วันนี้ ได้รับรู้รับฟังอีกเรื่อง ที่ขุดคุ้ยความรู้สึกผิดบางอย่างในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง
ครั้งหนึ่งเมื่อเกือบ ๑๐ ปีมาแล้ว ฉันเคยได้ทำงานให้ความช่วยเหลือชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ในชุมชนแห่งหนึ่ง ที่มีปัญหาเรื่องการไม่มีสัญชาติไทย ให้ได้รับสัญชาติไทยตามสถานะทางกฎหมายที่ควรจะมี
ซึ่งก็ได้รับความ "สำเร็จ" พอสมควร ได้ช่วยให้ชาวบ้านจำนวนมากในชุมชนนั้นได้รับบัตรประชาชนไทย
ภายหลังจากนั้น ... หลังจากสงครามปราบปรามยาบ้า ... ฉันได้กลับไปเยี่ยมชุมชนนี้อีกครั้งหนึ่ง และได้รับทราบข่าวที่น่าใจหายว่า ชาวบ้านและเยาวชนจำนวนมากที่ฉันได้เคยรู้จัก หลายคนถูกวิสามัญ อีกหลายสิบคนถูกจับอยู่ในคุก !!
ฉันได้แต่มานั่งคิด และรู้สึกผิดว่า การช่วยให้เขามีสัญชาติไทยในยามที่กระแสบริโภคนิยมรุนแรง ขณะที่พวกเขาถูกจำกัดเรื่องที่ดินทำกิน และปัจจัยดำรงชีพอื่นๆ เช่นนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เขาไปค้ายาบ้าได้อย่างอิสระเสรีมากขึ้นหรือไม่?? (อย่างน้อยเมื่อก่อนพวกเขาไม่มีบัตร ก็ยังถูกจำกัดสิทธิเรื่องการเดินทางอยู่บ้าง)
แม้จะรู้สึกดีขึ้นบ้าง เมื่อมีบางคนพยายามปลอบใจในอีกแง่หนึ่งว่า การที่เขาถูกจำกัดสิทธิเช่นที่ผ่านมา อาจมีส่วนให้เขาตัดสินใจแบบไม่มีทางเลือกเช่นนั้นมากกว่า และเรื่องสิทธิก็เป็นสิ่งที่พวกเขาควรจะได้ ไม่เกี่ยวกันก็ตาม
แต่ข่าวล่าสุดเช้านี้ ก็ทำให้ฉันหดหู่ใจขึ้นมาอีกครั้ง
หลายปีหลัง ชาวบ้านหลายคนเลือกหาทางออกให้วิถีชีวิตใหม่ท่ามกลางกระแสวัตถุนิยม ด้วยการไปทำงานต่างประเทศ เพื่อส่งเงินกลับมาให้ครอบครัวใช้จ่าย และสร้างบ้าน
แต่ปรากฎการณ์ปัจจุบันในหมู่บ้านแห่งนี้ที่ฉันได้ยินได้ฟังมาคือ บรรดาภรรยาทั้งหลายที่สามีไปทำงานส่งเงินมาให้นั้น ได้นำไปใช้ในการแสวงหาความสนุกกับผู้ชายมากหน้าหลายตาทั้งในและนอกหมู่บ้าน จนเป็นที่รับรู้กัน คนหนึ่งในหมู่บ้านที่มาเล่าให้ฉันฟังเรียกสิ่งนี้ว่า "โรคระบาดใหม่" ของหมู่บ้าน !!
ฉันเลยต้องหันมามองดูความพยายามที่ฉันกำลังอยากเริ่มงานพัฒนาในชุมชน .. สวัสดิการชุมชน .. กองทุนการเงิน ..ฯลฯ แล้วจะทันกับปัญหาสังคมในชุมชนที่รุนแรงเช่นนี้ได้ไหมหนอ ??
การพัฒนาที่สำคัญที่สุด คงต้องเป็นการพัฒนาจากข้างใน ในจิตวิญญาณของพวกเขาและ...ฉันเอง ที่จะได้ตระหนักถึง "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์" ที่แท้จริงของตน
ประสบการณ์เป็นครูที่จะช่วยให้งานที่จะดำเนินการต่อไปอยู่บนพื้นฐานของความรอบคอบมากยิ่งขึ้น ไม่มีใครทราบล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แต่เราอาจจะคาดการณ์จากประสบการณ์ได้เพียงบางส่วน เพราะอนาคตอาจมีสิ่งเร้าที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ขอเป็นกำลังใจให้ค้นพบการสร้างสะพานที่มีคุณภาพ นำไปสู่ความสุขอย่างแท้จริงและยั่งยืน
คุณ pilgrim น่าจะทำดีที่สุดแล้ว
บางทีสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด พอๆกับเป็นสิ่งที่เราต้อง "ทำใจ" มากที่สุด คือ "การลื่นไหลของจิตวิญญาณ"
(การลื่นไหลที่ว่านี้ ชัดเจนมากเวลาเราพูดถึง "จิตวิญญาณธรรมศาสตร์)
"ความดี"นั้นเปลี่ยนนิยามไปตามค่านิยม
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
มาอำนวยอวยพรให้คนดีพบแต่สิ่งดี ๆ ตลอดปีใหม่ค่ะ
ขอเป็น "กำลังใจ" ให้เข้มแข็ง และให้มีพลังในการสร้างสรรสังคมที่ดีงามตลอดไปนะคะ
ช่วงนี้พี่ไปเหนือบ่อย ๆ ค่ะ แต่อยู่แถว ๆ เชียงใหม่ ลำพูนและลำปางค่ะ จะหาโอกาสแวะไปเยี่ยมไปคุยกับ "สาวน้อย" ที่เชียงรายสักวันค่ะ แล้วพี่จะส่งข่าวให้ทราบนะคะ
ดูแลตัวเองด้วยค่ะ อากาศทางเหนือบนดอยคงเย็นมากใช่ไหมคะ
คิดถึงค่ะ