สื่อกับสังคม


สื่อมีผลต่อเยาวชนให้ก้าวไปในทิศทางที่สื่อนำเสนอ คนทำหน้าที่สื่อมีความรับผิดชอบต่อสังคมบ้างหรือไม่

               ทุกวันนี้ เรามีสื่อต่างๆให้เด็กและเยาวชนได้ดูได้สัมผัสกันมาก ไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออินเทอร์เน็ต แต่เราเคยหันมามองดูกันหรือไม่ว่า สื่อต่างๆส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนมากน้อยขนาดไหน เราอาจมองเห็นแต่ไม่ได้ฉุกคิด หรือคิดแต่ไม่ได้แสดงออก หรือไม่รู้จะจัดการกับสื่อเหล่านั้นอย่างไร

               เราเคยคิดบ้างไหมว่า เวลาที่มีละครออกอากาศ มีเรื่องราวฉากนางเอกถูกนางโกงตบตี เด็กในระดับมัธยมต้น ก็จะมีนักเรียนหญิงตบตีกันเป็นว่าเล่น บางเรื่องมีฉากนักเรียนชายตีกัน ก็จะมีเรื่องราวนักเรียนชายตีกันให้เห็นอยู่บ่อยๆ แม้จะจัดการอย่างไรก็ยังมีให้เห็นอยู่ตลอด

          เรารู้สึกบ้างไหมว่าคุณธรรมจริยธรรมของเด็กรุ่นใหม่มีปัญหา เด็กไม่มีสัมมาคารวะ เด็กไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น เด็กไม่คิดถึงอนาคตของตัวเอง เด็กไม่รู้จักวิธีหาเงินโดยถูกต้อง เด็กชอบสบายไม่อยากทำงานแต่อยากมีเงิน

          ผมรู้มาว่าเด็กญี่ปุ่นมีปัญหา และเด็กเราก็มีปัญหาเลียนแบบญี่ปุ่น เรากำลังรับอารยธรรมตะวันตกโดยไม่คิด เด็กญี่ปุ่นจะมีแฟชั่นหลุดโลกตามแบบตะวันตก และยิ่งกว่าตะวันตก เด็กเราก็เอาตาม ยิ่งความประพฤติและการปฏิบัติตัวยิ่งไปกันใหญ่ ในฐานะที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เราพูดกันถึงสิทธิของเด็ก ว่าเราต้องคำนึงถึงสิทธิของเด็ก เด็กจะถูกจำกัดเวลาออกนอกบ้านก็จะมีการโวยกันว่าละเมิดสิทธิเด็ก แต่เราไม่เคยพูดกันถึงหน้าที่ของเด็ก ผมพูดอย่างนี้ก็จะมีคนว่าผมหัวโบราณ ไม่ทันสมัย เรารับอารยธรรมที่เรียกว่าประชาธิปไตยมา แต่เรารับมาไม่หมด เรามักเลือกรับในสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ตัวเราแต่เลือกที่จะไม่สนใจประโยชน์สาธารณะ

          ผมมักรำคาญใจทุกครั้งที่ดูโฆษณา เห็นการดีดฝาเบียร์เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาเป็นเรื่องสนุกสนาน เห็นการเตะก้อนกระดาษไปโดนคนโน้นคนนี้ทั้งๆที่มีคนอื่นนั่งอยู่ เห็นคนดื่มน้ำจากถ้วยแล้วมีอีกคนมาถอดขวดน้ำขนาดใหญ่ออกจากเครื่องทำน้ำเย็นเอามาดื่มด้วยปากน้ำหกเรี่ยราดแล้วเอาไปไว้ที่เดิมโดยไม่สนใจคนที่รองน้ำดื่มอยู่ก่อน และอีกมากมายหลายเรื่อง นี่หรือคือการโฆษณาที่มีคุณภาพ นี่หรือคือการนำเสนอสินค้าของท่าน แสดงว่าเจ้าของบริษัทสินค้าก็มีนิสัยเช่นเดียวกับที่สื่อของตนนำเสนอหรืออย่างไร คือไม่สนใจว่าสังคมรอบข้างจะเป็นอย่างไร ให้ขายสินค้าได้ก็แล้วกันอย่างนั้นใช่ไหม ผมเห็นว่าโฆษณาเหล่านี้จะปลูกฝังความคิดให้เด็กและเยาวชนของเราให้คำนึงถึงตัวเอง ไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องสนใจคนอื่น แล้วสังคมเราจะอยู่อย่างไรกันละนี่......ผมไม่ซื้อสินค้าที่โฆษณาแบบไม่รับผิดชอบ

           นิสัยการดูโทรทัศน์ของเราก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ปกครองต้องคิดครับ เพราะเรามักเลี้ยงลูกด้วยโทรทัศน์ พ่อแม่มักไม่ค่อยได้ดูโทรทัศน์กับลูก เพราะอาจจะต้องทำงานไม่มีเวลามาดู ถ้ามีเวลามาดูก็จะดูละครโปรด ซึ่งก็จะมีเรื่องราววิถีชีวิตชาวบ้าน หรือวิถีชีวิตของคนเมือง หรือเป็นวิถีชีวิตของคนผู้สูงศักดิ์ จริงอยู่ครับละครคือการสะท้อนเรื่องราวชีวิตของผู้คน แต่ท่านดูละครแล้วเคยบอกลูกบ้างไหมว่าตัวอย่างที่เห็นในละครมันไม่ดี ไม่ควรกระทำ ผมว่าเรามักไม่คุยกับลูกถึงเรื่องเหล่านี้หรอก บางคนมีฐานะดีก็มีทีวีหลายเครื่อง ลูกมีทีวีในห้องนอน ลูกก็ดูรายการที่ตนอยากดู แม่ก็ดูละครที่แม่อยากดู พ่อก็ดูฟุตบอลดูมวย ที่พ่ออยากดู การสื่อสารกันระหว่างพ่อแม่ลูกแทบจะไม่มีเลย ผมว่าถึงเวลาที่ครอบครัวจะต้องปรับเรื่องพวกนี้ดูในสิ่งที่เป็นสาระบ้าง เวลาดูละครก็ควรสอนลูกบ้าง ถ้าไม่อยากสอนตรงๆก็พูดเปรยๆให้ลูกรู้บ้างว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่ควร

          ผมก็มักใช้วิธีเปรยแบบนี้กับลูกประจำ เมื่อมีโฆษณาที่ไม่สนใจคนอื่น ไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของคนอื่น กิริยามารยาทที่ไม่งาม เราอาจจะพูดว่า การโฆษณาแบบนี้ส่งผลอย่างไรกับเด็กและเยาวชน อย่างนี้ไม่ดีเลย ถ้าเด็กที่ไม่รู้จักคิดเขาจะคิดว่าสนุกดีแต่มันจะทำให้สังคมเราแย่ แค่นี้ ผมว่าเราสื่อกับลูกได้แล้วว่าไม่ควรเอาอย่าง หรืออย่างดูละครมีฉากเลิฟซีนเราจะไม่ปิดโทรทัศน์หรือไม่ดูช่องอื่น เราก็เปรยให้ฟังว่า เด็กสมัยนี้เขาไม่รู้เลยว่าอะไรควรอะไรไม่ควร วัยของเขาขนาดนี้ควรทำสิ่งเหล่านี้แล้วหรือ เขาไม่รู้จักว่าความรักคืออะไร ความใคร่คืออะไร เราไม่รังเกียจความรักแต่ต้องรู้จักความรักให้ดี และผลที่ตามมาจะเกิดอะไรขึ้น แค่นี้เราก็สื่อกับลูกได้ เพราะเราจะไปห้ามในสิ่งที่เด็กและเยาวชนที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นไม่ได้หรอก ให้เขาดูกับเรา เพราะถึงอย่างไรละครทีวีบ้านเราก็ไม่ถึงขนาด ให้เห็นกันจะแจ้งอยู่แล้ว

           สื่อสิ่งพิมพ์ก็เป็นอีกสื่อหนึ่งที่ควรให้ความสนใจ แม้จะเป็นหนังสือแฟชั่น แต่แฟชั่นยุคปัจจุบันส่งผลให้เด็กวัยรุ่นเอาอย่างกันมากมาย เพราะแฟชั่นปัจจุบันเปิดเผยเนื้อตัวกันมากขึ้น อย่างสายเดี่ยวที่เราเคยกันชินตาก็มาจากสื่อสิ่งพิมพ์ส่วนหนึ่ง ทั้งๆที่สายเดี่ยวนั้นเดิมเขาใส่กันเป็นเสื้อซับใน เดี๋ยวนี้สวมกันเป็นเสื้อข้างนอกกันแล้ว แถมแฟชั่นโนบราก็นับวันจะมีมากขึ้น วัยรุ่นก็จะเห็นเป็นเรื่องปกติ นิตยสารแฟชั่นต่างๆก็เอานางเอกละครมาถ่ายแฟชั่น แถมเวลาถ่ายก็เอามือล้วงหน้าอก ล้วงทำไมผมไม่เข้าใจ เอ่อ...คุณเข้าใจไหม อิอิ.... จะถ่ายแฟชั่นหรือถ่ายแบบเร้าอารมณ์ บางทีผู้ใหญ่เองก็มองเป็นเรื่องธรรมดา เห็นดาราใส่สายเดี่ยวลูกอยู่ชั้นอนุบาลเวลามีงานโรงเรียนใส่สายเดี่ยวกันเกร่อ พ่อแม่ก็ยิ้มหน้าบานว่าลูกตัวเองสวย ลูกขึ้นชั้นประถมก็ยังใส่สายเดี่ยว พอเข้ามัธยมไปห้ามลูกไม่ให้ใส่สายเดี่ยว เด็กมันจะเชื่อหรือเพราะมันเป็นเรื่องปกติของเขา แถมหนังสือนิตยสารบางเล่มก็มีเนื้อหาส่อไปในเรื่องปลุกอารมณ์ทางเพศก็เห็นปล่อยปละละเลยให้มีขายกันเกร่อไปหมด คนขายก็ไม่มีจิตสำนึก คนซื้อก็ยังไม่มีจิตสำนึก เพราะยังเป็นเยาวชน มันก็ไปกันใหญ่ (ไม่ได้หมายความว่าผู้ใหญ่ซื้อแล้วมีจิตสำนึกนะ ฮ่ะๆ)

          สื่อภาพยนตร์ซีดี เดี๋ยวนี้ก็มีภาพเลิฟซีนกันหนาตา ใครมาซื้ออายุเท่าไรไม่เกี่ยงขอให้ขายได้สื่ออินเทอร์เน็ต ตอนนี้ค่อยดีขึ้นหน่อยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติป้องกันดีขึ้น อันนี้ต้องเชียร์ แต่เด็กที่เล่นอินเทอร์เน็ตก็มักจะเล่นเกมส์ที่มีความรุนแรง ฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้ก็จะได้แต้ม ใช้อาวุธสารพัดชนิด หรือไม่ก็พูดคุยกันที่เรียกว่า "แชท" ในเรื่องไร้สาระ แทนที่จะใช้เวลาสืบค้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็จะใช้เวลาในการคุยกัน ถ้าคุยกันโดยไม่ชักชวนกันไปในทางเสียหายก็ยังพอรับได้ อย่างน้อยเยาวชนก็ยังอยู่ติดบ้าน(กรณีมีอินเทอร์เน็ตที่บ้าน) แต่อาชญากรรมที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็เกิดจากการแชทกัน โดยไม่รู้จักปูมหลังของคนที่เราพูดคุยด้วย เยาวชนจึงมักตกเป็นเหยื่อทางเพศหรือสูญเสียทรัพย์สิน

          เพลง เดี๋ยวนี้เพลงมีหลากหลาย แต่ละวันมีเทปเพลง แผ่นซีดี วีซีดี เนื้อหาก็วนเวียนอยู่ในเรื่องของความรัก อกหัก ถูกแย่งแฟน อยากแย่งแฟนคนอื่น มีแฟนแล้วอยากมีอีกคน แถมเวลาเสียใจขึ้นมาไล่ผู้หญิงอย่างหมูอย่างหมาก็ฮิตได้ แต่ที่ร้ายที่สุดก็คือมิวสิควีดีโอ พออกหักก็มันทำลายข้าวของ ฆ่าตัวตาย ทำร้ายตัวเอง ถามว่ามีไหมในชีวิตจริง ก็ต้องยอมรับว่าชีวิตจริงมันมี แต่ทำไมไม่สื่อให้เห็นละว่าเรามีทางเลือกดีๆในชีวิตอีกมากมาย ไม่ใช่พังโน่นพังนี่ กรีดข้อมือฆ่าตัวตาย ไร้สาระ....ไม่คิดถึงหัวอกพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดว่าท่านจะรู้สึกอย่างไรที่เห็นศพลูก แทนที่ลูกจะเห็นศพพ่อแม่ MV เหล่านี้ ผู้จัดทำมีจิตสำนึกสาธารณะแต่ไหน..

          สื่อวิทยุ เดี๋ยวนี้มีดีเจเกลื่อนเมือง มีอยู่วันหนึ่งเปิดฟังดีเจวัยรุ่นพูดกับผู้ฟังว่า เหงาไหม มีแฟนหรือยัง ถ้ายังก็รีบหาแฟนสักคนไว้คอยแก้เหงานะ ฟังแล้วแทบอยากจะขับรถไปสถานีเฉ่งดีเจคนนั้นสักป๊าบ..เสียเหลือเกิน ท่านอาจรู้สึกหมั่นไส้ผมที่มีความรู้สึกแบบนี้และเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่การพูดลักษณะเช่นนี้มันทำให้เด็ก รู้สึกเป็นแฟชั่นที่ต้องมีแฟน คนที่ทำงานด้านนี้จะรู้ดีว่า เดี๋ยวนี้เด็กผู้หญิงอายุแค่ ๑๒ ขวบ ริมีแฟนและยินยอมร่วมประเวณีกับแฟนด้วยความสมัครใจ เพราะสิ่งที่เขาคิดว่า นั่นเป็นความรักความอบอุ่น ถ้าท่านเป็นอัยการอย่างผมอ่านสำนวนเหล่านี้ท่านรู้สึกอย่างไร....

          เราแก้ปัญหาสังคมกันไม่หวาดไม่ไหวเพราะสื่อต่างๆ ไม่ยอมรับว่าสิ่งที่ตนสื่อออกมามีผลร้ายกับสังคม ไม่ยอมคิดแก้ไข คิดแต่จะเพิ่มยอดจำหน่าย พ่อแม่ก็อ้างว่าไม่มีเวลาดูแลลูกเพราะต้องทำมาหากิน หาเงินมาเลี้ยงลูก ผมอยากให้ลองคิดในมุมกลับว่า หากเรามีแค่พอกินแล้วลูกเป็นเด็กดีครอบครัวก็มีความสุข กับเราต้องไปทำงานหาเงินมาเพื่อให้ครอบครัวกินดีอยู่ดีมีเงินทองเหมือนคนอื่นโดยไม่มีเวลาดูแลลูก แล้วลูกมีปัญหาอย่างไหนจะคุ้มกว่ากัน คนเราที่เป็นพ่อแม่ คงต้องกลับมาคิดใหม่ทำใหม่ว่าเราเป็นผู้ใหญ่ทุกวันนี้เพราะพ่อแม่เลี้ยงดูเราอย่างไรเราถึงได้เป็นตัวเป็นตนมีครอบครัว แล้วเราเลี้ยงลูกเราอย่างที่พ่อแม่เลี้ยงเราหรือเรากำลังเลี้ยง ให้ลูกเราเป็นเทวดา มีคนเขาบอกว่า ถ้าเทียบสูงเราต่ำ เทียบต่ำเราสูง อยู่ที่เรา ถ้าเราอยากมีเงินมีทองเหมือนคนอื่น แสดงว่าเราคิดว่าเราต่ำ เขาดีกว่า แต่ถ้าเราเอาปัจจุบันมาเทียบกับคนที่เขาไม่มีอะไรจะกิน เรารู้สึกว่าเราดีกว่า แสดงว่าเราคิดว่าเราสูง เขาเลวร้ายกว่า ล้วท่านคิดอย่างไร คราวนี้ขอให้บรรดาบล๊อกเกอร์ที่เป็นครูบาอาจารย์กลับไปคิดเป็นการบ้าน อิอิ

หมายเลขบันทึก: 144248เขียนเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2007 06:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 10:08 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)

สวัสดีตอนเช้าครับ

อ่านสำนวน เอ๊ย อ่านบันทึกแล้วก็อดชื่นชมเรื่องหนึ่งไม่ได้ครับ ว่าท่านเขียนอย่างรอบคอบ หาที่ผิดไม่ได้เลย (อิๆ แบบจับผิด)เข้าใจว่า เขียนในเวิร์ด แล้วตรวจทาน ก่อนบันทึก

ที่เล่ามาเรื่องสื่อ ผมค่อนข้างเห็นด้วยทั้งหมด เคยเห็นโฆษณารองเท้าเด็กนักเรียน เขาราดนมไปบนรองเท้า แล้วยืนให้สุนัข หรือแมว มาเลียรองเท้า ผมรับไม่ได้จริงๆ

เคยอ่านหนังสือพิมพ์ มีคนในวงการบันเทิงตอบโต้ว่า คนดูมีวิจารณญาณในการแยกแยะ ผมไม่เชื่อ มันซึมซับได้ โดยเฉพาะเยาวชน ที่ยังแยกแยะไม่ออก ขาดประสบการณ์ อยากเลียนแบบ

เห็นด้วยอีกแล้ว ว่าหลายอย่างเราเลียนแบบตะวันตก แต่เลียนแบบมาไม่หมด เราให้นักเรียนค้นคว้า แต่ไม่มีห้องสมุดดีๆ ให้ ผมไม่เข้าใจห้องสมุด TK Park ไปอยู่บนห้างหรู แล้วจะมีเด็กชาวบ้านสักกี่คนที่ได้ไปสัมผัส เด็ก/ผู้ใหญ่ที่ไป ก็มีล้วนแต่คนมีอันจะกิน (บางคนก็มีหลายอัน) ซึ่งคนเหล่านี้มีกำลังซื้อหาหนังสือไม่ลำบากอะไร แทนที่จะปรับปรุงห้องสมุดประชาชนที่มีอยู่ตามต่างจังหวัด (ซึ่งบางแห่งก็มีบรรยากาศไม่ต่างจากโรงรับจำนำ) ผมไม่เข้าใจจริงๆ

ขอบ่นแค่นี้นะครับ แฮะๆ

ผมเห็นด้วยกับทุกประเด็นครับ และที่ขัดเคืองก็เรื่องภาพยนต์ตลก ใช้วาจาที่ไม่สุภาพอย่างมาก เห็นว่าการใช้คำพูดแบบนี้มีผลต่อเด็กที่ไปดูมาก ไม่รับผิดชอบต่อสังคมเลย

ผมไปชมหลายครั้ง..ตลกจนหัวเราะไม่ออก 

ผมนำเอาการ์ตูนเกี่ยวกับประเด็นนี้มาให้ชมด้วยครับ

 ---------------------

ดูอะไรดี มีอะไรดู เมนูทีวี

อ้างอิงการ์ตูนจาก http://iannnnn.com/2007/461

  • สังคมเร่งรีบ ออกทำงานนอกบ้าน หาเงินเลี้ยงลูกและครอบครัว ไม่มีเวลาเอาใจใส่ สั่งสอน จึงปล่อยให้ทีวีอบรมสั่งสอนลูก
  • หรือโยนภาระการอบรมขัดเกลาให้โรงเรียน/สถาบันการศึกษาฝ่ายเดียว
  • สื่อต่างๆ มุ่งผลิตงานเพื่อ "ขาย"
  • ผู้เสพสื่อ...มุ่งเสพในสิ่งที่ตอบสนองความอยาก...
  • ปัญหาจึงสะสม
  • ถ้าทุกฝ่ายมุ่งทำหน้าที่โดยคำนึง "ประโยชน์สาธารณะ" มากกว่าหาประโยชน์ส่วนตัว...ทุกอย่างอาจจะดีขึ้นก็ได้ค่ะ
  • .....

สวัสดีค่ะP

บันทึกนี้ถูกใจค่ะ

ตอนนี้ดิฉันมีหลานเล็กๆ   เราไม่เปิดละครให้เขาเห็น ตัวดิฉันเองก็ไม่ชอบดูละคร ดูแต่ข่าว และหนังเปาบุ้นจิ้น และเดี๋ยวนี้ มีc.d ดีๆมากมายที่มีเนื้อหาสำหรับสอนเด็ก ซื้อมาเปิดให้ดูค่ะ มีสอนเลขด้วย ต้องยอมรับว่า สื่อสำหรับสอนเด็กมีดีๆมากมาย  มีมากและดีๆจนดิฉันทึ่ง   อยู่ที่ผู้ใหญ่คงต้องเลือกให้เด็กนะคะ

ที่ทำงานของดิฉันอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เห็นตลอดเรื่องเด็กวัยรุ่นเดินควงกันเป็นปกติ ใส่เสื้อผ้าคับติ้ว แต่รู้สึกว่า ตั้งแต่มีการรณรงค์ไม่ให้ใส่แบบนี้ ก็ดีขึ้นค่ะ

ดิฉันเห็นวัยรุ่นไทยชอบเอาอย่างเด็กญี่ปุ่น เด็กญี่ปุ่นมีแฟชั่นหลุดโลกตามแบบตะวันตก  บางทียิ่งกว่า ไม่ใช่ของดีค่ะ

ดิฉันเองเคยไปญี่ปุ่นหลายหนและค้าขายกับเขามามาก เขามีทั้งส่วนดีและส่วนที่ไม่ควรเอาอย่างนะคะ ไม่อยากให้เราไปมองอะไรแต่ในด้านดีอย่างเดียว ก็เหมือนกับทุกประเทศ มีทั้งดีและไม่ดี รวมทั้งเราด้วย

ดิฉันเป็นคนทำงานด้วยความชอบและสนุกเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น เรื่องเลี้ยงลูกให้เป็นเทวดา จะแอนตี้มากค่ะ และจะไม่ให้เปรียบเทียบกับใครด้วย ถ้าอยากมีอะไร ต้องขยันและสร้างเอาเอง ปัจจุบัน ลูกชายดิฉัน ไปเวียดนาม เดือนละ 2 ครั้งๆละ 2 วัน เพราะไปมีลูกค้าอยู่ที่นั่น เขาบอกว่า คนเวียดนามขยันมาก ต้องยอมรับ ตอนนี้เขายังสู้เราไม่ได้ เพราะติดเรื่อง Infrastructures แต่ต่อไปไม่แน่ ถ้าเราไม่เร่งเครื่องให้มากกว่านี้ มีสิทธิ์แพ้เขา เขาขยันกว่าเราจริงๆค่ะ

เราไม่ชอบประเทศอเมริกาเรื่องทุนนิยม  แต่เขาก็มีมุมที่ดีมากเรื่องการสร้างตัวเองนะคะ คนที่มีเงินมากๆ จะเป็นนักธุรกิจ เหน็ดเหนื่อยกับการสร้างตัวเองมาตลอด พอมีเงินมากๆ ก็มักจะแบ่งส่วนหนึ่งไปบริจาค แทนที่จะเก็บไว้ให้ลูกหลานหมด เพราะจะทำให้ลูกหลานไม่ขยัน   เนื่องจากเหลือกินเหลือใช้ กลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของเขาที่ชอบบริจาค มุมนี้เป็นมุมที่ดีของเขาค่ะ ถึงยังหนุ่มสาว เขาก็ชอบบริจาคค่ะ

ส่วนเรื่องห้องสมุดที่คุณ ธ วั ช ชั ย พูดถึงก็จริงค่ะ ห้องสมุดตามต่างจังหวัด ยังน้อยไป ต้องมีมากว่านี้มากๆ

ที่ใกล้ๆบ้านลูก มีห้องสมุดมารวย ดีมากค่ะ เปิดถึง 23.00น คนมากันเต็มทุกวัน อยากให้มีห้องสมุดดีๆอย่างนี้ให้ทั่วประเทศค่ะ แต่คุณบัณฑูรคะ ดิฉันเคยไปสร้างศาลาอ่านหนังสือพิมพ์และหนังสือให้หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ปรากฏว่า ร้าง ไม่มีคนไปอ่านนะคะ แปลว่า เราไม่ชอบการอ่านหรือเปล่า จึงไม่ค่อยการทำห้องสมุด อันนี้ ดิฉันไม่ทราบจริงๆค่ะ

การจะเลี้ยงดูอบรมเด็กวันนี้ ให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันหน้า ดิฉันว่า อยู่ที่พ่อแม่ปู่ยาตายาย และครูบาอาจารย์นะคะ และสำคัญที่การทำตัวเป็นตัวอย่างค่ะ

สวัสดีครับ

  • สื่อที่ดีก็ยังมีครับ DMC
  • ส่วนสื่อทีวีพ่อแม่ต้องอยู่กับลุกในกรดู เพราะมันเป็นอย่างว่า
  • เด็กหลงไม่น่าชัง แต่ผู้ใหญ่แหละตัวดี ขี้เหล้า เจ้าชู้ ดูหนังคนจนเอาเป็นเอาตาย ที่ใดปิดจริงถาม
  • ดุไปดูมาพ่อข่มขืนลุกที่ตนเองเลี้ยงดูและทำออกมา ไม่รู้จะเรียกพ่อว่าอะไร เวลาท้องมาลุกใน้องจะเรียกพ่อว่าตาหรือพ่อดี
  • ขอบคุณแนวความคิดแต่ผมติดใจภาพประกอบสะใจดี
  • กระตุกปานนี้ผู้บริหารบ้านเมืองไม่แก้ไขก็ปิดประเทศได้แล้ว
  • รานเกมก็อีกครับอย่าลืม
  • แม้จะมีร้านบอกว่าเป็นร้านที่ปิดสี่ทุ่มให้เด้กกลับแต่เอาเข้าจริงมีของแถม ๒๔ ชั่วโมงมีอาหารขายให้ไม่ต้องไปไหนเล่นที่ร้านสนุกเต็มที่เงินไปขอพ่อแม่มาเท่านั้นพอ

เปิดประเด็นได้ตรงใจมากครับ  ในฐานะที่เป็นครู ก็เห็นด้วยกับท่าน กระแสของสื่อนี้รุนแรงมากครับ เด็กๆที่โรงเรียนรับเอาวัฒนธรรมจากสื่อมาจนควบคุมไม่ได้ บางครั้งเด็กยังพูดว่า สิทธิส่วนบุคคล เดี๋ยวฟ้อง ทำให้มองเห็นความเข้าใจที่ผิดพลาด ในการใช้กฏหมาย และกฏระเบียบของทางโรงเรียน ก็ไม่มีความหมาย เพราะ ครูคนหนึ่งใช้ ครูอีกคนหนึ่งขวาง เอาใจเด็ก แนะนำเด็กในทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่ให้ความเคารพครู ยังมีอีกมากมายที่เราต้องแก้ไข สำคัญคือ ใครที่มีจิตอาสาในเรื่องเหล่านี้ ครับ

P


ที่ครูเสือเล่าว่า...

ในฐานะที่เป็นครู ก็เห็นด้วยกับท่าน กระแสของสื่อนี้รุนแรงมากครับ เด็กๆที่โรงเรียนรับเอาวัฒนธรรมจากสื่อมาจนควบคุมไม่ได้ บางครั้งเด็กยังพูดว่า สิทธิส่วนบุคคล เดี๋ยวฟ้อง ทำให้มองเห็นความเข้าใจที่ผิดพลาด ในการใช้กฏหมาย

ค่ะ เรื่องนี้แสดงว่า เด็กไม่เข้าใจเรื่องสิทธิเสรีภาพพื้นฐาน และไม่เข้าใจเรื่องเสรีภาพที่ถูกต้องและเหมาะสม เราคงต้องสอนให้เขารู้จักคิดว่า อะไรดี  อะไรไม่ดี  ไม่เป็นทาสของสื่อที่มอมเมา ที่จะมาชักนำให้ชีวิตเขาไปในทางที่เสียหายได้ค่ะ

ดิฉันเห็นด้วยกับคุณ Gutjang  ที่บอกว่า พ่อแม่ต้องรับผิดชอบดูแลลูกด้วย ไม่ใช่โยนภาระไปให้โรงเรียนเท่านั้น และโดยประสบการณ์ส่วนตัวที่เลี้ยงลูกมา  ลูกดิฉันได้รับอิทธิพลจากพ่อแม่ไปเต็มๆ  มากว่าได้รับจากโรงเรียน  อาจจะเป็นว่า ดิฉันทุ่มเทการเลี้ยงดูอบรมลูกด้วยตัวเองค่ะ     และพยายามทำตัวให้เป็นตัวอย่างด้วย

แต่ก็สอนให้เด็กเคารพเชื่อฟังครูอาจารย์อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกันค่ะ

สวัสดีครับ อ.ธ วั ช ชั ย

ขอบคุณที่มาช่วยกันบ่นให้เสียงมันดังๆ ให้มีคนได้ยินแล้วช่วยกันทำให้สังคมเราดีขึ้น ขอบคุณที่มายืนข้างผมจะได้ไม่เป็นโดดเดี่ยวผู้น่ารัก อิอิ

สวัสดีน้องจตุพรP

ขอบคุณที่มาช่วยเติมเต็มให้กับบทความครับ การ์ตูนดีมากเลยครับ ทำให้เข้าใจเรื่องราวที่ผมนำเสนอได้ชัดเจนขึ้น ขอบคุณครับ

สวัสดีครับคุณ P  Gutjang

ขอบคุณที่แวะเข้ามาร่วมรู้สึกและแสดงความคิดเห็นเพื่อให้สังคมเราน่าอยู่ครับ ผมพูดกับผู้ปกครองนักเรียนทุกครั้งที่ไปกล่าวต้อนรับวันมอบตัวนักเรียนว่า อย่าโทษแต่ครู ให้ผู้ปกครองรู้จักโทษตัวเองบ้าง อยู่ที่บ้านดูแลกันไม่กี่คนท่านยังดูแลไม่ได้  ครู ๑ คนต้องดูแลนักเรียนไม่รู้เท่าไหร่จะโทษครูฝ่ายเดียวย่อมไม่ถูกต้องเช่นกันครับ

ขอบคุณคุณพี่ศศินันท์P sasinanda

มากครับ ความคิดเห็นของพี่ช่วยเติมเต็มให้กับบทความของผมอีกมากมาย ทำให้บทความนี้มีคุณค่ามากขึ้นครับ

การเลี้ยงลูกผมก็ปฏิบัติเช่นเดียวกันครับ ลูกผมจะยกมือไหว้ตั้งแต่นักการภารโรงจนถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่โดยไม่ต้องบอกมาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันครับ

ศาลาอ่านหนังสือประจำหมู่บ้านก็มีบ้างที่บางหมู่บ้านมีคนอ่าน แต่ก็มีไม่น้อยที่ทำไปทำมากลายเป็นที่ดื่มประจำหมู่บ้าน อาจเป็นเพราะคนเราไม่สนใจกับการเรียนรู้อย่างจริงจังก็เป็นได้ครับ หรือไม่มีผู้นำที่กระตุ้นให้คนเรียนรู้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็หวังแต่เพียงเข้าไปมีอำนาจบารมี แต่ไม่เคยส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับพื้นที่ของตนเอง

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคนที่เป็นผู้ใหญ่ต้องทำตัวให้เด็กเห็นเป็นตัวอย่างที่ดี บ้านผมพี่น้องทุกคนรักการอ่านเพราะเราเห็นพ่ออ่านหนังสือทุกวัน หนังสือไหนดีๆก็จะบอกให้เราอ่าน จนผมติดการอ่าน แม่บ้านผมก็ชอบอ่าน ซื้อหนังสือให้ลูกดูตั้งแต่ยังเล็กจนปัจจุบันลูกทั้งสองคนก็ติดการอ่านแถมเดี๋ยวนี้แลกหนังสือกับผมอ่านด้วยครับ

สวัสดีครับ อ.โกศล P

ขอบคุณที่มาช่วยแสดงความคิดเห็นครับ สื่อที่ดีมีเยอะครับผมก็ยอมรับ แต่อยากกระตุ้นผู้ผลิตสื่อให้นึกถึงความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมบ้าง

ผมเคยฟ้องผู้รับซื้อของเก่าที่รับซื้อสายไฟทองแดง เพราะคนร้ายชอบขโมยตัดสายไปเอาสายทองแดงไปขาย จนครั้งหนึ่งทางจังหวัดเชิญผมไปพูดให้ผู้ค้าของเก่าฟัง ผมบอกว่าที่ผมมาพูดให้ฟังนี่ไม่ใช่เป็นการมาพูดขู่ว่าจะฟ้องทุกเรื่อง แต่ผมมาเรียกร้องขอความรับผิดชอบในฐานะที่ท่านเป็นผู้ประกอบอาชีพโดยสุจริต หากท่านไม่ช่วย  โจรก็จะอาละวาดตัดสายไฟทำให้สังคมเดือดร้อนไปทั่ว ขอร้องว่าอย่าซื้อสายไฟประเภทนี้ 

ขอบคุณที่นำเสนอเรื่องร้านเกม ผมเรียกร้องให้ทุกคนที่ทำงานในสาขาอาชีพของตนได้โปรดรับผิดชอบต่อสังคมด้วยกับวิชาชีพที่เขาทำ แต่ไม่รู้พูดไปจนปากเปียกแล้วจะเขาถึงหูเขาบ้างไหม..

สวัสดีครับครูเสือ P ครูเสือ

คนเราเดี๋ยวนี้แปลกครับ สนใจแต่สิทธิ แต่ไม่คำนึงถึงหน้าที่ ผมเอาเรื่องนี้ไปพูดเวลาไปพูดให้กับนักสิทธิต่างๆ ผมบอกว่าผมทำงานกับ NGO ไม่น้อยเหมือนกัน แต่เวลาเราพูดถึงเด็กเราพูดถึงแต่สิทธิของเด็ก เราไม่เคยพูดกันถึงหน้าที่ เด็กก็เลยอ้างแต่สิทธิ เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่าที่โรงเรียนเขาจะสอนจะห้ามนักเรียนไม่ได้เลยเพราะเด็กรู้ว่าครูใช้ไม้เรียวตีไม่ได้ ไม่พอใจครูก็ด่าแม่ครูเลย เพื่อนโทร.มาเล่ายังเสียงสั่นอยู่เลยถูกนักเรียนด่าแม่...ผมก็ถามว่าแล้วเธอทำยังไง เพื่อนตอบว่า ก็ด่าแม่มันกลับ ฮา.....

  • ผมไม่ชอบการดูโฆษณาแบบนี้
  • เหมือนกับว่าคนออกแบบไม่ได้รับผิดชอบต่อสังคมเท่าไร
  • ทุกครั้งจะรู้สึกแย่ถึงขั้นปิดทีวีเพราะไม่อยากดู
  • ขอบคุณครับ

ขอบคุณพี่ศศินันท์อีกครั้งครับ

ที่มาช่วยแสดงความคิดเห็นให้บทความนี้น่าอ่านมากยิ่งขึ้นครับ

สวัสดีครับ อ.ขจิต P

ผมกับภรรยาชอบวิพากย์วิจารณ์โฆษณาประเภทนี้ บางโฆษณาเราก็ว่าคอยดูเหอะเดี๋ยวต้องมีคนออกมาด่ากันบ้าง ก็มีบ้างแต่น้อยมาก ส่วนใหญ่ก็จะทำเฉยๆหรือเป็นเพราะเขาชินกับโฆษณาแบบนี้เสียแล้วก็ไม่รู้ ดีใจครับที่รู้ว่ายังมีคนในสังคมเข้าใจความรู้สึกของผม

ขอบคุณครับ

สวัสดีคะ

ค่านิยม เอวข่อด หน้าขาว ผิวใส จักกะแร้เนียน 

เป็นพิมพ์นิยมของ "สาวสวย" สมัยใหม่

เห็นโฆษณาแต่ละอันแล้วเหนื่อยแทนสาวสมัยนี้จริงๆ ดีนะที่เกิดเร็ว ทำไมไม่เชื่อคำโบราณที่ท่านว่า...

คนจะงาม งามน้ำใจ ใช่ใบหน้า

(จริงๆ แล้วสวยแบบสมัยใหม่ไม่ได้ต่างหาก อิอิ)

---^.^---

  • สวัสดีค่ะ คุณอัยการ
  • บันทึกนี้ตรงใจจัง
  • คุณอัยการ
  • เป็นอัยการศาลเด็กและเยาวชนด้วยหรือเปล่าคะ
  • ดูแล้วเข้าใจเรื่องเด็กจัง
  • ตอนนี้ปัญหาเด็ก ซับซ้อน ขึ้นเรื่อย ๆ
  • สังคม พาเค้าเป็นไป
  • หนักใจแทนพ่อแม่คน นะคะ

 

สวัสดีครับคุณพิมพ์ดีด

ขอบคุณที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นและไม่หลงไปกับโฆษณา

คนเราจะงามถ้างามมาจากภายใน ภายนอกก็กระจ่างเองแหละครับ

สวัสดีครับคุณหมอกุ้งแม่หอยโข่ง

ผมเป็นอัยการจังหวัดคดีเยาวชนและครอบครัว ๒ ปีก่อนเป็นอัยการจังหวัดภูเก็ตอีก ๒ ปี เพิ่งพ้นตำแหน่งเมื่อ ๒ เม.ย.นี้ ผมจึงเข้าใจเรื่องเด็กพอสมควรเพราะผมไปประชุมกลุ่มครอบครัวด้วยตัวเอง และสนใจการกระทำความผิดของเด็ก และไปพบพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กและเด็กในสถานพินิจบ่อยมาก พูดให้ผู้ปกครองเข้าใจความอบอุ่น พูดให้เด็กรับผิดชอบต่อสังคม แม้จะไม่ได้หวังผลมากมายแต่อย่างน้อยก็กระตุกต่อมความรู้สึกนึกคิดที่ดีต่อสังคมบ้าง

หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเขาชอบสัมภาษณ์ความคิดเห็นของผมที่มีต่อสังคมโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเด็กและผู้ปกครองของเด็กที่กระทำผิด เพราะผมจะขอริบรถจักรยานยนต์ที่เอามาแข่งซิ่งกันโดยไม่มีข้อยกเว้น ถ้าขอคืนก็จะไปคัดค้านทุกคดีว่าเจ้าของรถรู้เห็นเป็นใจ ถ้าจะได้รถจักรยานยนต์คืนก็เหนื่อยหน่อย ก็พอช่วยสังคมได้บ้าง เพราะตำรวจเห็นเราเอาจริงเขาก็เอาจริง ศาลเห็นเราเอาจริงศาลก็ริบด้วย พอเป็นกระบวนการอย่างนี้สังคมก็ดีขึ้นการแข่งก็น้อยลง

ผมว่าถ้าครอบครัวแต่ละครอบครัวช่วยกันดูแลครอบครัวของตัวเองให้ดี สังคมจะดีขึ้นทันตาเห็นครับ

หมอกุ้งหนักใจอย่างนี้จึงไม่ยอมมีครอบครัวหรือไง อิอิ

 

  • สวัสดีค่ะ
  • คุณอัยการไม่อยาก มาอยู่แม่ฮ่องสอน
  • มั่งหรือคะ
  • อิอิอิอิ
  • มาช่วยกันดูแลเด็ก ๆ แม่ฮ่องสอนหน่อย
  • ก่อนที่จะแตกแถว มากกว่านี้
  • ที่โสดนาน
  • หนักใจก็มีส่วน
  • แต่จริง ๆ แล้ว ยังไม่มีใครหลวมตัวมากกว่าค่ะ
  • 5555
  • (คุณอัยการ ถามอะไรไม่รู้ จี้ใจดำ)

หมอกุ้งชวนไปอยู่แม่ฮ่องสอน แค่ทุกวันนี้นอกจากแม่ตัวแล้ว ก็ยังมีแม่คุณสอนอยู่บ่อยๆ จะไปให้แม่ฮ่อง..สอนอีกก็เหนื่อยแย่ซิ.....อิอิ

ปัญหาพฤติกรรมเด็ก ส่วนใหญ่มาจากต้นแบบในสังคม ทั้งสถาบันครอบครัว ครู เพื่อน สื่อและรมต.นักการเมือง ส่วนใหญ่เป้นผุ้ชายที่ก่อปัญหา แนวคิดระบบชายเป็นใหญ่ค่ะ ในบ้านดิฉันก็เหมือนกัน พ่อไม่เคยถามไถ่ลูกสาวหรือลูกชายเลย ตื่นมาก็ทำแต่งาน เย็นลงออกกำลังกายไปคนเดียวไม่เคยโน้มน้าวลูก  ป.5  นน. 78กก.พาลูกไปกินข้าวมันไก่ได้ทุกวันซื้อหมูย่างให้กินแทนข้าว เราพุด เราบอกก็โกรธเป็นครูสอนพละ แต่ไม่สอนลูก บอกสอนไม่ได้ พุดกับคนอื่นดีทุกอย่าง แต่ไม่พูดกับลูกกับเมีย เงินเดือนไม่เคยให้เมีย  บางทีดิฉันคิดมากน้อยใจอยากจะเลิกแต่ก็เกรงสังคมจะติฉินนินทา ส่วนดีไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เคยเอาใจอยู่ด้วยความเคยชินมากกว่า ชีวิตคู่ไม่เคยรู้ว่าความเข้าใจอยู่ตรงไหน ทุกข์มาก  บางครั้งร้องไห้ระบายให้ลูกสาวรับรุ้ว่า ถ้าจะเลือกใคร ก็ขอให้ดุดีๆ กว่านี้ ผิดหรือเปล่าที่เราวิเคราะห์ต้นแบบให้คิด จะได้ไม่คิดว่าชีวิตคู่เลิศหรู ลูกสาวจะต้องเลี้ยงให้เข้าใจมากๆ และพึ่งตัวเองได้ ดิฉันมีรายได้มากกว่าสามีเล็กน้อย  ได้ระบายค่อยโล่งอก ไม่มีพ่อแม่อยู่ใกล้ชิดค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท