ประสบการณ์ตรงในครอบครัวของผม : ตายแล้ว เกิดใหม่ ระลึกชาติได้ ???


อาจจะเป็นจริง ที่หลานสาวผมได้ไปเกิดใหม่ แต่การไปติดต่อ พบปะกันอีกครั้งหนึ่ง มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขอให้คิดเอาเองว่า จะยอมรับข้อเสียได้หรือไม่ และข้อเสีย ก็จะทำให้เกิดทุกข์มากขึ้นไปอีก

ตั้งแต่เกิดมา ผมนับถือศาสนาพุทธเป็นสรณะมาตลอด และไม่เคยคิดว่าจะมาเผชิญเหตุการณ์ประหลาดที่ทางศาสนาพุทธถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะคิดถึง ให้เป็นกังวล ก็คือ

ตายแล้วไปไหน?” 

ตามที่ผมเข้าใจตามหลักศาสนาพุทธนั้น การ เกิด ตาย เป็นเรื่องของจิต

แต่การเกิดตายในเชิงของร่างกาย แต่วิญญาณยังคงอยู่นั้น ไม่ค่อยมีการพูดถึงกันนัก

และผมก็ไม่เคยใส่ใจกับเรื่องนี้ จนกระทั่ง เมื่อประมาณ 3-4 ปีมาแล้ว มีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นในครอบครัวผม ที่น่าจะนำมาบันทึกไว้ ณ ที่นี้ คือ

 เมื่อปี พ.ศ.2540 หลานสาวผมคนหนึ่ง ได้ป่วยติดเชื้อพิษสุนัขบ้า รักษาไม่หาย เป็นเวลาหลายเดือน จนถึงแก่ชีวิต เมื่ออายุได้แค่ 18 ปี

ซึ่งก็ได้ทำพิธีทางศาสนาตามประเพณีปฏิบัติของศาสนาพุทธ อย่างปกติธรรมดา 

หลานสาวผมคนนี้ เป็นที่รักและความหวังของครอบครัวพี่ชายผม เพราะมีลูกสาวคนเดียวที่คาดว่าจะให้ดูแลกิจการร้านขายของที่ทำอยู่ในปัจจุบัน

เมื่อหลานสาวเสียชีวิต พี่ชายผมจึงทำใจไม่ได้ จึงได้เข้าวัดไปทำบุญและอุทิศตนดูแลวัดป่าแห่งหนึ่ง ห่างจากบ้านประมาณ 5 ก.ม. ทั้งๆที่ พี่ชายผมเป็นคนปกติ ไม่ค่อยจะเข้าวัดเท่าไหร่  

หลังจากนั้น ประมาณ 2 ปี (พ.ศ.2542) พี่ชายและพี่สะใภ้ของผม ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนของทุกวัน

ยกขึ้นมาฟังก็ไม่มีเสียงพูด แต่ได้ยินเสียงดนตรีประหลาดๆ เหมือนบรรเลงดนตรีไทย ขับกล่อมในสมัยโบราณ เหตุการณ์เป็นอย่างนี้แทบทุกวัน เป็นเวลาร่วมหลายเดือน

ทำให้พี่ชายและพี่สะใภ้ผมประหลาดใจ และสงสัยว่า จะมีเด็กแกล้งโทร.เล่นเข้ามาผิดเบอร์  

จนกระทั่ง ประมาณปี 2543

ก็เริ่มมีเสียงพูด ถาม ว่า แม่อยู่บ้านหรือเปล่า ! ”

พี่สะใภ้ผม ตอบว่า อยู่

ก็มีเสียงผู้หญิงวัยรุ่น ตอบกลับมา ว่า แม่จริง ๆ ด้วย

และมีเสียงพูดต่อไปว่า แม่มารับหนูด้วย หนูอยากกลับบ้าน

พี่สะใภ้ผมถามว่า ใคร..อยู่ที่ไหน...

มีเสียงตอบกลับมาว่า ก็หนู..ไง แม่จำหนูไม่ได้เหรอ..แม่บอกพ่อมารับหนูด้วย 

พี่สะใภ้ผมตกใจมาก แต่ก็ไม่กล้าเล่าให้พี่ชายผมฟัง

จนกระทั่งอีกประมาณเดือน สองเดือนต่อมา พี่ชายผมเริ่มสงสัยเรื่องได้ยินเสียงโทรศัพท์ตอนเที่ยงคืนบ่อยๆ

(เวลาเที่ยงคืน เป็นเวลาที่พี่ชายและพี่สะใภ้ผม ปิดร้านขายของที่ขายอยู่เป็นประจำ และเมื่อสมัยหลานสาวผมยังมีชีวิตอยู่นั้น ได้ช่วยขายของและช่วยเก็บร้านตอนเที่ยงคืนเป็นประจำทุกวัน ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของหลานสาวในช่วงก่อนเสียชีวิต) 

พี่ชายผมได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับพระที่วัด  

·        ว่าเป็นไปได้แค่ไหน

·        และควรจะทำอย่างไร? 

พระท่านบอกว่า

อาจจะเป็นไปได้ ที่หลานสาวผมได้ไปเกิดใหม่ แต่การไปติดต่อ พบปะกันอีกครั้งหนึ่ง มีทั้งข้อดีและข้อเสีย มันเป็นคนละภพ คนละชาติแล้ว วิญญาณเขาอาจเคยเป็นลูกเรา แต่ตัวเขาไม่ใช่ลูกเรา

จะมีปัญหา ขอให้คิดเอาเองว่า จะยอมรับข้อเสียได้หรือไม่ และข้อเสีย ก็อาจจะทำให้เกิดทุกข์มากขึ้นไปอีก  

หลังจากนั้นอีก 2-3 ปี ก็มีโทรศัพท์เหตุการณ์เช่นเดิม ติดต่อมาอีกประมาณเที่ยงคืนของทุกวันอย่างต่อเนื่อง

จนมีวันหนึ่ง ทางพี่ชายผมจึงขอคุยโทรศัพท์กับพ่อแม่ของเด็กที่โทรศัพท์มาที่บ้านนั้น  

ก็ได้ความว่า ในช่วงที่หลานสาวผมเสียชีวิตที่โรงพยาบาลมหาราช (เมษายน 2540) นั้น

แม่ของเด็กที่เกิดใหม่ ได้มาเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลมหาราช และหลังจากกลับไป อีก 9 เดือน ก็คลอดเด็กหญิงดังกล่าว

ซึ่งคาดว่า ในเชิงจิตวิญญาณแล้ว อาจจะเป็นไปได้ว่า วิญญาณหลานสาวผมไปเกิดใหม่ ในท้องของผู้หญิงคนนั้น 

แต่คุยไปสักพัก ทางพ่อของเด็กผู้หญิง ก็ไม่ค่อยพอใจที่พี่ชายผมไปก้าวก่าย วุ่นวาย กับลูกสาวของเขา

พี่ชายผมจึงมาคิดใหม่ จึงพยายามตัดใจ เข้าวัด ทำบุญทำทาน และพยายามไม่คิดเรื่องนี้อีกต่อไป 

ประกอบกับคำเตือนของพระที่วัด ว่า ควรจะตัดเวร ตัดกรรม จะได้ไม่มีทุกข์ 

จนถึงทุกวันนี้ เด็กผู้หญิงคนนั้น ก็ยังโทร.มาหาพี่ชายผมและพี่สะใภ้อยู่เรื่อยๆ

แม้จะอายุเพียง 8-9 ขวบ แต่เสียงที่พูดก็เป็นเสียงเหมือนผู้ใหญ่  

เมื่อวันผมพาทีมศูนย์วิจัยน้ำ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ไปทำ Focus group ที่ จังหวัดนครราชสีมา ผมได้ขอให้ พี่ชาย และพี่สะใภ้ เล่าให้ทีมงานฟัง

ผมก็ได้รับฟังรายละเอียดไปพร้อมๆกัน และนำมาเล่าดังกล่าวข้างต้น

เรื่องนี้ สอดคล้องกับคำบรรยายของ ดร.อาจอง ชุมสาย ในการประชุมมหกรรมการจัดการความรู้แห่งชาติ เมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว ว่า มีคนอเมริกันที่ไม่เคยไปเมืองจีน แต่สามารถพูด เขียน อ่าน และเล่าเรื่องเมืองจีนได้อย่างถูกต้อง ซึ่งคนอเมริกันคนนั้นได้อ้างถึง ว่า ชาติที่แล้วเขาเป็นคนจีน 

เรื่องนี้ ทำให้ผมกลับมาคิดตลอด 1 ปีที่ผ่านมาว่า

การตายทางร่างกายนั้น อาจจะไม่มีการตายทางจิตวิญญาณ

 ซึ่งเป็นการจัดการความรู้ในระดับจิตวิญญาณ

ที่สามารถจดจำสิ่งต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตที่ผ่านมา

ที่ผมเคยเขียนบันทึกเรื่อง

ระดับของการจัดการความรู้ ในระดับที่เรียกว่า การจัดการความรู้ระดับจิตวิญญาณ (KM ธรรมชาติ)

ซึ่งเหนือกว่าการจัดการความรู้แบบธรรมชาติ (KM ธรรมชาติ) ระดับสัญชาตญาณ 

ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม หรือ อาจจะเป็นความบังเอิญ!!

แต่เหตุการณ์เหล่านี้ ก็เกิดขึ้นจริงในครอบครัวผม

ณ วันนี้

ผมเชื่อว่า การตายก็เหมือนการนอนหลับ

เราอาจจะฝันแล้วจำได้ว่าฝันว่าอย่างไร หรือบางคนอาจจะจำไม่ได้  

เช่นเดียวกับวิญญาณที่กลับมาเกิดใหม่ ก็อาจจะจำไม่ได้ ว่าชาติที่แล้วเคยเป็นอะไร 

ผมคิดว่าอยู่ประมาณนั้นล่ะครับ.. ท่านคิดว่าอย่างไร ครับ..  

หมายเลขบันทึก: 145094เขียนเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2007 21:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กันยายน 2012 12:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (36)
  • ดีเลย ที่อาจารย์เขียนเรื่องนี้
  • ผมคงกลับบ้านเก่าก่อนอาจารย์
  • แล้วผมนี่แหละจะโทรมาหาอาจารย์ บ่อยๆ บอกไว้ก่อน
  • ไม่ต้องไปลังเลปรึกษาหลวงพ่อที่ไหน
  • รับเลยโทรศัพท์
  • ผมจะได้ถามข่าวถึงตาหวานทั้งหลาย ว่าอยู่สุขสบายกันดีไหมจ๊ะ
  • G2K เราเป็นยังไงบ้าง
  • เรื่องนี้ไม่ได้พูดเล่นนะอาจารย์ ผมสั่งให้เขาเอาโทรศัพท์ทุกระบบเผาใส่ในก๊งเต็กไปด้วย
  • อย่าลืม  ได้ยินเสียง กริ๊งๆๆๆ
  • อย่าปลุก   พระไล่กันเสียละ อิอิ
  • สวัสดีค่ะท่าน 
  • อ่านแล้ว อึ้ง เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาบ้าง
  • เป็นเรื่องที่เป็นไปได้  คนที่เจอกับตัวเท่านั้นที่รู้
  • นึกไม่ออกเลยว่าถ้ามีแบบนี้เกิดกับตัวเองบ้างจะทำอย่างไร
  • ขอบคุณมากค่ะ

   เรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นได้เสมอค่ะ ไม่ขอดูตัวเด็กล่ะคะ อ.นะไม่ใช่พี่ชายได้เจอทั้งทีน่าจะพิสูจน์ ชอบนักอะไรที่เหนือธรรมชาติ มีเรื่องแบบนี้อ.ช่วยลงให้คิดอีกนะคะ ขอบคุณค่ะ!

เรื่องแบบนี้เหนือคำอธิบายครับ ยากที่จะพิสูจน์ บางครั้งคนเราก็จะรู้สึกว่าคุ้นเคยกับสถานที่ใดที่หนึ่งมาก ทั้งที่ไม่เคยไป แต่รู้จักที่นั่นที่นี่ไปหมด มันก็น่าแปลกครับ ..... กรรมเก่าหรือคิดไปเอง......แต่เรื่องที่อาจารย์เล่ามา ยากอธิบาย

ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องเหนือธรรมชาติหลอกนะแต่เป็นเรื่องธรรมชาติที่เรายังไม่รู้จักหรือรู้จักเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ซึ่งหากเราทำใจยอมรับและเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เรารู้จักปรับเปรียนความรู้สึกให้เหมาะสมแล้วเราก็จะไม่เป็นทุกข์

ซึ่งจากเหตุการณ์นี้หากครอบครัวของเด็กทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันมีความเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็น่าจะมาเปิดใจคุยกันเพื่อสานความสัมพันธ์ช้วยกันให้ความรักและดูแลเด็ก ทั้งสองครอบครัวก็จะมีความสุข  แต่ที่สำคัญคือต้องเข้าใจนะว่าผู้ที่มีสิทธิ์ในตัวเด็กคือครอบครับปัจจุบัน ครอบครัวในอดีตชาติได้มีโอกาศพบปะพูดคุยกับเด็กอีกครั้งก็ถือว่าเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดแล้ว

เรื่องอย่างนี้ไปเล่าให้ใครฟังเขาอาจว่าบ้าได้  แต่อาจารย์แสวงเป็นนักสู้และเรียนรู้กับความจริงมาเล่าให้ฟัง  ต้องเชื่อ เห็นด้วยว่ากายนั้นไปแล้วแต่จิตยังลอยล่องอยู่  หากมีกรรมก็คงมาเกิดเป็นคนอีก  ถ้าสบายก็กลายเป็นนกเป็นหนูไป

ครับ

ใครสงสัยต้องไปคุยกับพี่ชายผมที่โคราชครับ

ขอบคุณครับ

ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่เชื่อเรื่องนี้ค่ะ

โดยความคิดของผม ผมว่าพ่อเขา หรือพี่ชายของอาจารย์น่าจะไปคุยและพบเด็กคนนั้นนะครับ เด็กคนนั้นจะได้สบายใจคลายความทุกข์ไปได้จนหมดทุกข์ เพราะจิตของเด็กยังไม่ลืมสิ่งที่เขาจำได้ดังนั้นจึงเป็นความทุกข์ใจของเด็กคนนั้นที่เขาอาจจะมีบางสิ่งบางอย่างที่จะบอกพ่อเขาในอดีตชาติ ถ้าเขายังไม่บอกและไม่พูดอะไรกับพ่อแม่ของเขาใจอดีตชาติ ผมว่าเขาจะทุกข์ยิ่งกว่า และถ้าเด็กคนนั้นต้องตายอีกครั้งโดยที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยความทุกข์ที่อยู่ในใจของเขา สิ่งเหล่าตาหากที่จะเกี่ยวเนื่องเป็นกรรมเวณต่อไปไม่รู้จบ อีกอย่างนะครับการไม่ไปพบหน้าเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องการตัดกรรมอะไรหรอก ถ้าเป็นเวณกรรมกันจริงไม่มีใครหนีกรรมพ้นไปได้และพุธทเจ้าก็ไม่เคยสอนเรื่องตัดกรรม นอกจากนี้แล้วนะครับถ้ากรรมเวณมาถึงตัวท่านแล้วแม้แต่เทวดที่รักษาตัวท่านก็ช่วยท่านไม่ได้

การไม่สร้างกรรมต่อ คือการตัดเวรตัดกรรม ในความหมายที่พูดครับ

มีหลายๆเรื่องในชีวิตผม ผมก็ใช้วิธีเดียวกัน ปัญหาน้อยลงจริงๆครับ

ไม่เชื่อลองทำดูซิครับ

หลายๆปัญหาจะหยุดไม่บานปลายครับ

ไม่ช้า "แผล" ก็ค่อยๆหายไป อย่างมากก็เหลือแผลเป็น ที่เตือนใจ แต่ไม่เจ็บปวดกับมันอีกแล้วครับ

ขอบพระคุณ อ.แสวง ที่แบ่งปันประสพการณ์ที่มีคุณค่า

เพื่อให้คนอื่นได้รับรู้ ส่วนใครจะเชื่อหรือตีความอย่างไร

เป็นเรื่องของเขา เรื่องนี้...ผู้ปฏิบัติธรรม หรือการปฏิบัติธรรม..

จะช่วยพิสูจน์ได้ แต่ก็แล้วแต่บุญญาบารมีของแต่ละท่านครับ

ว่าจะได้ถึงขั้นไหน...ท่านใดอยากรู้มากกว่านี้ ลองหาฟังเทป

บรรยายธรรมของ ดร.สนอง วรอุไร ดูซิครับ

ขอบพระคุณมากครับ

จะลองไปหาฟังดูครับ

แต่ของ ดร. อาจอง ชุมสาย ผมมีครับ

คนที่เข้าใจวิทยาศาสตร์ลึกๆ มักจะบรรยายได้ดีครับ

ดร.เอียน สตีเวนสัน 

ค้นคว้าเรื่องความเป็นไปได้ในการกลับชาติมาเกิด

http://www.near-death.com/experiences/reincarnation01.html

ผมคิดว่าการตายไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิตแต่เป็นการพักผ่อนของจิตวิญญานของเราเหมือนกับการที่เรานอนหลับแล้วบางครั้งเราก็จำความฝันได้แต่บางทีก็จำไม่ได้บางครั้งอาจมีเหตุการบางอย่างเหมือนกับว่ามันเคยเกิดขึ้นมาแล้วผมคิดว่าการตายคล้ายกับการนอนหลับเป็นเวลานานแสนนานจนเราลืมเรื่องอดีตที่เคยเกิดขึ้น

ครับ

ผมคิดก็ว่าอย่างนั้นครับ

และทำให้ผมมีโลกทัศน์กว้างไกลไปอีกหลายมุมมองครับ

เช่น

คนที่มาขโมยของที่นาผม ผมก็คิดว่า เขาอาจมาเอาของเขาที่ผมยืมเขาแล้วไม่จ่ายเมื่อชาติที่แล้ว หรือ เขาทำอย่างนี้ ชาติหน้าเขาจะต้องมารับใช้ผม เป็นผู้รับใช้ผม เพราะเป็นหนี้ผม

เป็นต้น

เลยไม่กังวลทั้งสองทางครับ

มีหลายอย่างในโลกนี้ที่เกิดขึ้น และมีอยู่จริง แต่เรายังไม่มีการค้นพบ ก็เหมือนกับคลื่นไมโครเวฟ หรือ กระแสไฟฟ้า ที่มองไม่เห็นแต่พอนักวิทยาศาสตร์ค้นพบเราก็เชื่อและสามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อมนุษยชาติได้

**สักวันหนึ่งคงจะมีคนพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์**

สวัสดีค่ะ

  กำลังสนใจเรื่องนี้ค่ะ พอดีเจ้าหลานชายพูดว่าสิ่งที่ยังไม่รู้แต่อยากรู้ ตอนนี้คือตายแล้วไปไหน  สะดุดหูอาเข้าจนแปลกใจเพราะอายุก็จะ 30ปี แล้วการงานก็ดีมากอยู่ๆมาพูดแบบนี้  เลยอ่านบันทึกนี้อย่างตั้งใจจนจบ  เรื่องที่เล่ากานดาเชื่อค่ะ ถึงแม้จะไม่ใช่คนปฏิบัติธรรม เพราะมีความเชื่อเรื่องที่ว่าร่างกายตายหมดลมหายใจ วิญญาณ ออกจากร่างเกิดใหม่ทันที เพียงแต่จะเกิดเป็นอะไรเท่านั้น เกิดแล้วก็อาจตายอีกเช่น เกิดเป็นลูกนก แต่ตกลงมาจากต้นไม้ คนเห็นแต่ไม่กล้าจับช่วย มัวแต่ไปหาสิ่งที่จะมาใส่ลูกนก กลับมาอีกทีนกโดนรถทับตาย ต่อจากนกก็ไม่รู้จะเกิดเป็นอะไร  เรื่องนี้ทำให้ผู้นั้นไม่สบายใจ ก็ได้บอกให้ไปใส่บาตรให้นกแล้วจะดีขึ้น  และคิดได้อีกแง่ว่าการตัดสินใจจะช่วยหรือทำอะไรบางอย่างรอเวลาไม่ได้ 

   เรื่องที่น้องโทรมาตอนเที่ยงคืน น่าสงสารมากๆ ก็ต้องปฏิบัติ ได้เพียงคุยกันทางโทรศัพท์เท่านั้นค่ะดีที่สุด เท่านี้ก็สุขใจแล้วค่ะและต้องบอกให้น้องเข้าใจด้วย ว่ามาอยู่ด้วยกันไม่ได้เพราะอะไร

     ค่ะรบกวนเล่ากันเป็นเรื่องเป็นราว ส่วนเจ้าหลานชายก็น่าห่วงอยู่ค่ะเพราะอยากออกงาน แนวโน้มว่าน่าจะบวชพระออกไปทางแนวหลวงปู่แหวนที่อาคนนี้นับถือท่านที่สุด

 

    

ขอบคุณครับที่เข้ามาแลกเปลี่ยน

ผมก็คิดตามที่ได้ยินมา อย่างไรก็อย่างนั้น ไม่ได้ดัดแปลง

ความเชื่อเป็นเรื่องที่แต่ละคนตัดสินเองครับ

สวัสดีครับผมทำงานอยู่ที่พิษณุโลกครับ ผมมีเรื่องเล่านะครับเกิดกับตัวผมเอง เมื่อ 17 ธ.ค.53 มีหญิงคนหนึ่งชื่อต้นข้าวเขาบอกผมว่าเขาหนีมาเกิดเพื่อตามหาใครคนหนึ่ง เขาเกิด อ.ปากท่อ จ.ราชบุรีครับ แต่ถึงอายุ 5 ขวบก็ไปอยู่ที่มาเลเชีย เขาเกิดมาทานข้าวไม่ได้ ทานได้แต่ขนมปังโร ถึงทานข้าวได้สักพักก็จะไปอาเจียนออกหมดนะครับ ตัวเขาจะร้อนๆหนาวๆตลอด แบบสามวันดีสี่วันไข้ และเขาระลึกเรื่องราวเก่าๆได้เป็นบางเรื่อง เขาต้องบวชชี หรือนั่นสมาธิบ่อยๆนะครับ ตอนนี้เขาอายุ 33 แล้วนะครับ และอีกอย่างเขาเห็นภาพบางภาพที่คนเราไม่เห็นนะครับ ( เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ ไม่ได้เกิดกับใครๆเขาก็จะหาว่าบ้านะครับ )

