KM : การบริหารการเปลี่ยนแปลง


ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูง ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เนื่องจากว่าการเติบโตของธุรกิจที่รวดเร็ว ทางผู้บริหาร จึงมีแนวคิดในการนำ Key Performance Indicator (KPI) และ Balances Scorecard (BSC) มาใช้ ผมจึงถูกชวนให้ไปพูดคุยแบบสบาย ยามเย็น แนะนำความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ KPI และ BSC พอเข้าไปพูดคุยถึงรู้เบื้องลึกว่า ผู้บริหารอยากนำมาใช้ แต่ ผู้ปฏิบัติยังไม่รู้จัก จึงได้ให้ไปพูดคุยแนะนำเป็นเบื้องต้นให้ฟัง

พอพูดคุยทำความเข้าใจกันไปสักพัก ปรากฏว่าผู้บริหารนำ สิ่งที่ผู้บริหารคิดไว้มาแสดงให้พนักงานครับ ผมเองดูแล้วก็คล้อยตามครับ เพราะผู้บริหารท่านอยู่กับตัวเลข และทำการบ้านมาดี เรียกว่าเป็นการนำวิสัยทัศน์ของผู้บริหารมาบอกให้พนักงานทราบ มองดูแล้วก็เหมือนจะไปได้ดีนะครับ แต่พอสังเกต ความรู้สึกของผู้ปฏิบัติงาน ผมรู้สึกว่ามีอาการช็อกและตกใจ ผมว่าคงเป็นอาการของกลัวการเปลี่ยนแปลงมากกว่า

ถ้าพูดตามทฤษฎีนะครับ ที่จะเอา วิสัยทัศน์ของผู้บริหารมาแปลงสู่ KPI เพื่อนำไปปฏิบัติ ในกรณีนี้ ผู้บริหารก็มักจะสั่ง (ผมใช้คำว่าสั่งเลยนะครับ) บอกว่า นี้คือสิ่งที่ผมต้องการ คุณไปทำแผนและกำหนดตัวชี้วัด มาเพื่อให้ได้ตามที่ผมต้องการ คือ โยนเป้าหมาย และให้ไปหาวิธีการมา

ผมมามองที่ตัวเองครับ เมื่อก่อนก็มีความคิดนี้เหมือนกัน ก็ตำรา ทฤษฎี มันบอกไว้นี้ ว่า KPI ต้องมาจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร แล้วถ่ายทอดลงมา ก็จริงและถูกต้องครับ แต่พอผมสังเกต หลายองค์กรทำแบบนี้ก็ประสบความสำเร็จดีนะครับ บางองค์กร (เชื่อว่าก็คงต้องมีบ้าง) ที่ทำแบบนี้แล้วไม่สำเร็จ ที่ไม่สำเร็จ ผมมองว่าเนื่องมาจากที่ ขาดการมีส่วนร่วมของผุ้ปฏิบัติงาน ที่จะร่วมกันทำแผน หรือ กำหนดวิสัยทัศน์ และ KPI ขึ้นมาใช้เองครับ

ถ้าอย่างนี้แล้วก็ต้องโดนถามต่อว่า แล้วจะทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีส่วนร่วมในการกำหนดแผน และ KPI อย่างไร ผมมองว่า KM นี้สามารถช่วยได้ในกรณีนี้ครับ โดยสามารถที่จะเป็นเครื่องมือในการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ทำได้โดยตั้งวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ให้มาเล่าความภาคภูมิใจในการทำงาน เพื่อมากำหนดฝันร่วมกัน (ตรงนี้จะได้วิสัยทัศน์ ที่เกิดจากความรวมมือของทุกคน เป็นภาพฝันของทุกคนร่วมกันครับ) หลังจากนั้นก็ค่อยๆให้แต่ละกลุ่มมาช่วยกันคิดวิธีการที่จะถึงฝันนั้น (ตรงนี้ก็จะมาจากเรื่องเล่าความภาคภูมิใจในการทำงาน) ที่นี้ KPI จากการทำงานก็จะออกมาเองครับ

เป็นวิธีการที่คงต้องใช้เวลาครับ แต่ได้ความร่วมมือ ผมว่าน่าจะมีพลังมากกว่า การที่สั่งลงมาแล้วให้ทำตาม ถ้าจะทำอย่างนี้ได้ ตัวผู้บริหารต้อง อดกลั้น อดทน ที่จะไม่พูดสิ่งที่อยู่ในหัวออกไปก่อน ลองให้พนักงานคิดและทำออกมาก่อน ดังนั้นผุ้บริหารอาจไม่ชอบ เพราะเป็นการทำงานที่อาจไม่ตอบโจทย์ความรวดเร็วของทางภาคธุรกิจครับ ดังนั้นก็แล้วแต่ครับ ว่าวิธีการอย่างนี้ใครสนใจที่จะทำบ้าง คงไม่มีสูตรตายตัวว่าต้องทำอย่างไร จึงจะสำเร็จ ผมแค่มาบอกว่าถ้าเป็นผมจะทำอย่างไร บางที่อาจไม่สำเร็จก็ได้ครับ

แต่อย่างว่า สัปดาห์นี้ผมก็มีเวทีในการลองนำ KM ไปใช้เพื่อการบริหารการเปลี่ยนแปลงเหมือนกัน คือที่ คณะบริหารธุรกิจของผมนั่นเอง โจทย์ใหญ่อยู่ที่ จะทำอย่างไรให้อาจารย์พัฒนากระบวนการเรียนการสอน และหันมาทำประกันคุณภาพ โดยสอดแทรกอยู่กับกระบวนการจัดการเรียนการสอนโดยปกติของอาจารย์

โดยปกติอาจารย์จะถูกสั่งให้ทำประกันคุณภาพอยู่แล้ว และของเดิมมีตัวชี้วัดเรื่องการมีส่วนร่วมของคณาจารย์อยู่ด้วย (ปัจจุบันไม่เห็นแล้ว) แต่มักไม่ค่อยมีคนทำตามเกณฑ์ตัวชี้วัดต่างๆ เรียกได้ว่าตัวชี้วัดในแต่ละองค์ประกอบมีอะไรบ้าง ยังไม่ทราบ (ไม่ใช่ว่าผมเอาเรื่องไม่ดีมาเล่า แต่จะให้เห็นภาพก่อนว่า ปัจจุบันเป็นอย่างไร) และหากพูดถึงการพัฒนากระบวนการเรียนการสอน อันนี้ยิ่งหนักครับ ขืนผมไปบอกหรือขอร้องให้อาจารย์ปรับวิธีการเรียนการสอน วิธีการวัดผลของอาจารย์ ผมเกรงว่า คงจะทำงานอยู่ไม่ได้นานแน่ ดังนั้นวิธีการคือต้องทำให้อาจารย์พัฒนา โดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังพัฒนาอยู่ ทำให้อาจารย์ทำ QA อยู่ โดยไม่รู้ตัวว่าทำQA อยู่ แต่จะทำให้อาจารย์คิดว่าทำแค่เรื่องการเรียนการสอนเท่านั้น ตามที่อาจารย์หลายๆท่านต้องการ งานนี้ค่อนข้างหนักครับ เพราะทำเองในคณะ หลังจากเดินสายแนะนำมาหลายหน่วยงานแล้ว เรียกว่าคนกันเองมาแนะนำคนกันเอง และผมเป็นอาจารย์รุ่นกลางๆ แล้วด้วย (จริงๆก็ยังถือว่าน้องใหม่อยู่นะครับ เพราะเพิ่งมีอาจารย์น้องใหม่มาไม่มาก) สิ่งสำคัญคือแล้วจะทำให้อาจารย์อาวุโสมาฟังผมได้ไหมหน่อ แล้วจะนำมาเล่าครับว่าทำได้แค่ไหน

 

หมายเลขบันทึก: 148311เขียนเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2007 07:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 พฤษภาคม 2012 14:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เรียน ท่านอาจารย์มณฑล

  • เครื่องมือ คือ ตัวช่วย
  • ไม่ว่าจะเป็น KPI หรือ BSc
  • หาก คณาจารย์ไม่ "เข้าใจ" ถึง คุณภาพ และ มาตรฐานการศึกษาของชาติ ก็คง
  • ต้องความเข้าใจกันพอสมควรครับ
  • ประหนึ่ง การจัดการความรู้ เรานำ KM ใช้เป็นเครื่องมือ ไม่ได้ทำเครื่องมือ KM ครับ
  • ด้วยความปรารถนาดี

เรียนท่านอาจารย์มณฑล ครับ

สิ่งหนึ่งที่ อ.JJ ได้ให้ผมได้เรียนรู้ คือ

คุณภาพ ต้องเริ่มจาก person scorecard

นั้นหมายถึง ฅน งาน หน่วยงาน ครับ

ผมพยายามจะเริ่มจากตัวเองเสมอมาครับ

โดยการถ่ายทอด สั่งสอนจากผู้นำครับ

การถ่ายทอดตัวบ่งชี้ ตัวชี้วัด หรืออะไรก็ตาม ผมคิดว่าคือสิ่งสำคัญครับ

จาก top down และสู่ bottom up น่าจะส่งเสริมต่อการพัฒนาองค์กรครับ

ด้วยความเคารพ

แวะมาทักทายและขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ

ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนจากงานอาจารย์ที่หนักๆ นะครับ

โชคดีครับผม

อ.ป๊อป

Hi there,Aj.Monthon

Thanks for your introduction me to your blog.

Nice to meet you.

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท