารย์ วัชราภรณ์ วัตรสุข

    • ขอบพระคุณครับ มาเยี่ยมเยียนกันสม่ำเสมอ นี่ผมว่า จะไม่เขียน ๆ แล้วนะครับ .. อึดอัด ทนไม่ได้ ก็เลยต้องเขียนมาสักหน่อย
    • สิ่งที่ผมนำเสนอในบันทึกหน้านี้ เป็นเรื่องการเขียนบันทึกที่ผมอ้างอิงจาก "การเกิดองค์ความรู้" นะครับ
    • นี่ถ้าเกิดใช้เกณฑ์อื่นมาคิด ... มีบางความเห็นที่ไม่น่าจะใช่คำตอบที่ถูกต้องครับ เช่น
    • บางทีการบันทึกแบบไดอารี่ อาจจะทำให้เกิดความรู้จริง ๆ ก็ได้ อีกทั้งไม่ได้ผิดกฏเกณฑ์ประเพณี แนวปฏิบัติใด ๆ อันนี้ คงจะเป็นความชอบส่วนตัวมากกว่าครับ ผิด หรือ ถูก ก็ไม่ทราบ
    • เพราะเคยเห็นมีบันทึกลักษณะ "บันทึกส่วนตัว" กันอยู่หลายท่าน เหมือนกับพูดไปอย่างนั้น ๆ โดยไม่ได้ต้องการความคิดเห็นใด ๆ นอกจาก ดีจัง เห็นด้วย น่ารักดี ... ถ้าเป้าหมายของผู้บันทึกออกเป็นแบบนี้ น่าจะเขียนไดอารี่ออนไลน์จึงจะเหมาะสมกว่าครับ เช่น diaryhub diaryclub diaryis เป็นต้น
    • ประเด็นนี้ น่าจะขึ้นอยู่ "เป้าหมายในการเขียนมากกว่าครับว่าต้องการอะไรกันแน่"
    • เพื่อน กัลยาณมิตร เครือข่าย การแสดงความคิดโดยแท้จริง หรือ เขียนไปแบบเลื่อนลอย ออกทำนองคุยเขื่องมากเกินไป แบบนี้ สำหรับผม คงไม่ชอบอ่านครับ
    • ความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่มีหลักวิชาการมารองรับ
    • อาจารย์จงอย่านำไปบรรยายให้คุณครูทั้งหลายฟังนะครับ ... เค้าจะว่าอาจารย์เปล่า ๆ

    ยังไงก็ขอบคุณมากครับที่แวะมาให้ความเห็นเสมอ

    บุญรักษา คนดี ครับ

    สวัสดีครับ ท่าน  Wasawat Deemarn

    ช่วงนี้ผมเองรู้สึกล้ามากๆครับ ก็เลยว่างเว้นการเขียนบันทึกไป แต่ก็เข้ามาอ่านบันทึกของท่านบ่อยๆ ช่วงหลังเพิ่มความเข้มข้นขึ้นมาเรื่อยๆ น่าสนใจมากครับ

    ผมเองให้ความสำคัญกับบันทึกผมมาก แต่ก็นั่นอีกหละครับ ผมแบ่งบลอกผมออกเป็น ๔ แนว แต่ละแนวก็แตกต่างกัน มีส่วนที่เขียนงานเขียนความคิดออกมา และมีส่วนที่เป็นเรื่องเบาๆอยากเขียนอะไรก็เขียน รวมถึงบันทึกธรรมะติดปีกแบบผมด้วย...

    และให้ความสำคัญในการตอบด้วยครับ เป็นการให้เกียรติคนมาให้ข้อเสนอแนะ รวมถึงเกิดการต่อบอดความรู้ที่ได้ประโยชน์โดยส่วนรวม

    อย่างที่บอกว่าผมชอบคนที่สมาร์ทโดยเฉพาะความคิด ชอบคนที่กล้าคิดในมุมที่เขาคิดและแสดงออกมา โดยมีเนื้อหา บริบทสนับสนุน บันทึกแบบนี้เป็นบันทึกที่ผมชื่นชอบมากครับ

    แต่ทุกอย่างคือการพัฒนาครับ

    ดังนั้นวันนี้เขียนได้ดีเท่านี้ ผมคิดว่าเราควรพัฒนาไปเรื่อยๆ เหมือนงานวิจัย ที่นำไปสู่การตอบโจทย์ระดับสังคมใหญ่ได้  ผมหวังถึงขนาดนั้นเลย

    และผมเชื่อว่า วิธีคิดแบบตรงไปตรงมาแบบ วสวัสดีมาร ในอนาคตเป็นการระดมพลังทางสังคมอีกรูปแบบหนึ่ง แบบพลังบวก พลังปัญญาครับ

    ขอชื่นชมและให้กำลังใจครับ

    สวัสดีครับ ... คุณเอก

    • คำพูดเฉียบคม ... และกระชากใจผมดีจริง
    • สิ่งที่ได้ผมสัมผัสในการเขียนบันทึกในรอบ 3 เดือนแรก ผมก็คิดอยู่เสมอว่า การประเมินครั้งนี้ทำให้ผมได้มีโอกาสในการพิจารณา และดูความคิดของตัวเองว่า ขณะจิตนี้ ผมคิดอะไรอยู่
    • เพื่อในอนาคตต่อไป ... ผมจะได้สัมผัสคำว่า "พัฒนาตน" ให้ได้ดีกว่าปัจจุบัน
    • การให้ความสำคัญทั้งการเขียนและการตอบนั้น เรียกว่า ความใส่ใจ หรือเอาใจใส่ต่อตัวเองและผู้อื่นในระยะเวลาเดียวกัน
    • เรื่องนี้ เห็นควรส่งเสริมและแสดงการสนับสนุนอย่างเป็นทางการครับ
    • การตอบด้วยความเอาใจใส่ คือ การต่อยอดความรู้ การรับน้ำใจกัลยาณมิตรที่แสดงออกมา แล้วเราก็แสดงตอบกลับไป ครับ ย่อมทำให้เครือข่ายกัลยาณมิตรของเราเข้มแข็ง และหล่อหลอมความแข็งแกร่งให้เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ครับ
    • ก็รู้สึกตัวเองเหมือนกันครับว่า ยิ่งเขียนยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ... รอวันจบตอนอยู่เหมือนกันครับ ... อยากเขียนเบา ๆ เหมือนกัน 555

    ขอบคุณมากครับ คุณเอก สำหรับกำลังใจที่ฝากไว้ให้ แต่ห้ามคาดหวังว่า จะพัฒนาดีขึ้นนะครับ อาจจะพัฒนาลงก็ได้ ใครจะรู้ 5555

    เห็นด้วยในหลายประเด็นครับ โดยส่วนตัวผม ผมชอบบันทึกที่มีลักษณะดังนี้

    1.ไม่ยาวมาก (ผมเจอบางคนที่เขียนสั้นแต่ work เช่น อาจารย์เต็มศักดิ์)

    2.ใช้สำนวนที่เป็นตัวของตัวเอง (ผมชอบของอาจารย์สกล pheonix)

    3.เนื้อหาแสดง fact และ ความเห็นที่แยกกันให้ชัดเจน เพราะบางครั้งเขียนจนแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร

    4.สุดท้ายคือ ไม่ตัดสินอะไรจนเกินไป

    หลายบันทึกน่าสนใจมากในบันทึกของ อาจารย์P  Wasawat Deemarn

    ยินดีรู้จักครับ

    ขอบคุณ คุณหมอโรจน์ ครับ :)

    ขอบคุณที่ให้เกียรติ ครับ

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท