วันที่สามของการเดินทาง
วันนี้เป็นอีกวันที่ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ฮึ๊บ..ฮึ๊บ. (แอบบิดขี้เกียจเล็กน้อย ภาษาคนขยัน อิอิ) ทานอาหารเช้าเสร็จคณะทัวร์ก็พร้อมใจกันเฮโลไปเที่ยวที่ฮอยอัน (ชื่อนี้คุ้น ๆ มั้ยจ๊ะ ก็ชื่อละครที่น้องเจนี่เล่นกับน้องแดน ดีทูบีทางช่อง 3 ไงจ๊ะ “ฮอยอันฉันรักเธอ”) ไกด์สมศักดิ์บอกว่าตอนเค้ามาถ่ายละครเรื่องนี้ คุณสมศักดิ์ก็เป็นไกด์ให้กับกองถ่ายนี้ตลอดทริปเลย
ระหว่างทางก่อนถึงฮอยอัน เราจะผ่านเมือง ดานัง ก่อน ที่นี่เป็นเมืองท่าสำคัญของเวียดนามตอนกลาง ตลอดทางมีวิวทะเลจีนใต้และหมู่บ้านชาวประมงให้ดูไปเรื่อย ๆ มีเรื่องแปลกอย่างหนึ่ง คือ ตอนเราแวะฉี่ที่ร้านอาหารริมหาดลังโค ผู้เขียนสังเกตเห็นทะเลมีคลื่นซัดเข้าหาฝั่งแรงมาก เป็นฟองขาวตลอดแนวเลย แต่ที่แปลกคือ ไม่มีลมซักกะติ๊ดเลย ยอดมะพร้าวไม่เห็นลู่ลม ผิวหน้าผิวตัวเรา ก็ไม่สัมผัสได้ถึงลมที่พัด ทำให้สงสัยยิ่งนักว่า ทำไม? แปลกมาก ๆ ง๊ง..งง ง.งู 4 ตัวเลยค่ะคุณขา..
จากที่นี่ เราเดินทางต่อไปยังจุดหมาย ฮอยอันของเรา โดยต้องลอดอุโมงค์ไหวานที่เจาะทะลุภูเขาไหวาน เป็นอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในเอเชียเลยนะคะ ยาวถึง 6.3 กิโลเมตรเลยทีเดียว ก่อสร้างเมื่อปี 2000 – 2005
ถึงฮอยอัน ไกด์พาเราไปเยี่ยมชมบ้านโบราณ 200 ปี สร้างด้วยสถาปัตยกรรม 3 ชาติคือ ด้านหน้าเป็นแบบเวียดนาม ตอนกลางเป็นแบบจีน หลังคาทำแบบญี่ปุ่น บ้านหลังนี้อยู่อาศัยมา 8 รุ่นแล้ว รุ่นปัจจุบันก็ยังอยู่อาศัยในบ้านหลังนี้ เพียงแต่เปิดให้เข้าชมได้ด้วย เป็นบ้านไม้ทั้งหลัง และบ้านหลังนี้จะประสบปัญหาน้ำท่วมสูง 1-2 เมตร ทุกปี จนผู้เขียนนึกในใจว่า “บ้านไม่น่าจะอยู่มาได้นานถึง 200 ปีเลยนะเนี่ย เค้ามีอะไรดีน่ะ..”
ในเมืองฮอยอัน เค้าไม่อนุญาตให้นำรถเข้าไป ทุกคนต้องเดินเท้าเข้าไปชม สองข้างทางก็มีร้านขายของที่ระลึกมากมาย ที่นี่คณะฯ ของเรามีเฮ เพราะคันไม้คันมืออยากช็อบปิ้งเต็มที มีของให้ช็อปหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋า, โคมไฟกระดาษสีสันสวยงาม, ผ้าพันคอ งานฝีมือของชาวเวียดนาม ของที่ระลึกต่าง ๆ
2 มือหอบหิ้วกันพะรุงพะรัง แทบต้องใช้ปากคาบกันเลยทีเดียว อิอิ คนไทยเนี่ยเวลาไปเที่ยวจะมีสโลแกนประจำตัวคือ ฉี่ แชะ ช็อป
ฉี่ = แวะฉี่มันเรื่อยไป
แชะ = ไปไหนก็ถ่ายรูปกันตะบันเลย
ช็อป = ช็อปปิ้งเป็นสิ่งที่อยู่ในจิตวิญญาณกันเลยทีเดียว
ไกด์เล่าให้ฟังว่า ทัวร์คนไทยมักทำสิ่งเหล่านี้เป็นประจำ “นิ่ง ๆ เป็นหลับ ขยับเป็นแ..ก แยกเป็นหลง ลงเป็นช็อป” ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า.. (ใครเห็นด้วยยกมือขึ้น..น..น) ผู้เขียนคนหนึ่งแหละที่เห็นด้วย คนไทยมีชื่อเสียงเรื่องช้อปฯ มั่ก ๆ ขนาดที่มาเนี่ย ไม่ต้องแลกเงินเป็นสกุลเงินของเวียดนามเลยนะ ทุกที่ที่เป็นแหล่งช็อปปิ้งเค้ารับเงินไทยจ๊ะ และคนขายก็สามารถพูดไทยได้ด้วย เดินผ่านงี้ เรียกเลย “คนไทย..ย..” , ช่วยซื้อหน่อยค่ะ, ไม่ด้าย..ย. ขาดทุน ฯลฯ” ตัวผู้เขียนเองยังเผลอช็อปไปตั้งเยอะ แหะแหะ แต่ของตัวเองไม่ค่อยมีหรอกค่ะ ส่วนใหญ่เป็นของฝาก และของรับฝากจ้า!! อิอิ (ฟังดูเป็นคนดีมั้ยเนี่ย คิกคิก) ช็อปกันจนเหนื่อยเมื่อยล้า ก็พากันไปรับประทานอาหาร เสร็จแล้วก็เดินทางไปหมู่บ้านแกะสลักหินอ่อน ชมหินอ่อนแกะสลัก
จากนั้นก็กลับเมืองเว้ ผ่านอุโมงค์ไหวานเหมือนเดิม ช่วงนี้ไกด์ทำเวลาให้สามารถกลับไปช็อปปิ้งต่อที่ตลาดในเมืองเว้ได้อีก เป็นที่ถูกอกถูกใจของคณะทัวร์ยิ่งนัก ฮี่ ฮี่ กระเป๋าแตกลูกแตกหน่อกันแทบทุกคน ไม่จำกัดว่าหญิงหรือชาย หอบข้าวของพะรุงพะรังยิ่งกว่าบ้าหอบฟาง เรื่องช็อปปิ้งพี่ไทยสู้ตายค๊า!! อิอิ กลับถึงโรงแรมเตรียมแพคของที่ซื้อมาใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย พรุ่งนี้จะกลับบ้านแล้วนะ ขอตัวไปจัดกระเป๋าก่อนนะคะ เจอกันพรุ่งนี้ค๊า..
Good Night..(To be continue..)
ไปที่เดี่ยวกันเลย พึ่งกับมาเมื่อวันศุกร์นี่เอง สนุกมา
คนเวียดนามเป็นคนที่ขายของเก่งมาก
คนไทยเป็นคนที่ซื้อเก่งมากเหมือนกัน
ผมก็เพิ่งไปมาโปรแกรมเหมือนกันเด๊ะ นี่แหละโปรแกรมมาตราฐาน ใครยังไม่เคยไปก็รีบไปซะ ใครไปมาแล้วก็อย่าหลงไปอีกเดี๋ยวเขาว่า........
ผมมีโอกาไปมาทั้งหมดแล้วทั้ง ฮานอย และโฮจิมินซิตี้ แตกต่างสามรูปแบบ