ฉันเกิดที่บ้านแพรก อำเภอเล็กๆ
เล็กที่สุดในอยุธยา หลายคนบอกว่าในแผนที่นั้นอำเภอบ้านแพรกเป็นเหมือนยอดมงกุฏของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งเหนือสุดติดกับลพบุรี
มีด้านหนึ่งติดกับจังหวัดอ่างทอง
และมีอีกด้านหนึ่งติดกับจังหวัดสระบุรี ฉันทำงานราชการมา 18 ปี
หลายปีมาแล้ว และผู้ใหญ่หลายคนแล้ว
บอกว่าฉันน่าจะย้ายไปทำงานที่ใหญ่กว่านี้
ศักยภาพของฉันไม่น่าจะอยู่แค่นี้ ทำไมไม่ไป
ฉันจะตอบเหมือนกันทุกครั้งก็คือ ถ้าคิดจะทำจริงๆ ที่ไหนๆ
ก็ทำงานได้ไม่มีวันหมดความคิดและหนทางและ ต้องใช้ศักยภาพมากเหมือนกัน
อีกทั้งที่นี่เป็นบ้านเกิด ฉันอยากทำอะไรๆ ให้บ้านเกิด
และฉันก็ได้ดูแลบุพการีได้อย่างดีด้วยความใกล้ชิดมากกว่า
แม้ว่าตำแหน่งราชการจะตีบตันเพียงเท่านี้ที่เป็นอยู่ไม่เหมือนเพื่อนๆ
รุ่นเดียวกันที่อยู่ในองค์กรใหญ่ๆ ก็ตาม
บ้านแพรกเป็นอำเภอที่มีหลายๆคนบอกว่าเป็นจุดอับทางเศรษฐกิจ
(ทั้งฝ่ายการปกครอง รวมถึงผู้ที่ทำงานด้านการแพทย์ก็บอกอย่างนั้น)
..ไม่มีหมอคนไหนอยู่ที่นี่นาน มีอยู่ 2 ท่านที่บอกกับฉันตรงๆ
ว่าที่นี่สร้างฐานะไม่ได้..เขาต้องย้ายไปที่อื่น
เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องจำเป็นกับชีวิต...ในวันเวลาที่ผ่านมาฉันจึงสรุปในใจได้เพียงว่า
ผู้คนจะอยู่ที่บ้านแพรกนี่ได้
คงมีแต่คนที่ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง...คนรักบ้านเกิด...คนไม่มีทางไป
กับคนที่ไม่ได้มีเป้าหมายของชีวิตที่วัตถุและเงินตราเป็นที่ตั้ง...
ฉันเป็นเพียงข้าราชการตัวเล็กๆ
ที่อยากเห็นบ้านเกิดมีความสมบูรณ์พูนสุข
หรือเป็นชุมชนเข้มแข็ง...แต่ที่ผ่านมาฉันยังไม่เห็นภาพนั้น...บ้านฉันยังไม่มีผู้นำที่เก่งกาจที่จะนำให้บ้านแพรกเข้มแข็ง
รู้รักสามัคคี มีแผนแม่บทชุมชนเหมือนกับชุมชนเข้มแข็งหลายๆ
แห่งในประเทศไทยนี้ ฉันไม่ใช่ผู้ใหญ่
หรือผู้นำในชุมชนที่จะไปจัดการอะไรได้
เพียงแค่หวังว่าสักวันหนึ่งเรื่องราวดีๆ อาจเกิดขึ้นได้
โดยฉันจะเข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะประชาชนที่รักบ้านเกิด
หรือในหน้าที่ของพันธมิตรด้านสร้างสุขภาพ
โดยทุกวันนี้สิ่งที่ฉันพอจะมีอำนาจหน้าที่ทำได้คือการเป็นผู้ประสานงานคุณภาพเพื่อให้องค์กรบริการด้านสุขภาพของเราได้ทำพันธกิจที่ดีที่สุดด้านการบริการสุขภาพและร่วมสร้างสุขภาพในชุมชน
เป็นข้าราชการของพ่อหลวงให้ดีที่สุดเท่าที่จะกระทำได้
โดยสิ่งชี้ชัดว่าฉันและทีมงานได้กระทำได้ดีระดับหนึ่งก็คือ รพ.
บ้านแพรกได้เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองคุณภาพจากสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล
และฉันก็ได้รับรางวัลเป็นข้าราชการดีเด่นของจังหวัด
....นั่นคือสิ่งที่เป็นมา...
ปีนี้เป็นปีที่ฉันได้พบกับนายอำเภอหญิงของบ้านแพรกดังบทบันทึกที่ฉันได้บันทึกไว้(บันทึก
KM. ที่ 8 ) ฉันได้มีโอกาสร่วมงานกับท่านบ้าง
ท่านเป็นคนหนึ่งที่ทำให้ความหวังที่จะเห็นบ้านแพรกเป็นชุมชนที่พัฒนาสู่การเป็นชุมชนเข้มแข็ง
ผุดขึ้นมาลางๆแล้ว การปฏิบัติงานด้วยแนวคิดของการบูรณาการเริ่มฉายชัดขึ้นเรื่อยๆ
แม้ว่าจะยากลำบากกับสิ่งที่ยังไม่เคยมี
ซึ่งเป็นธรรมดาของการบริหารการเปลี่ยนแปลง ย่อมมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ฉันมีความหวังและก็เชื่อว่าหลายๆคนที่รักบ้านเกิดคงเริ่มเห็นเหมือนกับฉัน
หรือ หลายๆคนอาจรู้สึกยุ่งยาก
และไม่อยากทำอะไรที่ดูจะเหนื่อยกว่าเดิม
ฉันไม่รู้ว่าสิ่งใดจะมากกว่ากัน หรือทั้ง 2 อย่างอาจจะน้อยกว่า
คนที่ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
ท่านนายอำเภอเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ
เล่ามาเสียยืดยาวแต่ไม่ถึงเสี้ยวหนึ่งของเรื่องทั้งหมดก็เพียงจะบอกว่าที่ผ่านมา
ฉันได้เข้าไปร่วมกระบวนการบูรณาการเพื่อการเกิดแผนแม่บทชุมชนบ้านแพรก
สิ่งที่ฉันวาดหวังมานานดังที่จะเล่าต่อไปนี้
ท่านนายอำเภอ ปาณี นาคะนาท
นายอำเภอหญิงรูปร่างบอบบางที่ฉันค่อนข้างจะเป็นห่วงด้านสุขภาพกับการทำงานที่ค่อนข้างหนัก
ท่านได้เป็นหลักในการที่จะดำเนินการให้เกิดการพัฒนาบ้านแพรกให้เป็นชุมชนเข้มแข็ง
หรืออยู่ดีมีสุขด้วยคนบ้านแพรก
โดยการจัดการบูรณาการโครงการจัดทำแผนแม่บทชุมชน
โดยการเริ่มที่วิสัยทัศน์ของระดับผู้นำเป็นจุดเริ่มต้น
ตามด้วยโครงการอบรมวิทยากรกระบวนการเพื่อการจัดทำแผนชุมชนซึ่งฉันได้เข้าไปเอี่ยวมาด้วยกับหลักสูตร
3 วัน เมื่อวันที่ 17-19 กันยายนที่ผ่านมา
(ที่เจ้าของหลักสูตรบอกว่าจริงๆแล้วต้อง 4-5 วัน)
โดยกลุ่มเป้าหมายคือผู้นำท้องถิ่น ส่วนราชการและประชาชน
ได้มาฝึกอบรมกระบวนการทำแผนแม่บทชุมชน
และเทคนิคการเป็นวิทยากรกระบวนการเพื่อการจัดเวที 6
เวทีสู่การได้มาซึ่งแผนแม่บทของชุมชน
ฉันและผู้ร่วมอบรมรวมเกือบ 50 ชีวิต ทั้งชาวบ้านทั่วไป
หัวหน้าส่วนราชการและทีมงานภาครัฐ เช่น
ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนที่แทบจะเป็นแม่งานนี้กับเจ้าหน้าที่ของอำเภอ
พัฒนาชุมชน อบต. เทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. เกษตร
พัฒนากรฯลฯ
เสียดายที่โปรแกรมนี้ตรงกับการไปศึกษาดูงานของผู้นำท้องถิ่น
ทำให้ยังมาได้ไม่ครบ คาดว่าต้องจัดอีก 1 รุ่น
พวกเราได้เข้าไปอยู่ในค่ายบางระจันสร้างสรรค์เยาวชน อำเภอค่ายบางระจัน
จังหวัดสิงห์บุรี
(ซึ่งเป็นอำเภอที่ท่านนายอำเภอผู้พี่ที่สนิทมากของนายอำเภอบ้านแพรกปฏิบัติงานอยู่
และท่านบอกว่าชื่อของอำเภอนี้ช่วยปลุกเร้าจิตสำนึกการต่อสู้เพื่อบ้านเกิดดี)
พวกเราเข้าอบรมเชิงปฏิบัติการนี้ 3 วัน
ที่พักเป็นบ้านที่มีเตียงนอนแบ่งเป็นล๊อคๆ ด้วยไม้ไผ่ 10
เตียงต่อบ้าน ส่วนที่ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเป็นอาคารสถานที่โล่งแจ้งปลูกสร้างด้วยหลักธรรมชาติ
มีหลังคา และระเบียงเพื่อให้เชื่อมกับธรรมชาติข้างเคียงมากที่สุด
ติดกับลำแม่น้ำน้อยที่ยังคงเป็นแม่น้ำสายใหญ่มีมวลหมู่ปลาตัวใหญ่ๆผุดขึ้นมาเหนือน้ำให้เห็นหัว
ลำตัวและหาง กันจะๆ
ให้บรรยากาศการทำงานกับชาวบ้านเพื่อบ้านเกิดของฉันได้ดีทีเดียว
วิทยากรครั้งนี้เป็นวิทยากรจากสายของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนที่ ทาง กศน. ของบ้านแพรกได้เชื้อเชิญมาจากต่างจังหวัด (ลำพูนและราชบุรี) 2 ท่านอีก 1 ท่านเป็นผู้อำนวยการศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนของบ้านแพรก ทั้ง 3 ท่านเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และมีเทคนิคในการขยายความรู้ให้กับพวกเราได้เป็นอย่างดี ทำให้หลายๆคน เปลี่ยนแนวคิดและมีความหวังที่จะกลับไปพัฒนาบ้านเกิดตามแนวทางที่ได้รับซึ่งพอสรุปได้ว่าพวกเราจะต้องกลับไปเป็นผู้ดำเนินการหลักบ้าง เป็นผู้สนับสนุนบ้างในการจัดเวทีภาคประชาชน รวม 6 ครั้งเพื่อให้ได้แผนแม่บทชุมชนดังนี้
1. เวทีทำความเข้าใจและค้นหาทีมชาวบ้านแต่ละกลุ่ม
2. เวทีทำความเข้าใจข้อมูล แบบเก็บข้อมูล ค้นหาข้อมูล
3. เวทีรวบรวมข้อมูล
แต่ละหมู่บ้านและแยกประเภทข้อมูล
4. เวทีวิเคราะห์ข้อมูล
5. เวทีกำหนดแนวทางการพัฒนาจัดทำแผนชุมชน
6. เวทีสรุปแผนชุมชน
ประชาพิจารณ์แผนชุมชน
ในหลายๆส่วนฉันค่อนข้างได้รับความรู้และเคยทำ รวมถึงการเป็นวิทยากรกระบวนการ เท่ากับได้มาทบทวนและได้รับความรู้เพิ่มเติมในส่วนของการทำแผนแม่บทชุมชน ส่วนรายละเอียดในภาพรวมที่พวกเราได้รับจากการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ได้แก่
1. เทคนิคการเป็นวิทยากรกระบวนการ
อันประกอบด้วยหลายองค์ประกอบโดยอาจารย์สรุปด้วย mind mapping
2. การฝึกภาคปฏิบัติในการจัดทำเวทีทั้ง 6 เวที
อื่นๆที่ฉันได้จากที่นี่คือ...
• ความผูกพันกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน
รู้จักมักคุ้นกันมากขึ้น และรู้สึกรักคนบ้านแพรก
รักคนที่ทำงานเพื่อบ้านแพรก
รักบ้านแพรกมากขึ้นกว่าเดิมที่มีมากอยู่แล้ว
หัวหน้าพยาบาลกับกำนัน 2 ตำบล
• การได้อยู่ในบรรยากาศธรรมชาติแท้ๆ...และการได้ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้คน
สถานที่นี้อาจทำให้ฉันนอนไม่หลับ (เพราะยุงมาก) แต่มิได้เดือดร้อนอะไร
ฉันนอนเจริญสติตามรู้ไปเรื่อย ๆ
และได้ประโยชน์คือได้บรรเทาทุกข์ให้กับผู้ร่วมห้องคืนละ 1 คน คืนแรก
พี่ที่อยู่ล๊อคข้างๆ เตียงที่ฉันนอนมีอาการแพ้มากๆ
มีอาการไอแบบมีเสมหะจนไม่สามารถนอนได้ ซึ่งเป็นเวลาตีหนึ่งกว่าๆแล้ว
ฉันถามอาการและได้ให้ยาแก้แพ้ไป 2 ชนิด
(เป็นยาประจำตัวของฉันเอง) พร้อมด้วยน้ำที่มีอยู่ 1 ขวด
จากนั้นฉันก็รับรู้ได้ว่าพี่เขาหลับไปจากการสำเหนียกเสียงของการหายใจ
ส่วนคืนที่ 2 น้าที่อยู่ล๊อคถัดไปอีก มีอาการจามตลอดในช่วง
ตีหนึ่งครึ่ง
คืนนี้ยุงมากกว่าเดิมจนฉันต้องเปิดไฟหัวนอนยันเช้า
ได้ยินเสียงจามติดต่อกันพักหนึ่งก็เลยไปถามไถ่และให้ยาแก้แพ้เขาไป1
เม็ด คุณน้าคนนั้นก็หลับสบายถึงเช้า ส่วนเวลาเช้าที่ตื่นทั้ง 2
วัน ฉันก็ได้ไปเล่นโยคะที่เรือนแพที่อยู่เหนือลำแม่น้ำน้อย
มีเสียงดนตรีประกอบเป็นเสียงนกนาๆ ชนิด (นกกาเหว่า นกกะปูด นกกวัก
นกกระยาง นกกระแตแต้แว๊ด ฯลฯ) เสียงผุดของปลาไม่ขาดสาย
ส่วนศิลปะที่ได้ทัศนาก็เป็นภาพของนกหลากชนิดบินผ่านไปมา
บางทีก็บินโฉบลงน้ำ กิ่งไม้ไหวเอนจนตกลงระกับสายน้ำที่ไหลเอื่อย
ริ้วสีทองของอาทิตย์ที่สาดส่องอยู่ชายขอบฟ้า
สะท้อนผิวน้ำระยับระยิบ
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเล่นโยคะบนแพที่ค่อนข้างสวยงามได้มาตรฐานเหนือน้ำ
โชคดีที่ฉันคิดคำนึงและนำเสื่อโยคะติดมาด้วย
การรวมตัวครั้งนี้จบลงด้วยการเปิดตัว “ชมรมคนมีใจ...รักบ้านแพรก” ซึ่งนำโดยท่านนายอำเภอ มีฉันและพี่ตุ้ย (หัวหน้าพยาบาล) เป็น สมาชิก 2 คนแรก และการสร้างสัญญาใจที่พวกเราจะไปดำเนินงานต่อโดยใช้หัวใจสีเขียวเขียนข้อความจากทุกคนติดบนต้นไม้ของพ่อ....ต่อด้วยการร้องเพลงใจประสานใจในช่วงที่มือประสานมือ
ฉันเห็นแววตาที่สว่างไสวมากขึ้นของคนหลายๆคน
เห็นพลังที่รอการใช้เพื่อสิ่งที่ดีของชุมชน
และฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น
ถึงเวลาที่ฉันรอคอยมานานแล้ว...
ขอบคุณผู้ให้กำเนิด ทั้งพ่อ-แม่และบ้านเกิดที่ทำให้ฉันได้ยืนหยัดและเติบโต
ขอบคุณท่านนายอำเภอหัวใจบูรณาการที่มาสานฝันคนบ้านแพรก เปรียบเสมือนได้บ่มเพาะต้นกล้าแห่งความหวัง ต้นกล้าแห่งความรัก ต้นกล้าสามัคคี ต้นกล้าแห่งความคิดและพัฒนาและ
ขอบคุณผู้มีใจรักบ้านแพรกทุกๆ
ท่านทั้งคนบ้านแพรกโดยกำเนิดและ
หรือผู้ที่เพียงมาทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ณ ที่ผืนแผ่นดินนี้
ขอบคุณที่ท่านได้ช่วยบ่มเพาะต้นกล้าเหล่านี้เพื่อส่งเสริมให้รากเหง้าของคนบ้านแพรกได้หยั่งลึกลงผืนแผ่นดินเกิดมากขึ้น...
แต่ละตำบลมอบแผนให้ท่านนายอำเภอ
สวัีสดีค่ะคุณแหวว
เอากำลังใจมาให้คนทำงานค่ะ
We ourselves fell that what we are doing is just a drop in the ocean. But the ocean would be less be cause of that missing drop.
ถ้าเรารู้สึกว่าสิ่งที่ทำลงไปเป็น เหมือนกับเพียงน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทร แต่มหาสมุทร คงจะมีน้ำน้อยลง ถ้าขาดหยดนั้นไป ...
เอาใจช่วยให้ประสบผลสำเร็จนะคะ
รวดเร็วเหมือนเดิมเลยนะคะคุณน้อง
ขอบคุณค่ะ..คุณ เบิร์ด
สวัสดีคร๊าบ.... คุณพี่แหวว
ถึงจะไม่ได้เป็นคนบ้านแพรกมาแต่กำเนิด แต่ในฐานะที่เป็นผู้ที่เพียงมาทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ณ ที่ผืนแผ่นดินนี้ ก็จะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดเช่นกัน ยังงัยก็ขอแปลงร่างเป็น กระต่ายน้อยอ้วนพีก่อน จะได้ร่วมเดินทางในการบูรณาการบ้านแพรกเข้มแข็ง ไปพร้อมๆกับคุณพี่แหววด้วยงัยคร๊าบ........ฮ่า....ฮ่า น่ารักใช้ม๊า....
เฮ้!!! โคนันคุง
เยี่ยมมากๆเลยหละ..โคนันคุงน่ะ...สมกับเป็นยอดนักสืบ...รู้ทุกเรื่องที่คนอื่นยังไม่รู้...(สายลับมีหลายสายไง) แต่กระต่ายน้อยอ้วนพีเนี่ย อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับชุมชนซักเท่าไหร่หละมั้ง...ดูจะเป็นกระต่ายเมืองมากกว่าน่ะ...ยังไงก็ขอบคุณมากๆ ที่มาช่วยกันพัฒนาบ้านแพรกในส่วนของการดูแลสุขภาพอย่างเต็มที่...มากเสียกว่าคนที่อยู่ที่นี่บางคนเสียอีก...แสดงว่าชาติที่แล้วอาจเคยอยู่ที่นี่รึเปล่าเนี่ย..ขอบคุณนะคะ..ขอบคุณแทนคนบ้านแพรก...(แล้วจะหนีบกระต่ายน้อยไปชุมชนด้วยบ่อยๆ...(ถ้าจะไม่สลบไปเสียก่อน...ล้อเล่นน่ะ..)
สวัสดีค่ะน้องรักษ์ RAK-NA
อ่านแล้วคิดถึงอำเภอบ้านแพรก อำเภอเล็กๆที่สงบสุขและอบอุ่น ไม่ใช่คนบ้านแพรกโดยกำเนิด ไม่ใช่ไม่มีทางไป เคยเลือกอยู่ที่บ้านแพรกด้วยความรู้สึกที่ดี และจากมาด้วยความระลึกถึงที่ตราตรึงอยู่ในใจเสมอมา แม้ตอนนี้มีเส้นทางที่ต้องแยกจากบ้านแพรกไป .. แต่ก็คิดว่าเคยผ่านไปทำหน้าที่ที่บ้านแพรกอย่างดีที่สุดแล้ว และบอกทุกคนที่พบเจอด้วยความภาคภูมิใจเสมอว่าเคยเป็น หมอบ้านแพรก นะคะ ... ใครเอ่ย อิอิ
สวัสดีครับคุณแหวว
เป็นงานจิตสาธารณะ ที่งดงามอีกงานหนึ่งครับ เห็นภาพและอ่านจากคำบรรยายแล้ว...นับได้ว่าเป็นกระบวนการทางปัญญาที่เป็นจุดเริ่มต้นการสรางสุขภาวะของคนบ้านแพรก
แวะมาให้กำลังใจครับ
สวัสดีค่ะคุณแหวว
สวัสดีค่ะ..ผู้เคยผ่านมาทำหน้าที่ที่บ้านแพรก
สวัสดีค่ะ...คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร
สวัสดีค่ะ...คุณแอมป์ ดอกไม้ทะเล
สวัสดีค่ะ...คุณ naree suwan
สวัสดีน้องรักษ์ RAK-NA
สวัสดีค่ะ
มาให้กำลังใจคนทำงานค่ะ วันี้ ขอนำรูปนกสวยๆมาฝากค่ะ
สวัสดีค่ะ..คุณพี่ sasinanda
หวัดดีค่ะพี่แว๊ว,
ได้เข้ามาอ่านหลายๆสิ่งหลายอย่างที่พี่เขียนโดยบังเอิญนะคะ รู้สึกซาบซึ้งใจมากๆๆๆๆ จริงๆค่ะ และแอบดีใจแทนคนบ้านแพรกจริงๆ ที่ยังมีคนที่มีใจรักบ้านเกิดอย่างแท้จริง และต้องการตอบแทนถิ่นฐานบ้านเกิด จริงๆชุมชนที่บ้านแพรกมีของดี มีคนดี ที่เป็นทุนที่ดีทางสังคมอยู่ไม่น้อย ขาดเพียงผู้ที่จะสามารถกระตุ้นให้สิ่งดีๆเหล่านี้ กลับคืนมาสู่ชุมชนเท่านั้น แต่เท่าที่อ่านงานเขียนของพี่ก็แอบฝากความหวังไว้ในใจว่าชุมชนเราอาจจะเจอผู้นำที่เข้มแข็งแล้วก็เป็นได้ค่ะ
พี่คงจำรุ้งได้นะคะ ตอนนี้รุ้งกำลังศึกษาต่อปริญญาเอก ด้านประชากรศาสตร์ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ต้นปี 2553 น่าจะสำเร็จการศึกษา และมีความคิดเบื้องต้นว่าจะกลับไปเป็นอาจารย์ที่ราชภัฎฯใกล้บ้าน และกลับไปดูแลบ้านให้น่าอยู่กว่านี้ (ก็คงต้องรื้อแล้วสร้างใหม่น่ะค่ะ) และที่สำคัญอยากกลับไปทำวิจัยหลายๆ เรื่อง เพื่อพัฒนาบ้านเกิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพอนามัย หรือเรื่องอะไรก็ตามที่สามารถทำได้ เพราะตอนนี้ก็พอมองเห็นบ้างว่าจะทำวิจัยเรื่องอะไรบ้าง แต่อย่างไรก็ตามทุกอย่างยังคงเป็นแค่ความฝัน เพราะอนาคตไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน
ขอบคุณนะคะที่ทำสิ่งดีๆมากๆมายให้คนในชุมชน
รุ้งทอง ครามานนท์
สวัสดีค่ะ น้องรุ้ง (รุ้งทอง ครามานนท์)
รู้สึกดีใจที่อย่างน้อยก็มีคนรักบ้านแพรก
เชื่อแน่ว่า ยังมีคนรักบ้านแพรกอีกมากๆๆๆๆ ค่ะ คุณ ผู้ร่วมแผ่นดินเดียวกัน