รู้ตัว...เป็นอย่างไร


เราหลงวนอยู่กับความเคยชิน เีคยหลงโลกอย่างไรก็ยังหลงอยู่ หลงในสิ่งของ ลาภ ยศ ทรัพย์สมบัติ หลงในสิ่งที่เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้ และก่อทุกข์ก่อกิเลสให้ได้เสมอ...

โชคดีอีกแล้ววันนี้ ได้อ่านคำสอนของหลวงพ่อคำเขียนเมื่อปี ๒๕๓๔ ในเรื่อง"สติปัฏฐาน ๔" จากเว็บของลานธรรมจักร ( หลวงพ่อคำเขียน สุวณฺโณ ตอบปัญหาธรรม [สติปัฏฐาน ๔] ) มีคำพูดส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวเองนึกถึงการ  "รู้ตัว"  หรือ  "ไม่รู้ตัว" ไว้ดีมากๆ ดังนี้...

 

"...นกอยู่บนฟ้าไม่เห็นฟ้า ...

ปลาอยู่ในน้ำไม่เห็นน้ำ

ไส้เดือนอยู่ในดินไม่เห็นดิน

หนอนอยู่ในคูตรไม่เห็นคูตร

ต่อเมื่อใดมันออกจากสภาวะนั้นก็หลุด..."

 

เปรียบเสมือนทุกวันนี้ เราหลงวนอยู่กับความเคยชิน เีคยหลงโลกอย่างไรก็ยังหลงอยู่ หลงในสิ่งของ ลาภ ยศ ทรัพย์สมบัติ หลงในสิ่งที่เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้ และก่อทุกข์ก่อกิเลสให้ได้เสมอ เคยมีอารมณ์อย่างไรก็มีอารมณ์อยู่อย่างนั้น  เช่นโกรธใครก็ไม่สามารถปล่อยหรือให้อภัยได้  อยู่กับความโกรธ "เป็น"โกรธตลอด ไม่มีความสุข  หลงวนเวียนเป็นเช่นนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน เหมือนกับหนอนที่อาศัยในคูตร ฉันใดฉันนั้น   ต่อเมื่อออกจากคูตรมาเท่าแล้วนั้นจึงจะเห็นว่าคูตรเป็นอย่างไร

 

หลวงพ่อคำเขียนยังยกตัวอย่างที่แจ่มชัดมากอีกประการหนึ่งให้เห็นถึงการ"รู้ตัว"และ"ไม่รู้ตัว"ดังนี้... 

 

"สมมตินะคุณประสาน (อุบาสก) ไปนั่งตากแดดอยู่โน่นตั้งแต่เกิดมาจนอายุ ๓๐ ปีี บัดนี้วันดีคืนดีมาอยู่ในร่ม การสัมผัสร่มกับการสัมผัสแดดมันต่างกัน ใครบอก?  มีใครบอกไหม ไม่มีใครบอกอะไร มันรู้ปัจจัตตัง รู้เอง เกิดสภาวธรรมแล้วจะไปนั่งอยู่กลางแดดได้อย่างไร ร้อนอย่างนั้น ไม่ว่ามีอะไรจะมาผลักไสไปอยู่ในแดด มันก็ไม่จนตัวอยู่ในสภาพอย่างนั้น มันก็หาทางอยู่ที่ความไม่ทุกข์ ความไม่โลภ ความไม่โกรธ ความไม่หลง"

 

แล้วท่านล่ะคะ ยังนั่งอยู่กลางแดดไม่รู้ตัวว่าร้อนอยู่หรือเปล่า...   ขออย่าให้เป็นเช่นนั้นเลยนะคะ

^ ^

หมายเลขบันทึก: 149399เขียนเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2007 20:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (50)

สวัสดีครับ ... อาจารย์กมลวัลย์ 

แวะมารับความรู้ทางธรรมจากอาจารย์ ... ครับ

ถึงอ่านแล้วเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ก็ขอบอกว่า

"ขอบคุณครับ"

ผมเชื่อว่า ยังมีคนอีกมากมายที่ไม่เคย "รู้ตัว" เอง ...

เวลามีคนอื่นมาบอกมาเตือน ก็ดันนึกว่า เค้ามาจับผิดตัว ตำหนิตัว ... ก็จะแสดงความโกรธออกมา นึกสาบแช่งอยู่ในใจ

แต่คนที่รู้ตัว รู้ตน ... จะคิดถึงสิ่งที่พูดก่อนว่า จริงหรือไม่ .. ถ้าจริงลองแก้ไขดูสิว่า ดีหรือยัง ถ้าไม่จริง ก็ต้องมองดูอีกที

วัตถุ มี 360 องศา .. ใจก็มี 360 องศา .. มนุษย์เรามักมองแค่ไม่กี่องศา ด้านหน้าอีกต่างหาก แล้วมนุษย์จะทราบไหมครับว่า ... อีก 300 กว่าองศา มันเป็นอย่างไร

สาธุ ! ขออนุโมทนาบุญครับ ... อาจารย์ :)

 

 

ผมอยู่ในธรรมชาติจึงต้องเรียนรู้ธรรมชาติ  แต่ไม่หลงธรรมชาติ  บางครั้งคนนั่งสมาธิยังหลงไปว่ามีความสุขเลย  อย่าว่าแต่ฆราวาส  แม้แต่พระยังเป็น  บาปใหมเนี่ย

สวัสดีค่ะ อ.Wasawat Deemarn

ขอบคุณอาจารย์ที่แวะเข้ามาอ่านเสมอเช่นกันค่ะ

การไม่รู้ตัวนี้เป็นเรื่องร้ายกาจจริงๆ ค่ะ เช่นที่อาจารย์เล่านะคะ คนมาเตือน ก็คิดว่าเขามาจับผิด แบบนี้เขาเรียกว่าหลงอยู่ในโลกร้ายเลยค่ะ คืออะไรๆ ก็จะร้ายกับเขาไปหมด น่าสงสารค่ะ 

คนที่รู้ตัวก็คือคนที่มีสติค่ะ หลวงพ่อคำเีขียนท่านว่า ถ้ามีสติ แล้ว ศีลจะมาเอง แถมปัญญาก็จะเกิดด้วยอีกต่างหากค่ะ

สำหรับตัวเองแล้ว การมีสติเป็นเส้นทางลัดสู่ความไม่ทุกข์ค่ะ ^ ^ 

สวัสดีครับ

พอหลุดแล้ว ผมนึกถึงเหตุการณ์ที่มีผู้ถามหลวงปู่ดูลย์ว่าหลวงปู่มีโกรธอยู่ไหม ท่านตอบว่า มี แต่ไม่เอา

และผู้รู้ท่านหนึ่ง บอกว่า ปะปน แต่ไม่เปรอะเปื้อน

ขอบคุณครับ

บางครั้งก็ยังอยู่แดดอยู่เลยค่ะ แต่พยายามรีบเข้ามาในร่มค่ะ ขอบคุณบันทึกนี้ค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณลุงเอก

การนั่งสมาธินั้นเป็นสมถะค่ะ ถ้านั่งเยอะๆ ก็อาจจะติดได้ค่ะ หลวงพ่อคำเขียนท่านก็กล่าวถึงค่ะว่าท่านเคยติดการนั่งสมาธิมาก่อน ไปไหนมาไหนก็คิดถึงแต่ห้องพระ ^ ^  ก็คือยังมีการยึดติดอยู่น่ะค่ะ  แต่เมื่อเจริญสติ"รู้ตัว"แล้วก็หายค่ะ

สวัสดีค่ะน้องกบ ข้ามสีทันดร

พี่ก็จำได้ค่ะ อ่านประโยคนี้จนติดตาเหมือนกัน "มี แต่ไม่เอา"    ^ ^

ส่วน ปะปน แต่ไม่เปรอะเปื้อนนี้ก็ชัดเจนคมคายมากเช่นกันค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ  ^ ^

  • แวะมามีสติรู้ตัวทั่วพร้อมค่ะ
  • กำลังพยายามค่ะ
  • แต่ก็มีขาดสติ ลืมตัวบ้าง
  • ยังไม่เก่งค่ะ ขอบคุณที่ช่วยเตือนสตินะคะ

สวัสดีค่ะคุณP ใบบุญ

แบบนี้แปลว่ารู้ตัวแล้ว ^ ^  เพราะเคยรู้จักร่มเงาแล้ว  แต่บางทีก็แวบออกไปกลางแดดเพราะสิ่งแวดล้อมและความเคยชิน  คนที่รู้แล้วจะหาทางกลับเข้ามาในร่มเงาเสมอค่ะ

ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ ^ ^ 

สวัสดีค่ะ  คุณ naree suwan

ความพยายามแม้แต่เล็กน้อยก็ถือว่าได้ปฏิบัติแล้วล่ะค่ะ เพียงแต่ว่าทำเล็กๆ น้อยๆ นั้นให้ต่อเนื่องเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมตลอดเวลาค่ะ

กำลังฝึกอยู่เหมือนกัน เป็นเพื่อนร่วมทางกันค่ะ ^ ^ 

อาจารย์ครับ

 

ท่านอาจารย์คำเขียนใช้หลักมหาสติปัฐฐาน 4 เช่นเดียวกับอาจารย์ท่าน ธัมมธโร แห่งสำนักสงฆ์ไทรงามที่ผมบวชอยู่ 1 พรรษา

เจริญสติด้วยอุบายเดียวกันคือการคู้แขน และสอนด้วยการปฏิบัติจริงๆ ท่านอาจารย์ธัมมธโรให้พระทุกรูปที่บวชใน 1 พรรษาไม่ต้องรับนิมนต์ไปสวดที่ไหนๆ ให้ปฏิบัติ เพราะพวกบวชน้อยต้องปฏิบัติมากๆ

ได้หลักมาเตือนสติมากครับ ดีกว่าการอ่ายเฉยๆ ไม่พอต้องปฏิบัติด้วยจึงจะรู้สึกสภาวะจริงแท้ของจิตว่ามันเหมือนลิงอย่างไร

ผมก็แค่ธุลีของท่านเท่านั้นเอง

ขอกราบคาระวะอาจารย์คำเขียนและท่านธัมมธโรผู้สั่งสอนให้คนเป็นคนดีเป็นพุทธ..

ขอบคุณอาจารย์ที่มาเตือนสติกันครับ 

พี่เคยอธิษฐานว่า  ขอให้มีสติรู้ตัวโดยเร็วว่ากำลังทำอะไร ไม่ถูกต้องอยู่  เช่น กำลังมีความโกรธ

  ขอจงมีสามารถควบคุมจิตใจให้เป็นปกติ รู้ตัว รู้สติ อยู่ตลอดเวลาค่ะ

แม้ว่า คนอื่นอาจ พูดผิด คิดผิด หรืออาจล่วงเกินเรา  ทั้งโดยมีเจตนาและไม่เจตนา อาจมีไม่พอใจบ้าง แต่ก็ขอให้มีสติรู้โดยเร็ว อย่าได้โกรธนาน อย่าผูกใจเจ็บเขา ให้มีจิตให้อภัยได้โดยง่ายค่ะ

พี่คิดว่า การมีสติรู้ตัว เป็นเรื่องที่สำคัญมากค่ะ คงต้องฝึกไปเรื่อยๆ ตอนนี้ ก็มีหลุดอยู่เหมือนกัน

สวัสดีค่ะ พี่ บางทราย (คนเข็นครก ขึ้นภูเขา)

ตัวเองได้ทดลองปฏิบัิติโดยใช้หลักมหาสติปัฏฐาน ๔ เช่นเดียวกันค่ะ แต่ยังไม่เคยมีโอกาสไปฝึกกับหลวงพ่อใดๆ เลย  แต่หนังสือเล่มแรกที่ทำให้เข้าใจเรื่องการ"ดู"กับการ"เป็น" ก็คือหนังสือของหลวงพ่อคำเขียนเรื่อง "ผู้ดู ผู้เป็น" นี่แหละค่ะ ท่านเขียนเล่าตอนที่ท่านไปฝึกกับหลวงพ่อเทียนด้วย เล่าแบบที่ท่านเล่า ยกตัวอย่างจนเรารู้สึกได้ว่าการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานไม่ใช่เรื่องยาก และสามารถทำได้ตลอดเวลา โดยการฝึกเป็นผู้ดู มีสติเสมอ  แต่ตัวเองไม่ได้ฝึกเรื่องการดูกายหรือทำท่าทางตามที่ท่านสอนหรอกค่ะ ใช้วิธีตามที่อ.ศิริศักดิ์สอนแทน.. เริ่มที่การเดิน..ทุกก้าวต้องมีสติ แค่นี้ก็ทำได้ทั้งวันแล้วค่ะ ^ ^  หลุดบ้างไม่หลุดบ้างค่ะ  แต่ถ้าได้ไปฝึกวิปัสสนาสัก ๗ วัน คงจะดีขึ้นอีกบ้างแน่ๆ เชียวค่ะ ^ ^

ขอบคุณพี่บางทรายที่แวะเข้ามา ลปรร ค่ะ  

สวัสดีค่ะคุณพี่ศศินันท์ sasinanda

ความโกรธดูไม่ยากเลยค่ะ ตัวเองเริ่มโดยการใช้การประชุม(ที่เคยเป็นโกรธบ่อยๆแต่ก่อน) เป็นที่ฝึกปฏิบัติค่ะ คือรู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวจะ้ต้องมีอารมณ์แน่ๆ  แล้วคราวนี้เข้าไปคอยตั้งใจ"ดู"เลยค่ะ   พอได้เห็นว่าตัวเองโกรธเท่านั้นแหละค่ะ เหมือนกับที่หลวงพ่อคำเขียนบอกว่าได้เข้ามาอยู่ในร่ม(หลังจากอยู่กลางแดดมานาน.. )   ยอมรับว่าตกใจมากค่ะ และก็ไม่อยาก"เป็น"โกรธอีกเลย ทำให้เราลดระดับอารมณ์ตอนนั้นได้อย่างทันที(เพราะรู้ตัว)เลยค่ะ

เดี๋ยวนี้เป็นคนไม่ผูก(พยาบาท) หรือยึดติดกับเรื่องใดๆ เท่าไหร่เลยค่ะ  ว่ากันไปด้วยเหตุผลและความรับผิดชอบ.. ไม่ได้ตามที่เราตั้งใจ..ก็ต้องยอมรับ..เพราะพยายามแล้ว แต่จะไม่ไปอารมณ์เสียหรือน้อยอกน้อยใจเหมือนสมัยก่อนแล้วค่ะ ^ ^  

อย่างที่ว่าค่ะว่า พอได้เข้าร่มแล้ว..มันสบายกว่าเยอะ..ให้ไปยืนกลางแดดอีกก็ไม่เอาแล้วค่ะ

ขอบคุณคุณพี่ที่เข้ามา ลปรร นะคะ ฝึกไปเรื่อยๆ รับรองได้ผลดีแน่นอนค่ะ ^ ^ 

สวัสดีครับ อาจารย์กมลวัลย์ ...

อาจารย์ครับ เกิดมีคำถามขึ้นในใจว่า ... ผมเห็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ๆ หรือที่นักจิตวิทยาเรียกว่า คุณโก้ (ego) ... เค้ามักจะยึดมั่น ถือมั่นตัวเอง มีความภาคภูมิใจในตัวเอง (อย่างคุณเบิร์ดบอกไว้) และมักจะตัดสินคนอื่น หรือ ความคิดของคนอื่น โดยใช้ตนเองเป็นศูนย์กลาง ซึ่งสอดคล้องกับความคิดเห็นข้างต้นของผม ครับ ว่า

" ... เวลามีคนอื่นมาบอกมาเตือน ก็ดันนึกว่า เค้ามาจับผิดตัว ตำหนิตัว ... ก็จะแสดงความโกรธออกมา นึกสาบแช่งอยู่ในใจ ..."

สิ่งที่กระทำอีกอย่างคือ การเพิกเฉยต่อคำแนะนำเหล่านั้น ทำเป็นตาบอด หูหนวก ไปเลย ... โดยไม่ยอมแก้ไขใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะคงคิดว่าตนถูกต้องอยู่ ใครจะมาแก้ไข ถือว่า ว่ากัน

อาจารย์กมลวัลย์ครับ ... แบบนี้ ego ของคน ทำให้คน ๆ นั้น ไม่รู้ตน ไม่รู้ตัวเอง หรือเปล่าครับ

:) ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ อ.Wasawat Deemarn

สำหรับคำถามที่ว่าคนเหล่านั้นไม่รู้ตัวเองใช่หรือไม่นั้น พระพุทธองค์ท่านมีพุทธดำรัสทำนองว่า

.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้ยังมิได้เรียนรู้ในโลกนี้ ย่อมเห็นรูป...เวทนา...สัญญา... สังขาร...วิญญาณ นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา ส่วน อริยสาวกในพระพุทธศาสนา ผู้ได้เรียนรู้แล้วย่อมพิจารณาเห็นว่า รูป...เวทนา...สัญญา... สังขาร...วิญญาณ นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่ใช่เรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา.....”  (คัดมาจาก 278 อัตตา-อนัตตา ในขันธ์ ๕ )

เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ยังไม่รู้ตัว เพราะยังมีอุปาทานสูง ยังยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นตัวเราของเราอยู่ และผลของการยึดมั่นถือมั่นจะทำให้เกิดทุกข์    เหมือนยังอยู่กลางแดด อยู่ตลอดเวลา แล้วยึดตำแหน่งที่ยืน(จุดยืน)อยู่ว่าถูกต้องแล้วน่ะค่ะ  หารู้ไม่ว่ากำลังอยู่ในที่ร้อน.. ^ ^ 

ขอบพระคุณ ... อาจารย์กมลวัลย์ เป็นอย่างสูงครับ

ที่แท้คนเราชอบ "ขันธ์ 5" กันนี่เอง ครับ

Ego = ขันธ์ 5 

:)

ค่ะ อ.Wasawat Deemarn

คนเรามีอัตตาเนื่องมาจากไปยึดมั่นถือมั่นกับเรื่องที่ไม่แน่นอนน่ะค่ะ ยึดมาก ก็ทุกข์มาก ไม่ยึด ก็ไม่ทุกข์ค่ะ

ขอบคุณค่ะอาจารย์ ^ ^ 

มาร่วมสาธุกับสิ่งดีๆ ที่นำมาให้ครับ

 

สวัสดีค่ะ คุณ พลเดช วรฉัตร

ยินดีมากเลยค่ะ 

ชอบที่หลวงพ่อท่านเทศน์ไว้มาก อ่านแล้วสะดุดใจ เพราะท่านเปรียบไว้ง่ายจนคนที่ไม่ค่อยทราบปริยัติอย่างดิฉันเข้าใจแบบเห็นภาพเลยค่ะ

ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนนะคะ ^ ^ 

แวะเข้ามาเยี่ยมเยือนกันแล้วนะครับ ท่าน ดร.กมลวัลย์ หายไปหลายวันเพราะมัวแต่ยุ่งกับการทำกระทงของโรงเรียนเพื่อเข้าร่วมประกวดกระทงใหญ่ของงานประเพณีลอยกระทงของอำเภอปาย แม่ฮ่องสอน

 ได้อ่านบล็อกของ ดร. แล้วทำให้คิดถึงตัวเองว่าตัวเองอยู่กลางแดดอยู่หรือไม่ ก็สรุปได้ว่า ไม่แล้ว เพราะทุกวันนี้ได้ทำบุญกับเด็กๆก็สุขใจและเด็กๆเหล่านี้แหละที่จะช่วยบดบังแดดให้

สวัสดีค่ะครูสมบัติ P 23. โรงเรียนบ้านเมืองแปง

ครูคะ วันหลังไม่ต้องเรียกท่านหรอกนะคะ เรียกกมลวัลย์ หรือ อ.กมลวัลย์ก็ได้ค่ะ   ไม่อยากเป็นท่านเลยค่ะ ^ ^ 

เรื่องมาเยี่ยมเยียนให้ความคิดเห็นกันนั้น ไม่เป็นไรหรอกนะคะ งานกับเด็กๆ สำคัญกว่าค่ะ  งานลอยกระทงคงจะน่าสนุกสำหรับเด็กๆ นะคะ

คนที่พบร่มเงาแล้ว ย่อมหาทางกลับมาร่มเงาอีกเสมอค่ะ ปฏิบัติดีไว้สม่ำเสมอแล้วจิตใจจะสบายค่ะ

ขอบคุณที่แวะเข้ามา ลปรร นะคะ ^ ^ 

สวัสดีครับ อาจารย์กมลวัลย์

มีหลายครั้ง นะครับที่เรามาอยู่ในสถานะหนึ่ง ที่รู้สึกพอดี สบายดี   แล้วย้อนกลับไป ก็รู้ว่า หลายเรื่องหลายครั้งที่ผ่านมา เป็นเรื่องน่าเดือดร้อนทั้งนั้น แต่ทำไมตอนนั้นยังคิดไม่ได้ ยังไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องร้อน

เหมือนกับที่อาจารย์ ว่า เรานั่งกลางแดดแต่ยังไม่รู้ว่าร้อน ยังไงยังงั้นเลยครับ

มาวันนี้ก็พอมีสติอยู่บ้าง พอจะแยกแยะได้ดีขึ้น รู้ว่าเรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องร้อน แล้วก็ปล่อย ๆ มันไปได้บ้าง

สวัสดีค่ะ อาจารย์กมลวัลย์ เคยคิดและอยากจทำให้ได้เหมือนกันนะกับการที่เรามีสติ รู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ มีอารมณ์ดกรธอยู่หรือเปล่า แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จซะที ในเรื่องแรกที่คิดจะทำให้มีสติให้ได้คือเรื่องของความดกรธ อาจารย์พอจะมีวิธไหนแนะนำบ้างหรือเปล่าค่ะ สนใจมากค่ะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ.......คุณกมลวัลย์ ขอแสดงความคิดเห็นนิดหนึ่งครับ..... เป็น สองเรื่องครับ

หนึ่ง ....คำสอนของพระพุทธเจ้าท่านสอนว่า ถ้าเราอยู่กับธรรมะ แล้วไม่เข้าใจ ไม่เข้าถึงธรรมะ เปรียบได้กับ จวักไม่รู้รสแกงที่ตนเองตักอยู่.......เพราะฉะนั้นถ้าเราอยู่กับธรรมะ แล้ว ไม่เข้าใจ ก็ไปนับถือคติอย่างอื่นก็จะเปรียบเหมือน จวักตักแกงครับ

สอง....ส่วนการรู้ตัว นั้น มีหลักปฏิบัติอยู่ใน สัมมาสติในมรรค ๘ ว่า กำหนดรู้ใน สติ  กำหนดรู้ใน สัมปชัญญะ ครับ  ไม่ใช่แค่ สติอย่างเดียวครับ ..... สติ คือการรู้ตัว   สัมปชัญญะ การระลึกรู้ ...จะไม่สมบูรณ์ถ้าไม่มีสองตัวประกอบกันครับ

ธรรมที่สอนก็จะก่ำกึ่งกันครับ ให้เข้าใจอย่างแท้จริงก่อน แล้วการปฏิบัติจะไม่ทั้งหมดได้ครับ

 

สวัสดีค่ะ P คุณหมอจิ้น

 

ตัวเองก็เป็นอย่างที่คุณหมอบอกไว้ค่ะ นึกย้อนไปดูทีไร ก็ต้องขำตัวเองทุกที เหมือนอยู่ดีๆ เข้าไปอยู่ในที่อโคจรเสียเฉยๆ แทนที่จะอยู่ให้ห่างไม่เข้าไปปนเปื้อนน่ะค่ะ ^ ^

ตอนนี้ก็ฝึกเจริญสติอยู่เรื่อยๆ กายาฯ บ้าง เวทนา บ้าง ไปเรื่อยๆ แล้วแต่วันหนึ่งๆ จะพบหรือได้เห็นอะไรทันบ้างน่ะค่ะ ยังมีหลุดบ้าง หรือบางทีก็ได้เห็นความหงุดหงิดของตัวเองเป็นครั้งเป็นคราว..แล้วก็ปล่อย..นับว่าโชคดีที่รู้จักใช้ร่มเงาของพระธรรมบ้างแล้วค่ะ ^ ^

สวัสดีค่ะ คุณP jaichid

 

เรื่องการเจริญสตินี้ไม่ยากค่ะ ตัวเองก็หัดดูความโกรธเป็นตัวแรกเหมือนกัน เพราะดูง่ายที่สุดน่ะค่ะ เคยเขีัยนเอาไว้ที่นี่ค่ะ

การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน (๒) - มา "ดู" ความโกรธ กันเถอะ

ต้องหาเวทีที่เราคิดว่าเราจะได้พบความโกรธบ่อยๆ มาเป็นที่ฝึกค่ะ แล้วเตรียมตัวเผชิญกับความโกรธที่อาจจะเกิดขึ้น

ส่วนใหญ่เรา"ดู"ไม่ทันเพราะมาแบบไม่ทันตั้งตัวน่ะค่ะ ถ้าตั้งตัวทันก็จะ"ดู"ทัน แล้วไม่"เป็น" หรือบางครั้งยัง"เป็น"โกรธเหมือนเดิม แต่เห็นทันว่า"กำลังโกรธ"..อาจจะหายใจช้าๆ นับหนึ่งถึง ๑๐..หรือทำอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นโกรธ...ก็จะทำให้ความโกรธเบาบางลงได้ค่ะ ^ ^

เช่น บางทีมีคนมาต่อว่าแบบไม่มีเหตุผล...ถ้าเราไม่รับเรื่องที่เขาพูดมาเป็นสาระ (เหมือนเสียงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา-ได้ยินแต่เลือกจะไม่ฟัง ทำนองนั้น..) เราก็จะไม่เป็นโกรธไปกับเขา คือจะได้ยินแต่เสียงเท่านั้น... ดิฉันเคยเห็นคนโกรธในที่ประชุม พอเราทำหน้าที่"ดู"อยู่เฉยๆ ก็จะเห็นตัวโกรธที่สิงอยู่ในตัวผู้โกรธคนนั้นชัดมากๆ  พอเห็นชัดมากๆ แล้วก็จะไม่อยากเป็นแบบเขาน่ะค่ะ...

อ้อ..เวลาดูความโกรธหรืออารมณ์อะไรก็ตามนะคะ พอเห็นมันเกิดแล้ว ... ให้ดูจนกระทั่งมันดับด้วยค่ะ เช่น ถ้าเมื่อกี้โกรธแล้วดูทันแล้ว พอไม่โกรธแล้วก็ให้เห็นด้วยว่า อืมม..สิ้นสุดแล้ว ..  พอเราเห็นว่าทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว ตั้งอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ดับไปเสมอ.. ก็จะได้เห็นไตรลักษณ์เป็นประจำ แล้วไม่ไปยึดติดกับเรื่องต่างๆ น่ะค่ะ 

ยิ่งดูมาก เห็นมาก ยิ่งเกิดปัญญาค่ะ ^ ^ หวังว่าคงช่วยได้บ้างนะคะ ลองหาเวทีฝึกดูค่ะ ... ดูอารมณ์อะไรก็ได้ค่ะ

สวัสดีค่ะ P  นาย สมพงศ์ ตันติวงศ์ไพศาล

 

เรื่องจวักตักแกงนี้คงคล้ายๆ กับที่บางคนสวดมนต์หรือรู้ปริยัติมากๆ แต่ไม่ได้ปฏิบัติ เลยไม่เข้าใจนะคะ

สำหรับเรื่องสติ กับสัมปชัญญะนั้น ยอมรับเลยนะคะ ว่ายังไม่ได้ศึกษาว่าอะไรหมายถึงอะไร.. เกรงว่าจะไปติดอยู่กับคำนิยามศัพท์แล้วจะงงน่ะค่ะ   ตอนนี้ก็อาศัยปฎิบัติเน้น"การรู้" ว่ากำลังทำอะไร คิดอะไร เห็นอะไร ฯลณ แล้วก็เลือกตอบสนองความคิด ความเห็น โดยใช้สติกำกับน่ะค่ะ...

ขอบคุณที่เข้ามาแลกเปลี่ยนและช่วยชี้แนะนะคะ  

สวัสดีค่ะอาจารย์ พี่เพิ่งกลับจากสกลนครมาได้สี่ห้าวัน ไปกราบพระอาจารย์ที่วัดโสมพนัส ที่เคยไปปฏิบติธรรม วัดครบรอบ ๑๒ ปี ลูกศิษย์เลยทำบุญใหญ่จัดงาน อาจาริยบูชา มีพระอาจารย์จากวัดต่างๆมาร่วมแสดงธรรม พี่ได้มีโอกาสสดับธรรมจากหลวงพ่อคำเขียนตัวจริงๆด้วย รู้สึกเป็นบุญเหลือประมาณ ท่านก็ปรารภธรรมสอนเรื่อง รู้ตัว กับหลงตัวค่ะ

สวัสดี ด้วยความระลึกถึงครับ น้อง อ.ตุ๋ย กมลวัลย์

  • เป็นเรื่องน่าคิดครับ
  • เป็นสภาวะจริง ที่คนในโลกเป็นกันอยู่มาก
  • ทั้งๆที่บอกว่ามีความรู้มากหลาย  ทำอะไรได้มากมาย แต่ที่ตกหล่น ทำกันไม่ค่อยได้ หรือไม่เคยลองทำ คือ เรียนรู้ให้เห็นความจริงแท้ในโลก เห็นความเป็น "เช่นนั้นเอง" เช่นความจริงตามกฏ ไตรลักษณ์ เป็นต้น
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ อ.กมลวัลย์

มิน่าล่ะครับ ผมถึงได้ตัวดำเกรียมขนาดนี้  คงเพราะตากแดดมาตลอดกระมัง  คงต้องหาที่ร่มแล้วกระมังครับ

ปัญหามีอยู่ข้อเดียวคือ....ที่ร่มอยู่หนใด?

 

สาธุ สาธุ สาธุ ครับ

สวัสดีค่ะพี่นุช P  คุณนายดอกเตอร์

 

เป็นโอกาสดีจริงๆ ค่ะที่ได้พบและได้รับฟังธรรมจากหลวงพ่อโดยตรง รวมถึงพระอาจารย์ท่านอื่นๆ อีกด้วย  แค่รู้ว่าคุณพี่ได้ไปฟังธรรมมาโดยตรงก็เกิดปิติแล้วค่ะ.. รู้สึกได้ว่ายังมีผู้ปฎิบัติธรรมอีกมาก และยังมีพระอาจารย์ที่จะสอนธรรมะให้กับผู้สนใจต่อๆ ไปอีก ดีจริงๆ ค่ะ

ขอบคุณที่มาเล่าสู่กันฟังนะคะ ^ ^ 

สวัสดีค่ะ P อ. Handy

 

ไปเยี่ยมอาจารย์ที่บันทึกมาหลายรอบแล้วค่ะ แต่ไม่ได้ทิ้งร่องรอยเอาไว้..จังหวะเวลาไม่ค่อยพอดีค่ะ  ^ ^

สำหรับเรื่องการไม่รู้ตัวนั้น  ยังมีคนอีกมากที่ไม่รู้ตัวจริงๆคิดย้อนดู ก็จะเห็นได้ว่าที่ไม่ค่อยรู้ตัวกัน เพราะถูกเลี้ยงมากับกิเลส..ให้แข่งขัน ให้มีเป้าหมายแบบโน้นแบบนี้ แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของวัตถุ.. จะเรียกได้ว่าคนไม่รู้ตัวเพราะติดกับดักค่านิยมสังคมก็เป็นได้ค่ะ.. น่าเห็นใจ.. เพราะมองไม่เห็นว่าค่านิยมที่ตัวเองยึดหรืออยู่นั้นเป็นสิ่งไม่จีรัง นำทุกข์มาให้ และไม่มีตัวตน ตามกฎไตรลักษณ์แท้ๆ เลยค่ะ

ขอบคุณอาจารย์ที่เข้ามา ลปรร นะคะ   ด้วยความระลึกถึงเช่นกันค่ะ ^ ^

สวัสดีค่ะP คุณ ธรรมาวุธ

หายไปนานเลยนะคะ ^ ^ ดีใจจังที่เห็นมาเยี่ยมที่บันทึกนี้ค่ะ

เรื่องที่คุณธรรมาวุธตัวดำเกรียม คงไม่เกี่ยวกับเรื่องนั่งกลางแดดตามที่หลวงพ่อเปรียบเทียบไว้หรอกค่ะ

ส่วนที่ร่มนั้น ดิฉันว่าคุณธรรมาวุธรู้ดีเลยว่า ที่ร่มนั้นก็อยู่ที่ใจของเรานี่เอง..  จะทุกข์จะสุข ก็อยู่ตรงนี้แหละค่ะ ^ ^

ขอบคุณที่แวะมาทักทาย ลปรร นะคะ ^ ^ 

สวัสดีค่ะ

 พี่หมูจะกล่าวถึงคุณกมลวัลย์เป็นประจำ แต่ตัวเองก็ไม่เคยเข้ามาคอมเมนท์เลย วันนี้ขออนุญาตเข้ามาศึกษาธรรมะนะคะ สาธุ สาธุ  สาธุค่ะ

สวัสดีค่ะ อ.ตุ๋ย

มาเรียนรู้ธรรมมะค่ะ กำลังพยายามดูจิต ฝึกสติค่ะค่ะ

สวัสดีค่ะคุณหมอ P ตันติราพันธ์

 

ต้องขอบคุณพี่หมูที่คิดถึงดิฉันเสมอค่ะ ^ ^  ทำใ้ห้คุณหมอมาเยี่ยมที่บันทึก..

ไปอ่านที่บันทึกคุณหมอเรื่อยๆ นะคะ รู้สึกชื่มชมการปฏิบัติของคุณหมอมากๆ เลยค่ะ  การได้ปฏิบัติและได้ช่วยเหลือคนอื่นๆ ไปด้วยนั้นเป็นกุศลเป็นอย่างยิ่งจริงๆ ค่ะ  ขออนุโมทนากับสิ่งที่คุณหมอกระทำนะคะ

ขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนนะคะ ยินดีต้อนรับเสมอค่ะ ^ ^

สวัสดีค่ะพี่แป๋ว P  paew

 

ฝึกเรื่อยๆ ทุกวันเลยนะคะ.. (ดีใจ ได้เพื่อนร่วมฝึกอีกคน ู ^ ^ )  นึกได้เมื่อไหร่ก็ลองทบทวนอารมณ์ก็ได้ค่ะ  ตัวเองก็ยังใช้วิธีนี้อยู่ค่ะ แต่ก็พยายามเจริญสติให้ตลอดให้มากที่สุดค่ะ.. ชอบอยู่ในที่ร่ม..ไม่อยากเกิดอารมณ์ใดๆ เท่าไหร่เลยค่ะ ^ ^

ขอบคุณค่ะน้องตุ๋ย

พยายามไม่ให้เกิดอารมณ์ค่ะ แต่บางทีก็ทนไม่ไหวจริงๆ แต่ถ้ารู้ตัวทันก็จะหยุดค่ะ แต่บางทีก็เตลิด โดยเฉพาะเมื่อคุยกับใครที่ร่วมอุมการณ์เดียวกัน
เป็นโรคเดียวกันค่ะพี่แป๋ว.. ^ ^  พอเจอคนคอเดียวกัน..อารมณ์จะเตลิดง่ายกว่าปกติค่ะ..  แต่เดี๋ยวนี้จะทันตัวเองมากขึ้น..จะพูดน้อยลง...พอพูดน้อยลง..หลายๆ อารมณ์ก็จะลดลงเรื่อยๆ ค่ะ ^ ^

ผมหลงทาง หาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้อยู่นานมาก ตอนนี้เริ่มเห็นทางบ้างแล้ว มีผู้คนเดินนำหน้าอยู่มากมาย ก็อุ่นใจว่ายังมีเพื่อน ขอร่วมแจมบ้างในฐานะผู้เริ่มปฏิบัติ

ปู่หลง

สวัสดีค่ะคุณปู่หลง

ไม่มีคำว่าสายสำหรับการปฏิบัติธรรม หากใจเราศรัทธาและสมองยังดีอยู่ ดิฉันก็ดีใจมากค่ะ ที่พบเพื่อนร่วมทางปฏิบัติหลายๆ ท่านใน gotoknow นี้

ยินดีต้อนรับนะคะ ^ ^ 

สว้สดีครับอาจารย์

ทั้งๆ ที่เรารู้ว่า "อยู่ในร่ม" มันร่มรื่นกว่าการยืน "อยู่กลางแดด"

แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมตัวเราจึงยังเลือกที่จะอยู่กลางแดด แถมบางทียังหยิบเอา "ซันแทน (ครีมทากันแดด)" ออกมาทาอีกด้วย สงสัยจะรู้ตัวว่า "ยังต้องอยู่กลางแดด" ไปอีกนาน

Happy New Year ครับ

สวัสดีค่ะอ.ประพนธ์

บางทีอาจจะเป็นความเคยชินน่ะค่ะ ทำให้ไม่รู้สึกว่าร้อน หรือความเคยชิน อาจทำให้คิดไปเลยว่าไม่มีทางเลือก ไม่มีพื้นที่แบบร่มๆ ให้อยู่ได้ เลยพัฒนาโดยการไปหาครีมทากันแดดมาใช้ จะได้อยู่กลางแดดได้โดยไม่ร้อนไม่ไหม้..และอาจคิดว่าตัวเองฉลาด(เกิดทิฎฐิ มานะ)เพราะรู้จักใช้ครีมทากันแดดอีกต่างหาก ^ ^

สวัสดีปีใหม่เช่นกันนะคะอาจารย์ ขอให้อาจารย์และครอบครัวมีสุขภาพดี มีกำลังกายกำลังใจในการปฏิบัติและเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ ^ ^ 

อยู่ในกองทุกข์ แต่ไม่รู้ตัวว่าทุกข์ เห็นเป็นสนุก แล้วมันจะทุกข์ไหมหนอ.....

สวัสดีค่ะคุณ Man In Flame

ถ้าอยู่ในกองทุกข์จริง อยู่นานๆ เ้ข้า น่าจะต้องรู้ได้ว่าเป็นทุกข์นะคะ เพราะบางทีการสนุกนานๆ ก็เป็นทุำกข์นั่นแหละค่ะ

การมีทุกข์ไม่ใช่เรื่องผิดปกติค่ะ เกิดมาก็เป็นทุกข์(ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้)แล้ว แต่ครูบาอาจารย์ท่านว่า.."ทุกข์ต้องกำหนดรู้" ค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาให้ข้อคิดเห็นนะคะ 

สวัสดีครับอาจารย์..

รู้สึกว่าจะมาช้านิดหน่อยนะครับ..แต่ผมคิดว่าเป็นวาระ..

เป็นเหตุและปัจจัย  หรือกรรม และความพร้อมของจิตครับ...

อาจารย์ครับ...

หลายวันที่ไปดูงานที่ชัยภูมิ...เมื่อเราออกจากงานประจำ...ก็เกิดความสงบพอสมควรครับ..

 

    รู้สึกเหมือนกรรมอะไรไม่รู้เหมือนกันนะครับ(กรรมดี)  ทำให้ได้ติดหนังสือ ประทีบส่องธรรม..ของท่านพระอาจารย์ปราโมช..    http://www.wimutti.net/pramote/

    เป็นหนังสือที่พี่หยดน้ำ  มอบให้ครับเมื่อครั้งซื้อหนังสือพยาบาล        ไร้หมวก.....

เพิ่งจะเริ่มอ่านครั้งแรกครับ....

 เมื่อเดินทางไป..บนรถนานเกือบ 10 ชม  ก็ได้อ่านตลอด  รู้สึกปีติ และเกิดความเข้าใจชัดเจนมากขึ้นต่อการปฏิบัติมากๆครับ....

  โดยเฉพาะเรื่องการเจริญสติ...หลักเรื่องของ จิตดูจิต..และการตามรู้  รูป-นามต่างๆ  และยังมีเคล็ด  ต่างๆที่ละเอียดแทรกอยู่กมายเลยครับ...เหมือนได้เรียนรู้....

  ผมได้แสดงความรู้สึกต่อพี่หยดน้ำว่า..ความรู้สึกหลังอ่านเล่มนี้คือ...

  เป็นความเข้าใจที่มากขึ้น รู้มากขึ้น..แต่น่าจะเป็นเพียงระดับสัญญา...ไม่ได้รู้แจ้งแต่อย่างใดครับ....

  คือเปรียบเหมือนก่อนหน้านี้เราศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม  เราก็เพียงเข้าใจแบบขณะนั้นๆ ระดับหนึ่ง..เหมือนเราเห็นทางธรรม..แต่เห็นไม่ชัดเจนนัก... ถ้าเป็นถนนก็เห็นลางๆ  หรือเห็นมีต้นไม้ใบหญ้า..รก คลุม หรือบังทางอยู่....

 

    แต่หลังจากที่อ่านหนังสือ  ตึกตรองทำความเข้าใจไประหว่างที่อ่าน  พร้อมกับดึงความจำเดิม  มาปรับและมาต่อยอดเพิ่มเติม...กับคำสอน..

  ทำให้เข้าใจมากขึ้น  เหมือนว่าหนทางธรรมนี้จัดขึ้น..สว่างมากขึ้น มั่นใจมากขึ้นที่จะเดินไป  ด้วยความรู้สึกที่อบอุ่น สบายๆ เบา ไม่หนัก ไม่เคร่งเครียดเกินไปครับ...

  คือก่อนนี้เหมือนเดินไปในถนนในป่ารักที่อาจจะเห็นทางบ้าง..แต่ไม่ชัด..ต้องดูดีๆ  แต่หลังอ่านเหมือนว่าเดินบนถนนลาดยาง...ที่มองเห็นทางที่จะไปได้ชัดเจน..แม้จะมองไปไม่ถึงว่าที่สุดทางนั้นเป็นอย่างไร  แต่ก็ชัดกว่าเดิมครับ...

  เหลือเพียงการก้าวเดิน..การทำจริงเพื่อให้เห็นจริง..ต่อไปครับ...

  ขอบคุณมากๆครับ

 

สวัสดีค่ะน้องหมอ

หนังสือเล่มนี้พี่ก็มีค่ะ ได้รับมาจากกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง ตอนที่ได้รับยังไม่ได้ปฏิบัติมากเหมือนทุกวันนี้ เมื่อครั้งแรกที่อ่านก็ยังเป็นสัญญา(แบบเลือนลาง ^ ^) ยังไม่มีปฏิเวธแต่อย่างใด

ไว้พี่คงต้องย้อนกลับไปอ่านอีกครั้ง ก็คงจะได้รับความรู้ความเข้าใจเพิ่มเิติมเหมือนกับที่น้องหมอได้รับเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ในครั้งนี้ 

ตอนนี้เวลาอ่านหนังสือธรรมะ ไม่ว่าจะเล่มใด ถ้าเป็นหนังสือที่เขียนโดยพ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้ทรงธรรม ก็จะรู้สึกเหมือนว่าได้อะไรใหม่ๆ เพิ่มเสมอ หรือตอกย้ำความรู้เดิมที่มีอยู่ เกิดความรู้ความเห็นตามที่เป็นจริง และเกิดศรัทธามากขึ้น  และบางครั้งก็จะรู้สึกว่ามีพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาเตือนผ่านตัวหนังสือเมื่อยามที่เราต้องการพอดีด้วยค่ะ

เหมือนที่น้องหมอบอกนะคะ ว่าเส้นทางการปฏิบัตินั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ พี่ชอบคิดเทียบว่า ตอนนี้เราเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์สว่างขึ้นเรื่อยๆ เส้นทางก็จะชัดขึ้นเรื่อยๆ น่ะค่ะ

ขอบคุณที่แวะมา ลปรร นะคะ  ^ ^ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท