ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2550 ทีม สคส. ได้มีโอกาสเปิดหูเปิดตา ไปเยี่ยมบริษัทเอกชนถึง 2 แห่ง ในระยะไล่เลี่ยกัน ได้เห็นอะไรใหม่ๆ ที่คิดว่าควรแก่การบันทึกเอาไว้เป็นทุนสมอง เวลาที่เราต้องการคิดสร้างสรรค์งานอะไรใหม่ๆ วันหน้าใกล้ๆ นี้ต้องได้ใช้แน่ๆ
* การสื่อสาร ปัจจุบันนี้สอบตกกันเยอะ เพราะสื่อ กันเฉพาะ ข้อมูลข่าวสาร แต่ไม่มีทักษะในการสื่อความรู้สึก
* คัดเลือกนักศึกษาปีหนึ่งมาฝึกงาน ให้ทำงานจริง ได้เงินเดือนจริงๆ ไม่ใช่มาแค่บริการเจ้าหน้าที่ ฝึกให้เขาเรียนรู้จากงานจริงๆ และดูผลการเรียนแต่ละภาคเรียนประกอบ หากผลการเรียนแย่ลง ให้กลับไปทำเรื่องเรียนให้เต็มที่ก่อน แต่ถ้าผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีก็ให้ทำงานต่อไป
* การสร้างกิจกรรมในด้านส่งเสริมคุณธรรม แล้วเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปเข้ามาร่วมกิจกรรม เช่น ทุกเย็นวันอังคาร และวันพุธ บริษัทจะเปิดห้องประชุม เป็นห้องธรรมมะ นิมนต์พระอาจารย์มาแนะนำ นำกิจกรรมต่างๆ ในขณะเดียวกันก็ไม่บังคับพนักงาน แต่ให้บรรยากาศเหล่านี้ค่อยๆ ดึงพนักงานเข้ามาร่วม
* Fun Manager มีหน้าที่สร้างความสนุกให้เกิดขึ้นในที่ทำงาน คิดกิจกรรมที่คอยสร้างบรรยากาศของการทำงานให้ดีขึ้นในทุกเดือน ดูจังหวะงาน และจังหวะสนุกให้สมดุล พอดีๆ ไม่มากไป ไม่น้อยไป ทำให้คนรู้สึกอยากมาทำงานเมื่อถึงเช้าวันจันทร์
* ถ้าคนยังไม่มีความสุขจากข้างในจริงๆ ก็อย่าไปคาดหวังว่าบรรยากาศข้างนอกจะมีความสุข
* สังคมที่อยู่กันด้วยความรัก ไม่ใช้อยู่กันกฏระเบียบกติกามาเป็นตัวควบคุม ที่นี่ไม่มีแม้แต่ job discription ไม่มี ISO ไม่มีประกันคุณภาพใดๆ ไม่มี competency ไม่มี balance score card ไม่มี 5 ส.ทุกอย่างสร้างขึ้นเองทั้งหมดภายใต้หลักคิดใหญ่ๆ 2 ประการ คือ คน และ Brand ขององค์กร ทำมา 10 ปี บริษัทเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และอัตรา turn over ของคนก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตรงกันข้าม หลายคนลาออกไป แล้วขอกลับเข้ามาทำงานที่นี่อีกก็หลายคน แม้ว่าไปที่อื่นเงินเดือนเยอะกว่าก็ตาม
* Brand ขององค์กรต้องทำให้คนเชื่อมั่นในภาพลักษณ์ขององค์กรให้ได้ ที่นี่ (บริษัทที่ไปดูมา) มีหลักของการสร้าง brand อยู่ว่า ต้องทำให้ง่าย ต้องเป็นมืออาชีพ ต้องทำให้สนุก ต้องทำให้ทันยุคทันสมัย ต้องทำให้มีพลวัตรไม่หยุดนิ่ง
เรียน ท่านอาจารย์ธวัช
ตามอาจารย์หมอ 2 J มาครับ
ตามมาเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานของอค์กร หลักการสร้าง brand ว่า ต้องทำให้ง่าย ต้องเป็นมืออาชีพ ต้องทำให้สนุก ต้องทำให้ทันยุคทันสมัย ต้องทำให้มีพลวัตรไม่หยุดนิ่ง
ขอบคุณนะครับ
สวัสดีครับ อาจารย์ JJ และ ครูนง ที่นับถือ
ผมเพิ่งนึกขึ้นได้อีกจุดหนึ่งเลยขออนุญาตเพิ่มตรงนี้แล้วกัน
* การทำคุณความดีให้กับสังคมนั้น บริษัทจะไม่ยกมาใช้เป็นช่องทางในการทำการตลาด ขอเก็บเอาไว้เป็นเรื่องภายใน เป็นเรื่องที่คนในบริษัทอยากทำจริงๆ ไม่เกี่ยวกับภาพลักษณ์ ทางการค้า จึงมักจะไม่เห็นเรื่องราวเหล่านี้ในที่สาธารณะทั่วๆไป