ก่อนเชื่อมโยงเข้าสู่เนื้อหา รอบนี้เรามีเพลงที่แสดงพลังนักเรียนชาวนามาฝากนะ
หมายเหตุ ถ้าอยากฟังท่วงทำนอง ใครว่างก็แวะเข้ามา นักเรียนชาวนา เค้าร้องได้กันทุกคน
เพลงเกษตรยั่งยืน
ประพันธ์โดย
ธนรัช ใกล้กลาง
(เจ้าหน้าที่มูลนิธิข้าวขวัญ)
เกษตร เกษตรยั่งยืน ให้เราพลิกฟื้นแผ่นดินไทย
ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไว้ เพื่อพี่น้องไทยอยู่ดีกินดี
ทำงานให้เป็นศิลปะ ไม่มีภาระมีแต่สุขขี
เลิกใช้ปุ๋ยยาเคมี (เรา (ซ้ำ)) ทำเกษตรอินทรีย์ธรรมชาติงดงาม
* ดินดี น้ำดี ป่าดี ฝนดี ผักดี ไม้ดี
ดินดี น้ำดี อากาศดี ทุกอย่างดีสุขภาพเราดี / (เราก็ต้องดี)
เกษตร เกษตรอย่างข้า ใครจะว่าบ้าก็ช่างเขาประไร
เราทำการเกษตรยุคใหม่ พวกเราเลิกใช้ปุ๋ยยาเคมี
เกษตรกรอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ชาวนาอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี
ทำเกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติ (ซ้ำ *)
นักเรียนชาวนาในโรงเรียนชาวนาบ้านดอน (ตำบลบ้านดอน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี) มีวิธีการเรียนรู้เรื่องดิน ด้วยการทดลองปลูกข้าวในกระถาง ซึ่งก็นับเป็นกระบวนการเรียนรู้อีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยฝึกทักษะให้นักเรียนชาวนาเป็นชาวนานักวิจัย
คราวนี้ นักเรียนชาวนาจะต้องนำดินในนาของตนเองมาใส่กระถาง ... บอกกล่าวกันอย่างนี้แล้ว ... แต่ละคนก็ต่างแบกจอบแบกเสียมพร้อมกับกระสอบ เดินไปในนาข้าว แล้วก็ขุดเอาดินที่คิดว่าอุดมสมบูรณ์หรือดีที่สุดมาใส่ในกระถาง พอเห็นดินจากหลายสิบนามาอยู่ในกระถางแล้ว ก็จึงสังเกตอย่างง่ายๆ วิเคราะห์จากตาเปล่าได้ว่า ดินของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร อาทิเช่น สีของดิน วัตถุต่างๆที่อยู่ในดิน ความสามารถในการอุ้มน้ำ เป็นต้น
ในเมื่อดินของใครหลายๆ คนมีความแตกต่างกัน แล้วดินของใครจะสามารถปลูกข้าวให้ได้ข้าวงามและรวงดี ประเด็นนี้เป็นคำถามที่ชักชวนให้ต้องติดตาม ดินจากหลายสิบนา เจ้าหน้าที่ภาคสนามจะใช้ข้าวพันธุ์เดียวกันทดลองปลูกในทุกสภาพดิน ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่า ข้าวกับดินจะเป็นอย่างไรต่อภายในเงื่อนไขของการทดลอง
เงื่อนไขของการทดลองเปิดกว้างให้นักเรียนชาวนาทุกคนสามารถใช้วิธีการทุกรูปแบบเพื่อบำรุงดูแลรักษาการปลูกข้าวในกระถาง โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่า นักเรียนชาวนาสามารถเรียนรู้และอธิบายได้ว่า ดินเป็นอย่างไร ข้าวเป็นอย่างไร ซึ่งนักเรียนชาวนาจะต้องอธิบายให้ได้ตามที่ตนได้เรียนรู้จากการทดลองด้วยการปฏิบัติจริง เงื่อนไขที่ตามมาสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ก็คือ นักเรียนชาวนาทุกคนจะต้องจดบันทึกรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดขึ้นและที่เกี่ยวข้องกับดินและข้าวในกระถางของแต่คน (และรวมถึงกระถางของเพื่อนนักเรียนด้วย)การปลูกข้าวเพื่อทดลองในกระถางมีเงื่อนไขอยู่อย่างที่เหมือนกันทุกกระถางก็คือ เจ้าหน้าที่ภาคสนามนำเมล็ดพันธุ์ข้าวจากมูลนิธิข้าวขวัญมาให้ทดลองปลูก นักเรียนชาวนาทุกคนจึงต้องปลูกข้าวพันธุ์เดียวกัน โดยนำข้าวพันธุ์อินโดนีเซีย มีอายุข้าว 88 วัน มาเป็นพันธุ์ข้าวที่ใช้ในการทดลอง
ในขั้นแรกของการเตรียมดิน นักเรียนชาวนาจักต้องตรวจสอบค่า pH ในดินก่อนว่าอยู่ในระดับใด โดยใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า เครื่องตรวจสอบดิน หรือมีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Soil Tester ค่าตัวเลขที่ได้นั้นสื่อความหมายไว้อย่างไร ซึ่งนักเรียนชาวนาจะต้องทำความเข้าใจในประเด็นนี้ก่อน เพราะบางคนก็ตกใจจนเป็นเหตุให้พากันวิตกกังวลว่าดินจากนาข้าวของตนมีค่า pH เท่ากับ 0 หรือบางคนก็มีค่า pH มากกว่า 6 ทั้งนี้ก็ต้องมานั่งอธิบายกันว่าตัวเลขนั้นบอกถึงสภาพความกรดและด่างในดิน
การตรวจสอบดิน ด้วยการตรวจสอบลักษณะการเจริญเติบโตของต้นข้าว โดยที่นักเรียน ชาวนาจะต้องถอนต้นข้าวมาตรวจสอบวิเคราะห์ดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง ในกระถางหนึ่งๆ จะปลูกข้าวไว้หลายต้น แล้วในแต่ละครั้งของการเรียน คือ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็จะให้ถอนต้นข้าว จำนวน 1 ต้น เพื่อนำมาวิเคราะห์และจดบันทึกรายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับดิน ข้าว อย่างเช่น
- เกี่ยวกับดิน ได้แก่ ค่า pH สภาพดินในจังหวะที่ตรวจสอบ เป็นต้น
- เกี่ยวกับต้นข้าว ได้แก่ อายุของต้นข้าว ความสูงของต้นข้าว การแตกกอ จำนวนใบ โรคของข้าวที่เกิดขึ้น เป็นต้น
- เกี่ยวกับรากต้นข้าว ได้แก่ ความสูงของรากต้นข้าว ปริมาณของรากแก้ว – รากฝอย ลักษณะของราก สีของราก เป็นต้น
- เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ได้แก่ สภาพอากาศในจังหวะที่ตรวจสอบ แมลงต่างๆ เป็นต้น
ในระหว่างการเรียนและการทดลองนี้ นักเรียนชาวนาได้ฝึกทักษะการเรียนรู้ด้วยการจดบันทึก และการที่จะสามารถจดบันทึกข้อมูลได้อย่างมีรายละเอียดนั้น นักเรียนชาวนาก็จะต้องรู้จักการสังเกต การพิจารณาดูอย่างละเอียดและรอบคอบ เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ถูกต้อง การเก็บข้อมูลในแต่ละครั้ง จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดว่า ได้ข้อมูลถูกต้องแล้ว หากไม่แน่ใจหรือไม่มั่นใจ ก็จะขอให้เพื่อนนักเรียนช่วยเหลือ อาศัยความร่วมมือจากกลุ่มเพื่อน เพื่อช่วยกันเรียนรู้หลายครั้งด้วยกันในขณะที่นักเรียนชาวนาเก็บข้อมูลอยู่นี้ ก็เกิดข้อสงสัยและคำถามขึ้นมาอย่างมากมาย ทั้งๆที่ทุกคนต่างก็คลุกคลีอยู่กับการทำนามาตลอดและทำนากันมานาน แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ หลายคนก็บอกว่า ตนเองไม่เคยต้องสังเกตต้นข้าวอะไรมากมายไปกว่าถึงเวลาปลูกก็ปลูก ถึงเวลาใส่ปุ๋ยก็ใส่ปุ๋ย ถึงเวลาเกี่ยวก็เกี่ยว แต่การเรียนรู้ในโรงเรียน ชาวนานั้น ทำให้นักเรียนชาวนารู้จักสิ่งใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น จากในเรื่องเดิมๆ
เมื่อมีคำถามหรือข้อสงสัยใดๆ ก็ใช้นำเสนอประเด็นต่อกลุ่ม เพื่อให้กลุ่มช่วยกันคิดพิจารณาถึงสภาพของปัญหา ทำให้การถามและการตอบเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยกันในกลุ่มไป บางคนพอมีความรู้เดิมจากบรรพบุรุษเคยสั่งสอนมา ก็นำข้อมูลเดิมๆในอดีตมาเล่าสู่กันฟังในเวลาใหม่ บางคนก็ไปได้ความรู้ใหม่ๆจากสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ก็ดี ฟังอ่านกันมาแล้วก็นำมาเล่าสู่กันฟัง หลายคำพูดที่พูดแลกเปลี่ยนกัน กลายเป็นข้อมูลให้กับเพื่อนนักเรียนชาวนาที่ใคร่จะเรียนรู้ได้รู้เรื่อง
จำกันได้ว่า เมื่อถึงคราวเข้าเรียนในชั่วโมงทดลองแล้ว นักเรียนชาวนาต่างสาระวนอยู่กับต้นข้าวในกระถางของตน บ้างก็รีบจะไปตรวจสอบค่า pH ตื่นเต้นที่จะรู้ว่าความเป็นกรดด่างของดินจากนาตนเองนั้นเป็นเท่าใด แม้จะเคยวัดมาก่อนหน้านี้ในทุกๆสัปดาห์ บ้างก็รีบจะไปถอนต้นข้าวเพื่อเอามานับราก นับใบ เอาไม้บรรทัดมาวัดดูความสูงความยาวของต้น ดูการแตกกอของต้นข้าว แล้วก็จับกลุ่มนั่งจับเข่าคุยกันท่ามกลางความร้อนแรงของแสงแดดในเวลาเที่ยงบ่าย หลายคนบอกว่า ไม่ได้กลัวความร้อนหรอก เป็นชาวนาสู้แดดอยู่แล้ว แต่กลัวเรียนไม่ทันเพื่อนๆ ... นี่ซิ กลัวยิ่งนัก เดี๋ยวคนอื่นเขารู้เรื่อง แล้วตัวเราไม่รู้เรื่อง ก็ตามเขาไม่ทัน สุดท้ายก็อายเขา เพราะเขาพูดอะไรกันไปแล้ว แต่เราไม่เข้าใจ ตามไม่ทัน
ทักษะการเรียนรู้ของนักเรียนชาวนาเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์หรือแนวความคิด ซึ่งมีผลทำให้นักเรียนชาวนามีทักษะการเรียนรู้ที่ดีขึ้น รู้จักการจดบันทึก ในระหว่างการจดบันทึกนั้น นักเรียนชาวนาจะค่อยๆ เรียนรู้ไปเองว่า ต้องไปสังเกตดูสิ่งใดมาก่อน แล้วนำเรื่องราวหรือสิ่งที่ไปสังเกตดูนั้นมาเขียนจดลงไปเป็นบันทึก ในขณะเดียวกัน นักเรียนชาวนายังได้ใช้จังหวะเวลาดังกล่าวนี้ ฝึกทักษะภาษาไทยไปด้วยในด้วย หลายคนทิ้งทักษะการเขียนมานาน ก็ต้องมีรื้อฟื้นกันใหม่ มีทั้งสะกดผิดบ้าง สะกดถูกบ้าง นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องใหญ่ก็คือ ทักษะการเรียนรู้ หลายคนได้ฝึกเลขฝึกคำนวณ เพราะต้องวัดความยาวความสูง นอกจากนี้ นักเรียนชาวนาหลายคนยังสนุกกับการขีดๆ เขียนๆ วาดรูปต้นข้าวประกอบ เพื่อให้ตนเองและผู้อื่นที่มาอ่านได้เห็นภาพประกอบไปด้วย
อยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับรากต้นข้าว เช่น ความสูง ความต้องการธาตุอาหาร ดินแบบไหนปลูกข้าวแล้งใ้ผลดี