วันนี้มีการนัดทีมงานของเทศบาลนครพิษณุโลกที่เข้าร่วมมหกรรม KM ภูมิภาคครั้งที่ 1 ที่จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อวันที่ 28-29 กันยายน 2550 มาพูดคุยกัน
การพูดคุยกันครั้งนี้ ใช้ห้องประชุมจุฬามณี 1 เทศบาลนครพิษณุโลก มีผู้เข้าร่วมสนทนา 27 คน เริ่มตั้งแต่ 9.30 น. เลิกเที่ยงตรง ( เป็นประเพณีครับ เริ่มสายได้ แต่เลิกตรงเวลาครับ อิอิ ) ก่อนเริ่มพูดคุยกัน ก็สังเกตเห็นแววของเฮฮาศาสตร์แล้วเพราะเริ่มทักทายกัน เจี๊ยวจ๊าวเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงกับไล่กอด ไล่ถ่ายรูปกันเหมือนรุ่นใหญ่
การพูดคุยครั้งนี้ไม่ได้บอกว่าเป็นการทำ AAR เริ่มต้นก็บอกว่าวันนี้ไม่ใช่การประชุม แต่จะให้พูดคุยกันในประเด็นที่ว่าไปร่วมมหกรรม KM ภูมิภาคมารู้สึกอย่างไร ได้อะไรมาบ้าง เสร็จแล้วจะคุยกันต่อในประเด็นที่ว่า แล้วต่อไปคิดว่าจะทำอย่างไรกันต่อไปดี
ได้มอบหมายให้สุกัญญา จันทร์สิงห์ ( มีชื่อไปมหกรรม KM แต่ติดธุระเลยไม่ได้ไปเป็นคนดำเนินรายการ ) ฟาจำเป็นก็ดำเนินรายการได้ไม่ติดขัด ให้สมาชิกพูดในแนวทางที่ว่า ก่อนไปคาดหวังอะไร แล้วได้อะไรกลับมา ได้มากหรือน้อยกว่าที่คาดหวังไว้ ไม่ได้เข้าร่วมมหกรรมซักหน่อย ไม่ได้บอกก่อนว่าจะให้ทำหน้าที่นี้ แต่มั่นใจว่าทำได้เลยดันให้ทำ คงแอบอ่านเรื่อง KM มานานแล้ว อิอิ
สมาชิกก็เริ่มพูดคุยกัน ใหม่ๆก็แข็งๆ แต่พอสักพักจอมป่วนก็เริ่มแซวเรียกเสียงเฮฮาได้พอสมควร บรรยากาศก็ดีขี้น การพูดจาใช้ภาษาดอกไม้ รู้สึกว่าตั้งใจฟังกันมาก ไม่เหมือนการประชุมทั่วๆไป บางท่านก็พูดเลยไปถึงข้อเสนอแนะว่าควรจะทำอะไรต่อไปเลย ฟาจำเป็นดูบรรยากาศก็ยังดีอยู่ ยังควบคุมเวลาได้ดี คนก็ยังให้ความสนใจก็ปล่อยเลยตามเลย สรุปการพูดคุยกันได้ดังนี้
ส่วนใหญ่พอใจมากกับการได้ไปมหกรรม KM
บางคนคาดหวังว่าจะได้เรียนรู้กระบวนการ วิธีการหรือขั้นตอนการทำ KM แต่พบว่าได้ไปเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนที่เคยทำมา แต่ก็พอใจมากเพราะทำให้เข้าใจในหลักการของ KM
ทุกคนพอใจในตัววิทยากร อ. หมอวิจารณ์ และคนอื่นๆ ประทับใจมากก็จะเป็นครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ที่พูดถึงและอ้างอิงกันบ่อยที่สุดก็เห็นจะเป็น อ. วรภัทร์ ภู่เจริญ จอมยุทธไร้กรอบของเรานี่แหละ
ที่น่าแปลกใจก็คือหลายๆคนพูดว่า อยากทำ KM ด้วยความสมัครใจ ไม่อยากถูกบังคับให้ทำ อยากทำด้วยความสนุกสนานแบบเฮฮาศาสตร์ ( มีแซวด้วยว่า ทั่นรองฯดูมีความสุขและเป็นหนุ่มกระชุ่มกระชวยเป็นพิเศษ แหมได้กอด blogger สาวตั้งหลายคน ไม่มีความสุขได้ไง )
บางคนก็บอกว่า หลังจากไปมหกรรม KM มาแล้ว รู้สึกว่าที่ตัวเองทำงานอยู่ทุกวันนี้ก็คล้ายๆใช้ KM แต่อาจจะไม่เหมือนทั้งหมด
มีคนพูดถึงการเขียนบล็อก ส่วนใหญ่จะประทับใจในความสนิทสนมกันของ blogger เห็นประโยชน์ของการศึกษาหาความรู้จากบล็อก พูดถึงตะเกียงอาละดินกันด้วย หลายๆคนอยากเขียนบล็อกเก่งๆ ( ลืมเตือนไปว่า วันหลังอาจต้องพาไปถ้ำกระบอกเพื่อรักษาอาการติดบล็อก อิอิ )
นั่งฟังอยู่ตั้งนาน เขาก็ขอให้พูดบ้าง ก็พูดแสดงความคิดเห็นในประเด็นของ KM ธรรมชาติ ยึดหลักการ แนวทาง แต่ไม่ยึดติดรูปแบบและวิธีการ ที่สำคัญคือต้องปฎิบัติ การเรียนรู้จะเกิดขึ้นเมื่อรู้แล้วต้องนำไปปฏิบัติ แล้วเกิดสิ่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม ประเภทที่อะไรๆก็รู้หมดแต่ไม่ทำ ( รู้ แต่ไม่ทำ อิอิ ) ไม่มีประโยชน์อะไร ที่จำเป็นต้องรู้เพื่อปฏิบัติก็แค่ใบไม้กำมือเดียวเท่านั้น
พอจะมีเวลาเหลือ ก็เลยได้คุยกันต่อว่า แล้วจะทำอะไรกันต่อไปดี ก็มีข้อสรุปดังนี้
น่าจะมีห้องที่ใช้สนทนากลุ่มย่อยของ KM โดยเฉพาะ โดยไม่ต้องคอยหลบๆหลีกกับการใช้ห้องประชุม ( แอบจัดให้เรียบร้อยแล้ว เลยรับปากว่า จัดให้... )
การเขียนบล็อก อยากให้มีการอบรมอีก ( อ. Beeman อ. แก่นจัง และทีมเฮฮาศาสตร์สองแคว ได้ยินไหมครับ )
มีการแนะนำคุณเพ็ญศรี ( นก ) คุณชนิดา ( น้อง ) ว่าพอเขียนได้แล้ว น่าจะเป็นพี่เลี้ยงสอนคอยแนะนำเพื่อนๆได้ คุณเพ็ญศรีก็ดีใจหาย นัดว่าช่วงพักเที่ยงถ้าว่างก็ให้มาพบ จะจับมือสมัครสมาชิกให้และแนะนำเทคนิคการเขียนให้
มีการเสนอว่าเฮฮาศาสตร์เทศบาลนครพิษณุโลกน่าจะมีการพบปะกันบ่อยๆ โดยยึดหลักความประหยัด เรียบง่าย ลงขันกันเป็นค่าอาหารหรือขนม กาแฟ
อยากให้มีการอบรมคุณอำนวย จะได้ทำกิจกรรมต่างๆต่อเนื่องไปขณะที่เหล็กกำลังร้อน อยากทำๆๆๆๆ ( เลยรับปากจะรีบหารือ อ.วิบูล อ. Beeman ใน วันรวมพลคนเขียนบล็อก 1/51 AAR มหกรรม KM ภูมิภาค ครั้งที่ 1 ในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ ที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร ) ไม่ลืมที่จะเผื่อแผ่ให้เพื่อนๆเราจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลกด้วย อาจโดนหมอบุญชัยบ่นดังๆอีกว่าคุ้มจริงๆ หิ้วขนมมาหน่อยเดียว ได้กินข้าวหมูแดงหลายกล่อง แถมทีมงานได้อบรมคุณอำนวยอีกต่างหาก
น่าจะเริ่มปฏิบัติกันเลย โดยแบ่งออกเป็นระดับเทศบาล และระดับสำนักหรือกอง ระดับเทศบาลก็อาจมานั่งคุยกันโดยยกประเด็นงานสารบรรณ การตั้งฎีกาเบิกจ่าย ฯ ระดับสำนัก ทางสำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมก็แจ้งว่ามีการชวนทีม KM เบาหวาน ของโรงพยาบาลพุทธชินราชมาช่วยเรื่องเบาหวาน แถมเรื่องของการป้องกันไข้เลือดออกด้วยเลย สมาชิกจากหน่วยงานอื่นก็เห็นโอกาสที่จะมาสังเกตการณ์ในการปฏิบัติจริงด้วย
ตัวผมเองก็ไม่เคยอบรมเรื่อง KM ทั้งไม่เคยอบรมการเขียนบล็อก ( อยากเรียนกับอาจารย์แก่นจัง จริงๆนะครับ ) เป็นคนนอกระบบ ไร้กรอบกับเขาเหมือนกัน เพราะเวลามีการอบรมสัมนาเรื่อง KM ก็ได้ไปแค่พิธีเปิด แล้วต้องไปประชุมกับโรงพยาบาลพุทธชินราชทุกครั้งเลย คราวหน้าถ้าเรียกประชุมตรงกับเรื่อง KM ขอให้จู๊ดๆ แต่อาศัยฟัง blogger คุยๆกันเรื่อง KM ก็ลักจำมา แอบอ่านหนังสือ ค้นตามInternet บ้าง เลยพอถูๆไถๆครับ
วันนี้ได้พูดน้อยมากๆ อยากเป็นพระเอกกับเขาเหมือนกัน แต่อายุมากแล้ว คงได้เป็นแค่พ่อพระเอกหรือพ่อนางเอก แต่ทีมงานจะให้เป็นแค่ ป๋าดัน อิอิ
ขอบคุณมากครับที่อุตส่าห์อ่านจนจบ
โห.....คุณหมอเขียนได้สนุกพอๆ กับเล่าเรื่องตาหลกค่ะ.....55555
บรรยากาศเอาขนมมาหน่อยกินข้าวหมูแดงได้หลายกล่องนี่....ขอเลียนแบบนะคะ....(ขอไปกินมั่ง...ฮี่ๆๆๆๆ)
สวัสดีค่ะทั่นประธาน
นี่ขนาดไม่เคยอบรม KM นะเนี่ย.....อ่านแล้วทึ่งค่ะ....บอกว่าไม่เค้ย...ไม่เคย....แต่ยอมรับเขียนได้ยอดเยี่ยมเลยค่ะ....(วันนี้ไม่ได้มาป่วนนะ.....เขามาดี..)
ขอบคุณค่ะ
อ่านแล้วต้องแสดงตนเขียนความคิดเห็นด้วยค่ะ เดี๋ยวคุณหมอนักวิ่งจะน้อยใจ
เขียนได้ดีมากๆอย่างนี้ ใครไม่ได้อ่านก็น่าเสียดายเองล่ะคะ คิดว่าน่าจะเป็นการจุดประกายให้มีการขายพื้นที่ออกไปอีก สิ่งดีๆอย่างนี้ ช่วยกันขยายผล จะเป็นประโยชน์ทั้งกับหน่วยงานและกับประเทศด้วยนะคะ
ตามมาอ่านย้อนหลังค่ะ จะได้เกาะติดสถานการณ์ ...ค่ะ
เข้ามาอ่านจากลานที่อื่นค่ะ เขียน น่าอ่า และอ่านสนุกนะคะ ชอบๆๆ