ผมคิดว่าประสาทสัมผัสของเราก็เหมือนการรับวิทยุโทรทัศน์ ต้องดีทั้งฝ่ายรับและฝ่ายส่ง และตรงกันพอดีจึงรับได้ครับ ฟังชัด

ผมพยายามจะสื่อกับวิญญาณ บางทีก็ได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ ผมก็ไม่ทราบจะทำอย่างไรเหมือนกันครับ

ใครระลึกชาติได้บอกด้วยว่าท่านอยุ่ไหนมาบ้างผมขอถามว่าวันพุธของเดือนที่ผ่านมาอาทิตยที่สิ้นเดือนพ.ค.2553ท่านทานข้าวกับอะไรในมื้อเที่ยงขอ งของวันนั้นวันพุช่วยด้วยจริงไม่จริงว่าท่านจำไหรือเปล่า

ใครระลึกชาติได้บอกด้วยว่าท่านอยุ่ไหนมาบ้างผมขอถามว่าวันพุธของเดือนที่ผ่านมาอาทิตยที่สิ้นเดือนพ.ค.2553ท่านทานข้าวกับอะไรในมื้อเที่ยงขอ งของวันนั้นวันพุช่วยด้วยจริงไม่จริงว่าท่านจำไหรือเปล่าใครระลึกชาติก้อช่วยตอบคำถามนี้ด้วยขอขอบคุณมากครับตายแล้วไปไหนเกิดมาระลึกได้อีกผมว่าไม่ครับผมยังระลึกชาติไม่เลยหลายคนในโลกนี้ในขอนแก่นในประเทสนี้ถ้าคนเราระลึกชาติได้คงไม่มีการฆ่ากันแบบในบ้านเมืองอยุ่นี้

ผมคิดว่าไม่มีใครจำความฝันได้ทุกเรื่อง ประมาณนั้นครับ

ลองไปทบทวนแล้วจะเข้าใจประเด็นของเรื่องครับ

วิพากษ์แบบไม่เข้าใจประเด็น ไม่ช่วยใครเลยครับ แม้กระทั่งตัวท่านเอง

ทุกอย่างต้องมีข้อมูล และการวิเคราะห์ความเป็นไปได้

ลองคิดดูแล้วจะเข้าใจว่าเขาคุยกันเรื่องอะไร

ถามผ่าวงมาแบบนี้ไม่มีประโยชน์หรอกครับ

เรื่องแบบนี้ถ้าใครไม่ได้เจอ และสัมผัสกับตัวเอง ไม่มีใครเชื่อหรอกค่ะ แล้วก็อยากให้ทราบว่ากับคนที่ระลึกชาติได้ หรือสัมผัสกับเรื่องราวในอดีตได้นั้น เค้าไม่ได้มีความสุขกับการรับรู้นั้นๆ เลย ตรงกันข้าม มันกลับเป็นความทุกข์ใจแสนสาหัส ที่รับรู้ว่าเรื่องราวที่ผ่านมานั้นเป็นอย่างไร เคยพลัดพรากจากคนที่ตัวเองรักมาอย่างไร...........ขออนุโมทนา กับทุกความเห็นค่ะ ที่ร่วมแบ่งปันความรู้สึกให้แก่กัน

ครับ ถ้าลืมไปเสีย ก็เท่ากับตัดเวรตัดกรรม

คนที่ระลึกชาติได้ แต่ตัดไม่ได้น่าจะทุกข์มากกว่าคนที่ระลึกไม่ได้ครับ

เห็นด้วยเลยครับ

ทำถูกแล้วครับ ไม่ต้องยุ่งกันแล้วแหละดี แต่ขาดไปอีกอย่างหนึ่งครับ สำหรับทุกคน ทาน ศีล ภาวนา อย่าลืมนะครับ กายมันตายแต่จิตมัน ไม่ตาย มันต้องไปตามกระแสแห่งบุญบาปที่เคยทำ อาจเคยทำนาน มาแล้วหลายภพชาติก็ได้ มันก็มีแรงอยู่นะที่จะทำให้เราเป็นไปตาม กระแสของมัน จนกว่าจะนิพพานถึงจะหลุดออกจากวงเวียนนี้

หนู อายุแค่ 13 ไม่ได้ระลึกชาติได้ทีเดียวหลอก แต่ก็จะพูดว่าระลึกได้ รู้สึกผูกพันกับสวรรค์ ส่วนเรื่องวิญญาณ เวลาไปข้างนอก วิญญาณจะมาขอส่วนบุญตลอดเลย บ่อยด้วย บางทีก็เห็นแว็บๆ บางทีก็เห็นจะๆ จะมีเซ้น เรื่องพวกนี้  ส่วนเวลาเราทุกใจ จะมีคนคอยปลอบ ในใจเสมอ เราไม่ได้คิดเอง แต่มันเป็นเรื่อง จริง เชื่อไหม เรามีเพื่อนอยู่ในฝัน 2 3 คนนะ อย่างช่วงแรกๆ เราฝันเห็นคนที่ไม่รู้จัก แล้วเราก็เป็นเพื่อนกันใน ฝัน แรกๆก็ไม่คิดอะไร แต่พอมีเรื่องอะไร อยากจะปรึกษาเพื่อน คนนั้น เราก็นึกในใจ แล้วก็ไปเจอกันในฝันอีก แล้วเหมือนเวลา สวดมนต์ จะรู้สึกเหมือนมีใครมา สวด ด้วย เป็นกลุ่ม ส่วนเรื่องรู้สึกผูกพัน กับสวรรค์ เวลามองท้องฟ้า น้ำตาเหมือนจะไหลออกมา มองเห็นภาพข้างบน ว่าเราเคยอยู่สุขสบายขนาดไหน คิดถึง เพื่อนๆนางฟ้า เทพธิดา เทพนารี เทพพบุตร แล้วก็รู้สึกคุ้นหน้า หลวงพ่อ สด วัด ภาศรีเจริญ ทั้งๆที่ท่าน มรณะภาพ ก่อนที่เราจะเกิดแล้ว แม่เคยเล่าให้ฟังว่า แม่กับพ่อ ขอเราจาก ท่านพระพรหม ไปกราบท่าน ขอลูกก็คือขอเราจากท่าน ในความรู้สึกอยากเรียก ท่านพระพรหม ว่าพ่อ จบและ เราว่ามันแปลกมาก

เพ็ญพิชญา ภูกิ่งแก้ว

ดิฉันเพิ่งสูญเสียคู่หมั้นไปเมื่อเดือนที่แล้ว ดิฉันพยายามที่จะหาวิธีที่พอจะสามารถติดต่อกับคู่หมั้นบ้าง จนมาเจอบันทึกของ ดร.ค่ะ ดิฉันอยากถามค่ะ คือหลายๆคนบอกว่าเค้าไม่ไปไหน ยังอยู่กับดิฉันตลอดมา แต่ดิฉันไม่เคยเห็นเลย เพียงแต่รู้สึกว่าเวลาที่ร้องไห้จะมีลมมาพัดรอบๆตัวเท่านั้น แต่คนอื่นจะเห็นเค้าเดินไปเดินมาบ้าง คือพอมีวิธีที่ดิฉันจะสามารถติดต่อเขาได้ไหมคะ ดิฉันพยายามทำใจยอมรับกับการจากไป แต่ใจก็ยังรักและถวิลหามาตลอด อยากรู้ว่าเค้าเป็นยังไงค่ะ

ผมเชื่อมีจิง แฟนผมเพิ่งเสียชีวิต เขาจำได้ว่าเขาเปนยมบาลมาเกิดเปนคน. ตอนนี้เขาชีวิตแล้วเขาบอกผมว่าเขาต้องไปเปนยมบาลเหมือน

ธวัชชัย ขำชะยันจะ

ผมชื่อ ธวัชชัย ขำชะยันจะ ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดตามศึกษา สัมภาษณ์ และสอบสวน กรณีของคนที่อ้างว่าจำอดีตชาติได้ตายแล้วเกิดใหม่มานานกว่า 16 ปี กรณีที่ท่านด็อกเตอร์เล่ามามีความเป็นไปได้สูงว่าเด็กจะจำอดีตชาติได้จริงๆ

แต่ปัญหาของเด็กที่จำอดีตชาติได้ก็คือ ครอบครัวในปัจจุบันชาติส่วนใหญ่ไม่อยากให้เด็กพูดถึงอดีตชาติ เพราะกลัวว่าเด็กจะป่วยไข้ไม่สบายหรืออายุสั้นหรือกลัวว่าเด็กจะกลับไปอยู่กับครอบครัวในอดีตชาติ เท่าที่ผมพบมาเวลาที่เด็กพูดถึงอดีตชาติแล้วครอบครัวปัจจุบันชาติไม่รู้หรือไม่ยอมพาไปพบกับครอบครัวในอดีตชาติ เด็กบางคนจะมีอาการเป็นไข้ตัวร้อนจริงๆ แต่ถ้ายอมพาไปเด็กก็จะไม่มีอาการป่วยแบบนั้นอีก (เหมือนเด็กถูกขัดใจอย่างรุนแรงจนมีอาการตัวร้อนเป็นไข้ ไม่ได้ป่วยเพราะพูดถึงอดีตชาติ)

ส่วนความกังวลของครอบครัวในปัจจุบันชาติที่กลัวว่าเด็กจะกลับไปอยู่กับครอบครัวในอดีตชาตินั้น เป็นเรื่องปกติครับ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้น แต่ยังไม่พบว่ามีเด็กที่จำอดีตชาติได้รายใดที่กลับไปอยู่กับครอบครัวในอดีตชาติแบบถาวรเลย ส่วนใหญ่ก็แค่อยากไปหา อยากให้รู้ว่ามาเกิดแล้วนะ คิดถึงนะ ไม่อยากกลับไปบ้านในปัจจุบันเลย แต่ส่วนใหญ่เขาก็จะยอมกลับไปกับครอบครัวปัจจุบัน และเมื่ออายุสัก 5-7 ขวบ ความทรงจำในอดีตชาติเริ่มลบเลือนเบาบางลง ความรู้สึกที่อยากจะกลับไปอยู่กับครอบครัวในอดีตชาติก็จะลดลงไปด้วย จะเหลือแต่ความสัมพันธ์ทางใจเมื่อได้พบกันกับครอบครัวในอดีตชาติเท่านั้น...เรื่องนี้ต้องอธิบายให้ครอบครัวในอดีตชาติเข้าใจครับ

เรื่องที่ด็อกเตอร์เล่ามาน่าสนใจมากครับ ถ้ามีโอกาสผมอยากจะไปสัมภาษณ์พี่ชายของท่าน เพื่อเก็บบันทึกเรื่องราวและข้อมูลไว้ เพื่อประโยชน์ของผู้ที่สนใจศึกษาเรื่องนี้ในภายภาคหน้าครับ

อันนี้เป็นเว็บไซต์ของผมเองครับ ลองเข้าไปเยี่ยมฃมได้นะครับ : ในหน้าแรกมีเบอร์โทรและอีเมลติดต่อผมด้วยครับ

https://sites.google.com/site/thaireincarnation/



คุณน้าของดิฉัน ก็จำชาติก่อนได้ และคุณตาก็พาไปเพราะร้องไห้จะไปให้ได้ และไปจำทุกอย่างได้หมด ชาติก่อนมีลูกชายคนหนึ่ง แก่กว่าคุณน้าปีหนึ่งเพราะเขาตายตอนลูกเขาได้ขวบหนึ่ง แล้วลูกๆหลานๆเขาก็มานับถือกันจนปัจจุบัน คุณน้ายังอยู่ เวลาถามก็จำได้ทุกอย่าง  จริงๆครอบครัวนั้นก็ไม่น่าใจแคบควรไปมาหาสู่กันจะดีกว่า นะ

เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงมีจริง ผม และแม่ของผม ก็เป็นคนระลึกชาติเกิดได้ชัดเจนทั้ง2คน เมื่อกลางเดือนที่แล้วแม่พึ่งจะเสียชีวิตในวัย72ปี ที่รพ.คณะแพทย์ศาสตร์ม.บูรพา ผมยังคิดเลยว่าแม่ต้องระลึกจำชาติเกิดได้อีกครั้ง รอฟังข่าวอยู่เช่นกัน ปกติตามที่มักปรากฏคนระลึกชาติได้มักจะมีความสัมพันธ์กันก่อนตายกับเช่นเป็นญาติ หรือบังเอิญตั้งท้องแล้วมีเหตุให้ได้ไปอยู่ใกล้คนตาย วิญญาณ นั้นก็จะสิงเข้าไป แต่คนที่ระลึกชาติเกิดได้ก็มีน้อยต้องเป็นผู้ที่มีบุญมากพอสมควร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท