แต่ก่อนใครๆก็ว่าแต่จีนล้าหลัง ของจีนไม่ดี คนจีนยากจน มีแต่เรื่องบ่นจีน


เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างมากทำให้ประชากรหลุดพ้นจากชีวิตความยากไร้
ผมเคยอ่านการคาดการณ์ความเจริญของโลก  ในหนังสือ Megatrend Asia เมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา  ก่อนเกิดวิกฤต เศรษฐกิจโลก ศึกษาโดยนาย John Naisbitt เขาทำนายไว้ว่า  มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ  จะไหลกลับมาอยู่ที่ญี่ปุ่น จีน เกาหลี และอาเซียน 
ธนาคารโลกวิเคราะห์ว่าในปี ค.ศ.2025 จีนจะเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลก ตามด้วยสหรัฐฯ อินเดีย และเยอรมนี สหรัฐฯจัดตั้งทีมวิเคราะห์พบว่าน่าจะเป็นไปตามนั้น 
สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปจึงร่วมมือกันสกัดกั้นความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนไว้ให้ได้ โดยใช้มาตรการระเบียบโลกใหม่เข้ามากดดันคือ สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย สิ่งแวดล้อม และ การค้าเสรี 
จีนต่อสู้โดยไม่ยอมอ่อนข้อให้  ประกอบกับเงินสกุลหยวนของจีนยังไม่อยู่ในระบบการเงินสากล  สหรัฐฯ จึงต้องโจมตีเครือข่ายของจีนคือบรรดาประเทศที่ตั้งเวลาตรงกับจีน เช่น ไต้หวัน เกาหลี มาเลเซีย ไทย สิงคโปร์และ อินโดนีเซีย  นี่คือความเป็นไปของโลกที่ผ่านมา  ทุกอย่างเป็นไปตามการคาดการณ์อนาคต  แม้จะถูกสกัดกั้นทำลายทุกวิถีทาง 
ช่วงไม่กี่ปีมานี้จีนกลายเป็นผู้นำการพัฒนาแบบเนรมิตรประเทศ
ยุทธศาสตร์การต่อยอดความคิดจากสิ่งที่ดีๆทั่วโลก
จะเห็นว่าสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆในจีนแพร่ออกมาแต่ละอย่างทำให้คนฉงนทั้งโลก  ว่าเป็นไปได้อย่างไร  เช่นรถไฟความเร็วสูงของโลกที่จะมีเฉพาะประเทศมหาอำนาจเท่านั้นเช่น ชิงกันเซ็น ของญี่ป่น  TGV ของฝรั่งเศส  GE ของเยอรมัน จีนคิดแบบต่อยอด  ขบวนแรกซื้อมาจากเยอรมัน  พัฒนาต่อยอดร่วมกันลิขสิทธิ์ขบวนใหม่เป็นของจีนมีโรงงานสร้างพร้อม  แถมสามารถวิ่งสู่ธิเบต ที่เป็นดินแดนสูงสุดของโลก  ระยะทาง 1000 กม.อะไรจะคิดได้ปานนั้น
จีนประกาศเป็นประเทศที่สามในการผลิตเครื่องบินโดยสารของโลก  แข่งกับแอร์บัส  ของฝรั่งเศส  และ แอร์บัส ของแมคเดอนัล  ของอเมริกา
เมื่อไม่นานมานี้จีนส่งจรวดออกนอกโลก  คนมารู้เมื่อทำสำเร็จแล้ว  นอกจากนั้นยังมีอีกหลายสิ่งที่เกิดขึ้นไนจีน  น่าเหลือเชื่อ  ผมไปมาหลายประเทศในช่วงเวลาที่ผ่านมา  ไปห้างไหนเจอแต่ของจีนเต็มห้างตั้งแต่ 50-80% ของในห้างทั้งหมด
หันมาดูก้าวต่อไปกับการพัฒนาภายในของจีน 
รัฐบาลจีนดำเนินยุทธศาสตร์ ก้าวออกไป

สำหรับภายในประเทศของจีน

ปรับปรุงนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ทั้งการนำเข้าและการลงทุนในต่างประเทศ  โดยใช้ทุนจากต่างชาติ  รายได้ของประชากรเพิ่มขึ้นค่อนข้างรวดเร็วและทั่วถึง มีการปฎิรูปเงินเดือนข้าราชการ

รัฐช่วยเหลือคนมีรายได้ต่ำ เพิ่มรายได้ขั้นต่ำของแรงงานชนบทให้สูงขึ้น  ใช้นโยบายแบ่งปันรายได้และนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร ให้สิทธิพิเศษแก่เกษตรกร  ทำให้คนในเมืองและชนบทมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

งดเก็บค่าเล่าเรียนภาคบังคับทั่วประเทศในชนบท ทำให้  150  ล้านคน ลดภาระทางเศรษฐกิจ

สร้างระบบประกันชีวิต  ของคนขั้นต่ำในชนบททั่วประเทศจีน  โดยจัดสรรทุน 201,900 ล้านหยวน เพื่อเสริมสร้างระบบประกันสังคม

ให้เงินช่วยเหลือ 10,100 ล้านหยวนเพื่อรักษาพยาบาลคนในชนบทแบบใหม่ โดยได้ขยายขอบเขตพื้นที่ออกไปถึง 80% ทั่วทั้งประเทศ

 

ตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมาเศรษฐกิจจีนพัฒนาอย่างรวดเร็ว GDP โตประมาณ 10%  ต่อปี ใน 5 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของจีนมีอัตราขยายตัว 13%  ต่อปี

ปี 2005 เศรษฐกิจของจีนโตกว่าอังกฤษมาอยู่ในอันดับ 4 ของโลก รองลงมาจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและ เยอรมัน ได้เปรียบดุลการค้า 136,817 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตกว่าระยะเดียวกัน 81%

จีนกลายเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ดึงทุนต่างชาติมากที่สุด เงินตราต่างประเทศสำรองของจีนมีถึง 1,330,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่ากังวลว่าจะเป็นอันตรายกับไทยสำหรับจีน  ไทยมีแต่ได้แม้จะสายไปสำหรับความร่วมมือ  จีนก็ยังคอยไทยผู้ไร้ทิศทางเสมอ

 

         

หมายเลขบันทึก: 152371เขียนเมื่อ 9 ธันวาคม 2007 13:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

สวัสดีครับคุณลุงเอก

ผมคิดว่าทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้วว่า ทั้งจีนและอินเดียยังมีศักยภาพที่พัฒนาประเทศตัวเองอีกมากครับ หลายคนคิดว่าเพราะจำนวนประชากรที่มีมากมายมหาศาล ทำให้สามารถผลิตของที่มีราคาถูกได้ เนื่องจากค่าแรงที่ถูก และทำให้สินค้าจีนนั้นตีตลาดไปทั่วโลก ในขณะที่อินเดียนั้นพยายามครองโลกด้านการบริการและซอฟแวร์

จะว่าไปมันก็ไม่ถูกทั้งหมดนะครับ เพราะว่าคนจีนและคนอินเดียที่มีคุณภาพมีการศึกษาสูงๆนั้น มีจำนวนเยอะมากๆ แถมปัจจุบันยังมีโครงการร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยจีนกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกอีกด้วย นี่ยังไม่นับความเป็นชาติก็อปปี้ ที่ก็อปปี้มาก่อนแล้วมาปรับปรุงดัดแปลงทีหลัง เพื่อที่จะทำให้สินค้าตัวเองมีคุณภาพมากขึ้น

แต่ในขณะที่ทุกๆคนมองประเทศจีนอย่างสวยหรู ก็มีหลายๆคนค่อนข้างจะกังวลเกี่ยวกับประเทศจีนอยู่อย่างนะครับ นั่นก็คือเรื่องการปกครอง เพราะว่าสภาพเศรษฐกิจนั้นมีผลโดยตรงต่อการปกครอง การที่เรามีความกินดีอยู่ดีมากขึ้น ทำให้เราต้องการมีอิสรภาพมากขึ้น นี่ยังไม่รวมถึงเสรีด้านข่าวสาร ที่อาจจะทำให้คนจีนหลายๆคนนั้น อาจจะเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยขึ้นมาเมื่อไรก็ไม่ทราบได้ (แต่โดยส่วนตัว ผมคิดว่าคนจีนนั้นค่อนข้างจะหัวการค้า มากกว่าจะพยายามเข้าไปเปลี่ยนอะไรทางการเมืองนะครับ (จากการที่คุยกับเพื่อนคนจีนนะครับ))

แต่คุณลุงครับที่คุณลุงพูดว่า "เงินสกุลหยวนของจีนยังไม่อยู่ในระบบการเงินสากล  สหรัฐฯ จึงต้องโจมตีเครือข่ายของจีนคือบรรดาประเทศที่ตั้งเวลาตรงกับจีน เช่น ไต้หวัน เกาหลี มาเลเซีย ไทย สิงคโปร์และ อินโดนีเซีย" นั้นผมไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำว่า ระบบการเงินสากลครับ ผมไม่แน่ใจว่าคุณลุงหมายความว่าอัตราการแลกเปลี่ยนเงินสกุลหยวนนั้น เป็นระบบตะกร้าหรือเปล่า ไม่ใช่ระบบลอยตัว ส่วนเรื่องที่ประเทศสหรัฐไม่ได้โจมตีค่าเงินหยวนนั้นไม่ใช่นะครับ โจมตีครับ แต่สู้ไม่ได้ครับ เพราะทุนเมืองจีนนั้นหนา

ประเทศจีนนั้นเป็นประเทศที่มีอัตราส่วนคนออมเงินสูงมากครับแทบจะเรียกได้ว่าสูงที่สุดในโลกเลยทีเดียว ทำให้รัฐบาลจีนนั้นมีเงินสำรองเยอะมาก

ผมเคยอ่านหนังสือหลายๆเล่ม ซึ่งโดยมากเขียนโดยนักหนังสือพิมพ์ชาวตะวันตก (ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเชื่อได้มากขนาดไหน) โดยมากเขายังมองถึงปัญหาเรื่องความแตกต่างระหว่างรายได้และการครองชีพของคนในเมืองและคนชนบทอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่รัฐบาลจีนยังคงมีกฏหมายที่ห้ามคนชนบทย้ายถิ่นทำกินอยู่ (อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะยังมีอยู่อีกหรือเปล่านะครับ)  แต่ผมก็เชื่อว่ารัฐบาลจีนนั้นพยายามปรับปรุงตรงนี้อยู่ อีกอย่างก็เรื่องความบิดเบือนของกฏหมายครับ โรงงานในเมืองจีนนั้นดับเบิ้ลสแตนดาร์ดสุดๆครับ โรงงานที่ต่างชาติเข้าไปตั้ง มีสแตนดาร์ดสุดหินครับ แต่ถ้าของคนจีนเอง ก็เรียกว่าทิ้งน้ำเสียกันให้เห็นจะๆครับ

แต่คุณลุงครับ การที่เมืองจีนนั้นมาถึงตรงนี้ได้ ก็เพราะคำว่าการค้าเสรีจริงๆนะครับ การค้าเสรีประกอบกับรัฐบาลที่ทำตัวเป็นหัวหอกในการพัฒนา ทำให้รัฐบาลนั้นสร้างระบบสาธารณูปโภคเพื่อเตรียมตัวสำหรับการพัฒนาขั้นต่อๆไป  

ผมคิดว่าความร่วมมือกับจีนนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นครับ ถ้าเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ผมคิดว่ายังไงเมืองไทยก็ไม่เสียเปรียบ แต่ถ้าเป็นความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ผมความรู้น้อยครับ ยังมองไม่ค่อยออกเท่าไร มองออกแต่ว่าจะเป็นการแข่งขันซะมากกว่า ซึ่งคนไทยนั้นค่อนข้างจะแหยง เพราะของจากจีนนั้นเรียกว่าแทบจะกางมุ้งขายเลยครับ โดยเฉพาะด้านราคา ทางรอดเดียวที่เอกชนไทยจะทำได้ ก็คงจะเป็นการถีบตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งล่ะครับ

ขอบพระคุณครับ

ต้น

  • ภาพพี่เราหายไป
  • จริงๆๆด้วยครับ
  • ไป New Zealand
  • เจ้าของร้านมีแต่ชาวจีน
  • งง ว่ามาผิดประเทศหรือเปล่า

หลานไปอ่านหนังสือ

ถูกต้องเลยจีนเลียนแบบญี่ปุ่นในยุคก่อน  แล้วต่อยอดเหมือนกันแม้แต่ไต้หวันก็เช่นกัน

หากเปิดประเทศมากขึ้นการปกครองอาจมีปัญหา  เพราะต่างชาติแทรกแซงได้ง่าย  แต่ลุงว่าคนจีนเริ่มมองเห็นหนึ่งประเทศสองระบบนั้นไปไกลกว่าประชาธิปไตยร้อยเปอเซ็นต์

เงินสกุลหยวนของจีน พี่พูดคือเมื่อสิบปีมาแล้ว  เดี๋ยวนี้ก็ยังไม่อยู่ในระบบทั้งหมด  สหรัฐฯเรียกร้องทุกวี่ทุกวันเพราะจะตายอยู่แล้ว  แต่จีนก็ไม่ยอม

ลุงไปฟังธนาคารชาติสาขาภาคเหนือบรรยายบอกการค้าทางภาคเหนือไทย  จีนใช้เงินสดส่วนใหญ่ไม่ยอมเข้าระบบ  ช่วงลุงไปเขาบอกถึง 90%  จีนรู้ว่าถ้าเข้าระบบร้อยเปอเซ็นต์ก็ถูกคนปั่นได้  ขณะนี้โลกใช้เงินอิงยูเอสดอลล่าร์และยูโรดอลล่าร์  กลุ่มมุสลิมยิ่งต่อต้านใหญ่  คงจำได้ผู้นำอิหร่านบอกจะไม่ซื้อขายของเป็นเงินสกุลยูเอสดอลล่าร์

การโจมตีค่าเงินขณะนั้นโจมตีทุกประเทศ  อิงการค้ากับจีน  แต่จีนไม่อยู่ในระบบและช่วยประเทศเอเชียด้วยการไม่ลดค่าเงิน  เห็นด้วยกับหลานที่บอกจีนมีเงินออมมาก  เพราะไม่เปิดประเทศให้ใครไปใช้

ลุงไม่เชื่อหนังสือตะวันตกมานานแล้ว  ตัวอย่างลุงไปอิหร่านมาขอบอกว่าไม่ได้เป็นอย่างหนังสือที่เขียนๆกันเลย  มีโอกาสลุงจะเล่าในบันทึกอีกเรื่องหนึ่ง   นักธุรกิจใหญ่คนหนึ่ง  ไปตามหลังลุงบอกต้องลบข้อมูลทิ้งทั้งหมด  เขามักเขียนสิ่งเท็จให้เราเชื่อเหมือนที่พูดใน UN สุดท้ายมาบอกว่าเรื่องอิรัคที่พูดใน UN ไม่ใช่เรื่องจริง  แต่คนตายไปหลายหมื่นคนแล้วจะทำอย่างไร

กฏหมายห้ามย้ายถิ่นทำกินนั่นนิทานโบราณ  จีนพยายามหนีออกจากมาตราฐานอเมริกาและยุโรป  และต้องการให้เข้ามาตราฐานจีน 

จีนมาถึงตรงนี้ได้ ไม่ใช่การค้าเสรี  ถ้าเป็นอย่างนั้นคงพังไปนานแล้ว  จีนใช้หนึ่งประเทศสองระบบ  

ความร่วมมือกับจีนของภาคเอกชนนั้นไปไกลแล้ว  ภาครัฐยังกลัวๆกล้าๆ  ที่ว่ากลัวคืออเมริกาลูกพี่จะว่าและกีดกัน  เอกชนนั้นมีซีพีเป็นตัวนำ 

ลุงเอกไม่อยากให้กลัวจีน  ลุงพานักศึกษาไปเข้าพบรองประธานประเทศอันดับหนึ่งของจีน  เขาพูดว่าเขามีความสัมพันธ์กับไทยมาก  ประการแรกเขาปลื้มสมเด็จพระเทพฯที่ไปไหนในเมืองจีนมากกว่าเขาที่เป็นรองประธานประเทศ  คนที่สองที่เขาบอกกับลุงคือบิ๊กจิ๋ว  ท่านบอกรักกันมากบอกพี่จิ๋วมาทีไรเราก็ดื่มเหล้าแข่งกัน  สุดท้ายท่านรองประธานฯก็แพ้ทุกครั้งไป 

สวัสดีครับลุงเอก

  • ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้เหมือนกัน Megatrend และชอบแนะนำให้เพื่อนๆหลายคนติดตาม เพราะมันมีแนวโน้มเช่นนั้นจริงๆ
  • ผมเป็นสมาชิก National geographic มีฉบับหนึ่งที่พูดเรื่องเมืองจีนยุคใหม่ก้าวรุดหน้า โดยจั่วหัวว่า "เงินทองมากมี สมบัติมากมาย แต่ปัญหาหมักหมม"  โดยบทความนี้หยิบจุดอ่อนของการพัฒนาอุตสาหกรรมหนักในจีน ที่ก่อมลภาวะมากมายและส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน เขาไปสัมภาษณ์คนที่ป่วยมาลง ถ่ายรูปให้เห็นความเจ็บป่วย และภาพมลภาวะท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงไปสู่ทันสมัย  ผมทราบดีว่าที่ใดมีแหล่งอุตสาหกรรมหนักที่นั่นจะมีปัญหาเรื่องมลภาวะ และก็เชื่อว่ารัฐบาลจีนคงไม่ปล่อยให้ปัญหานี้รุนแรงต่อไป เพราะมีบทเรียนมากมายทั่วโลก และมีเทคโนโลยี่มากมายที่มาป้องกันได้...
  • ลูกสา;ผมเรียนที่ ABAC เล่าให้ฟังว่ามีนักศึกษาจากจีนมาเรียนกันมาก เพราะราคาการศึกษาเมื่อเทียบกับที่อื่นแล้วมาเรียนบ้านเราถูกกว่า และมาตราฐานก็ไม่ขี้เหร่มาก ที่สำคัญความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านที่สามารถสานต่อไปสู่อนาคตได้ด้วย  เด็กๆพวกนี้รีบเรียนเพื่อกลับไปทำงานในประเทศเขาที่กำลังต้องการคนที่เรียนจบหลักสูตร international เป็นการรองรับการพัฒนาประเทศไปสู่ความทันสมัยของเขา
  • ผมรู้จักวิศวกรสาวคนหนึ่งเป็นคนจีนเรียนจบที่ AIT บ้านเราแต่ไปทำงานในประเทศออสเตรเลียกับบริษัทที่ปรึกษา  มาทำงานในโครงการ ADB ที่บ้านเรา เธอเก่งมาก กระฉับกระเฉง รวดเร็ว มีระบบและเฉียบคมไปหมด ดูดีกว่าฝรั่งบางคนเสียอีกที่ ไม่ได้เรื่องเลย สักแต่ว่าค่านิยมไทยเชื่อฝรั่ง... การพัฒนากำลังคนของเขากำลังก้าวไปอย่างรวดเร็ว  ผมถามวิศวกรสาวท่านนั้นว่า คุณจะอยู่ออสเตรเลียนานแค่ไหน เธอบอกว่าเมื่อฉันมีประสบการณ์เพียงพอแล้วฉันจะกลับไปเมืองจีน..บ้านของฉัน...
  • ผมประทับใจสมเด็จพระเทพฯและเจ้าฟ้าหญิงครับที่พระองค์ท่านเสด็จเมืองจีนบ่อยๆมาก ผมคิดเล่นๆตามประสาผู้รู้น้อยว่าในหลวงของเราท่านมองการไกลจริงๆที่ท่านสนับสนุนพระราชวงค์ของเราไปผูกไมตรีเสียแนบแน่นตามวัฒนธรรมตะวันออก  ท่านมีสายพระเนตรยาวไกลโดยแท้..ขอทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน..เทอญ 

สวัสดีครับลุงเอก

           ขอบคุณสำหรับข้อมูลของลุงเอกและชาวG2Kทุกท่าน

           จีนเขายอมรับไทยเสมือนญาติมิตร...แต่คนไทยทำไมช้าจังครับ...มัวแต่เถียงกันอยู่นั่นแล้ว...

           ผมเคยรู้จักกับคนไทยที่ไปเรียนเมืองจีนตั้งแต่ก่อนจีนปิดประเทศ แล้วกลับมาเมืองไทยไม่ได้....เขาจบวิศวเครื่องกล...งานที่เขาทำ...คือ ขับเครื่องบินทดสอบของจีน...แสดงว่าจีนเขาเก่งมานานแล้ว...ไม่เหมือนในหนังสือที่พิมพ์แจกให้เราอ่านเมื่อตอนเด็ก ๆ เลย ครับ...

           เมื่อไหร่คนไทยจะตื่นซักทีครับ...ลุงเอก

           ฝากลุงเอก...ปลุกด้วยนะครับ

                                           ขอบคุณครับ

 

กราบสวัสดีคุณลุงเอกครับ

ขอบพระคุณคุณลุงมากครับที่ได้กรุณาตอบคำถามและชี้แจงให้ผมเห็นอะไรๆได้มากขึ้นครับ

โดยส่วนตัวผมค่อนข้างกังวลกับคำว่าหนึ่งประเทศสองระบบครับคุณลุง ผมเข้าใจเอาเองว่า คำว่าหนึ่งประเทศสองระบบ นั้นหมายความถึงการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์แต่มีระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี ที่ผมเข้าใจแบบนั้นก็เพราะตัวคอนเซปของ SEZ (Special Economic Zone) ผมไม่แน่ใจว่าที่ผมเข้าใจถูกหรือไม่อย่างไรครับคุณลุง แต่ที่ผมค่อนข้างกังวลก็คือว่า จะมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนครับที่ SEZ นั้น จะขยายต่อไปเรื่อยๆ จนถึงจุดๆหนึ่งแล้ว SEZ นั้นมีครอบคลุมทั่วประเทศจีน นั่นหมายความว่าโดยปริยาย จีนจะไม่มีคำว่าคอมมิวนิสต์ในแง่ของเศรษฐกิจอีกต่อไป

ผมขอออกตัวอีกนิดกับคำว่าการค้าเสรีครับ ที่ผมบอกว่าจีนมาถึงตรงนี้ได้เพราะคำว่าการค้าเสรีนั้น นิยามคำว่าการค้าเสรีของผม คือใครใคร่จะทำอะไรก็ทำ อยากค้าอะไรก็ค้า โดยที่มีตลาดเป็นตัวกำหนดราคา และกำหนดแรงจูงใจต่อคนในการผลิตและการค้าครับ

แต่การค้าเสรีในโลกไม่ได้มีอยู่จริงครับ เพราะว่าประเทศโลกตะวันตกนั้นก็ยังกีดกันการค้าอยู่ ยกตัวอย่างง่ายๆก็กรณี ซีนุ้กของจีน ที่ต้องการซื้อเชฟรอน (ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ) แต่รัฐบาลอเมริกานั้นไม่ยอม เพราะถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงทางพลังงาน หรือว่ากรณีของบริษัทจัดการท่าเรือของประเทศซาอุ ต้องการมาซื้อท่าเรือที่นิวเจอซีไปบริหาร ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากว่าคองเกรส ก็กลัวเรื่องความปลอดภัยอีกเหมือนกัน

แต่ในความหมายของผม ผมคิดถึงคำว่าการค้าเสรีในแง่ของอุดมคติ แบบที่อดัม สมิธ คิดครับ นั่นก็คือ เหมือนที่จารไว้บนศิลาจารึกว่า สุโขทัยนี้ดี ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ใครใคร่ค้าม้าค้า ใครใคร่ค้าช้างค้า ครับ

ขอบพระคุณมากครับคุณลุง

ต้น 

 

Pลุงว่าไปอ่านหนังสือมีปัญญาสุดยอด

คนจีนนั้นไม่ธรรมดา เมื่อสามปีมาลุงพบนักศึกษาเข้าพบรองประธานประเทศเป็นทหารแต่พูดเรื่องเศรษฐกิจประเทศให้เราฟังอย่างฉะฉาน

หนึ่งประเทศสองระบบ  นั้นมีแทรกทั้งการปกครองและระบบเศรษฐกิจ  ถ้าไม่ทำเช่นนี้ประเทศพังไปนานแล้วเพราะมีประชากรถึง 1300 ล้านคนคงอดอยาก

ระบอบคอมมิวนิสต์เขาเดี๋ยวนี้ก็กลายเป็นสังคมนิยมอ่อนๆ  ระบบเศรษฐกิจก็ไม่เปิดเสรี 100%  แนวคิดที่ว่า SEZ (Special Economic Zone) ตอนลุงศึกษาเขามีเป้าหมายชัดเจนไม่เหมือนเราที่จะนำมาใช้  เขามีทั้งพื้นที่  เมือง  โดยเฉพาะรอยต่อสองหรือสามประเทศของเขาจะมีพื้นที่แบบนี้ทั้งหมด  เพื่อการนำเข้าและส่งออก

ลุงว่าจะให้ครอบคลุมทั่วประเทศนะก่อนลุงตายคงไม่มีโอกาสเห็นแน่  แต่เป็นไปได้  กว่าจะถึงจุดนั้นลุงว่าระบบเศรษฐกิจโลกคงจะเปลี่ยนไปแล้ว  เอาเป็นว่าขณะนี้พี่อเมริกันเราเจ้าแห่งเสรีก็ยืนไม่ติดที่แล้วหนาวๆร้อนๆ

จีนต้องการสร้างมาตราฐานตัวเอง  จีนให้ความสำคัญสิทธิทางปัญญาอย่างสูงขณะนี้  กับเรื่องการค้าเสรีนี่  เกิดทั่วประเทศจีนคงอีกนาน  เพราะทหารยังคุมประเทศอยู่  ก็ยังเป็นเสรีแบบจีนๆเหมือนกัน

อนาคตจีนจะมีทุกอย่างทั้งเงินตรา  ทั้งปัญญามากมาย  ลุงมีเรื่องเล่าของจีนมากๆ  ไว้โอกาสหลัง แม้กระทั่งลุงไปนั่งฟังกระทรวงต่างประเทศจีนบรรยาย  เขาจะไม่ให้ใครเอาทหารจีนไปอยู่ในประเทศอื่น  นี่เป็นนโยบายด้านการทหาร  ในรัฐธรรมนูญก็บอกจะไม่รุกรานใคร  เชื่อหรือไม่ต้องคอยดู 

มาให้เคาะกระโหลก เปิดหูเปิดตาครับ ขอบคุณครับ

กลยุทธ์การทำลายล้างด้วย  "สินค้าราคาถูก" ทั้งที่ส่งมาตามแม่น้ำโขง และบริจาคผ่านประเทศเพื่อนบ้านของไทย ทำให้ผู้ผลิตไทย "ตายเรียบ" ลงเรื่อย ๆ อย่างนี้ เขาไม่เรียกว่า "สงครามยุคใหม่" แล้วจะเรียกว่าอะไรครับ ? นี่หรือคือ "มหามิตร" ที่เราควรยกย่องชมเชย

คุณเอดีบี การทำลายล้างทางการค้านั้นมีไปทั่วในระบบทุนนิยม "สินค้าราคาถูก" ที่ส่งมาตามแม่น้ำโขง นั้นคงเป็นส่วนน้อย  บางชาติออกกฎระเบียบโลกแล้วบังคับให้เราซื้อสินค้าราคาแพงนี่ยิ่งแสบใส้  

 "สงครามการค้ายุคใหม่" ที่เราจะพบกับมหามิตรดั้งเดิมตือ FTA ที่ไม่ใช่บังคับแค่ตัวสินค้าแต่บังคับทั้งประเทศเลย

Pครับนายช่างใหญ  จ้าวแห่งมุข  ครั้งวิกฤตต้มยำก้งจีนก็มาช่วยที่ไม่ต้องไปร้องหามหามิตร  จีนมีภูมิปัญญามาก  เช่นพี่ไทยเรานี่แหละ  แต่เขาดีที่ชอบบันทึก  ของเราหายสาปสูญไปมาก  ไม่ตื่นไม่เป็นไร  แต่ตื่นมาอย่าโวยวายก็แล้วกัน  ฮิฮิ

Pสวัสดีครับท่านบางทราย
  • เรื่องมลภาวะที่จริงจีนให้ความสำคัญมาก  ยกตัวอย่างเขาพยายามสกัดจักรยานยนตร์  ด้วยมาตรการภาษีคือในตัวเมืองต้องเสียภาษีมากเท่ากับราคารถ  ทำให้มีรถจักรยานยนตร์ในเมืองน้อย 
  • เท่าที่เคยศึกษาการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมของจีน  เขาให้ความสำคัญต่อ  Eco-Industry มาก  จะทำนิคมฯเขาจะสร้างป่าอยู่หน้านิคม  บางแห่งทำเป็นเมืองเลย
  • แหล่งท่องเที่ยวของเขาทางธรรมชาติที่ได้มรดกโลก  เขาไม่ให้นำรถเข้าไประยะ 2 กม.ทำได้คือเดินหรือนั่งรถไฟฟ้าเขาเข้าไป  แม้เวลาเดินดูธรรมชาติ  เขาไม่ให้ลงดินจะมีสะพานไม้ไปทั่วๆหลายกิโลเมตร
จำได้ว่าเคยให้ comment เกี่ยวกับ จีน และ อินเดีย  ไว้ในบันทึกของชาว G2K อาจมีชาวเฮฮาสาตร์บางคนเคยอ่าน เพียงแต่อยากคุณเอก หากมีโอกาศกระตุกผู้คนใหญ่โตในแผ่นดินนี้บ้านเราเมืองเรา ให้หันมาใส่ใจ พัฒนาทรัพยกรมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพเหมาะสม กับสัดส่วนของประชากรของประเทศ  เมื่อทำ normal distribution ของ population   .......ในด้านคุณภาพของมุนษ์..ไม่ว่า จะเป็นเรื่อง IQ  EQ ในเรื่องของอาชีพ ด้านอาชีพนั้นควรครอบคลุมทุกอาชีพที่มีอยู่ในประเทศ ฯลฯ. มีข้อแม้ว่าประชากรต้องมีทากพอที่จะเป็นตัวแทนของกลุ่มคนในทุกด้าน วางแผนใช้งบประมาณ  5 %ของ normal distribution curve ของคนในทุกด้านให้เต็มที่ เอาอย่างจีนและอินเดีย เขามีความชัดเจนในเรื่องนี้มาก เพราะเขามีความเชื่อว่าหัวกระทิ 5% ในแต่และด้านจะนำพาประเทศชาติได้อย่างเป็นผล จึงไม่น่าแปลกใจที่แผนมัฒนาทรัพยพยากรมนุษย์ เป็นแผนฯที่รับช่วงต่อๆกันมาอย่างมีประสิทธิภาพ และมีการตั้งเป้าหมายไว้เป็นช่วงๆ บางอย่างต้อง ที่ต้องการและประสบผลตามเป้าหมาย เขาทำได้และได้ทำแล้วค่ะ    

อ่านหนังสือเล่มเดียวกันข้างจากข้อความข้างต้น  เคยไปเรียนที่จีน  เกือบสิบปี   เรียนรู้วัฒธรรมเขาหลายอย่าง    แต่ก็อยากกลับบ้านทำหน้าที่  คนไทย

             ลุงเอกน่ารักจัง

                         ผู้อำนวยการวาสนา

              

ขำความคิดของไทยบางอย่าง เช่น จีนเจริญแต่หัวเมืองใหญ่ชนบทจีนแย่กว่าไทย ถุยประเทศไทยนะเรอเจริญกระจุกอยู่แค่กทม ส่วนที่เหลือของประเทศเป็นทุ่งนาแดนกว้าง เชียงใหม่แค่เมืองชั้นสี่ของจีน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท