บทเรียนจากงานวิจัย...ชุมชนเกษตรที่ฉันเคยสัมผัส...ข้าวสีทอง


หลักการทำงานของฉันในการเก็บข้อมูลวิจัย คือ เป็นส่วนหนึ่งของบ้าน และชุมชน ดังนั้นไม่ว่าพ่อจะทำอะไร ถ้าฉันทำได้ฉันจะทำ ถ้าทำไม่ได้ฉันก็นั่งสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง

ฉันจะยกมือขอขมาข้าวในจานทุกครั้งที่ฉันกินเหลือ

ฉันจะปรบมือชื่นชมตัวเองที่กินข้าวหมดจานทุกครั้ง

 

         พฤติกรรมและทัศนคติเกี่ยวกับการกินข้าวของฉันเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่เมื่อไรฉันไม่ทันสังเกต ฉันรู้เพียงว่า มันเกิดขึ้นมาจากกระบวนการคิดจากเหตุการณ์ใด... 

         เมื่อประมาณปี 2544  ฉันมีโอกาสเป็นทีมวิจัยเกี่ยวกับ เกษตรกรรมยั่งยืน  ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีรูปแบบและแนวทางที่ชัดเจนเช่นปัจจุบัน  แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังมีชุมชนเกษตรกรรมจำนวนมากที่มีแบบแผนการทำเกษตรตามแนวทางเกษตรกรรมยั่งยืน  ไม่ว่าจะเป็น  เกษตรอินทรีย์  เกษตรผสมผสาน  วนเกษตร เกษตรทฤษฎีใหม่ และเกษตรธรรมชาติ 

         เป้าหมายของงานวิจัยในขณะนั้น คือ  แสดงให้เห็นว่าระบบการผลิตตามแนวทางเกษตรยั่งยืนมีความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ  สังคม  และสิ่งแวดล้อม  เพื่อเป็นข้อมูลในการสนับสนุนให้เกิดนโยบายในการสนับสนุนที่ชัดเจนของภาครัฐ

         ในฐานะผู้ช่วยนักวิจัยฉันจึงมีโอกาสสัมผัสชุมชนเกษตรกรรมยั่งยืนที่หลากหลายและงดงาม 

         จากที่ฉันเกริ่นไว้เกี่ยวกับ  ข้าว...ชุมชนนาโส่  อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร  เป็นชุมชนหนึ่งที่ฉันมีโอกาสได้เข้าไปเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ จากวิถีเกษตรกรรมที่ถูกเรียกตามคำจำกัดความว่า เกษตรอินทรีย์  และฉันก็มั่นใจว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับชุมชนนี้ในฐานะตัวอย่างชุมชนเกษตรกรรมเข้มแข็ง

        ทุกครั้งที่ฉันเก็บข้อมูลในพื้นที่ฉันจะขอนอนที่บ้านนั้นด้วยเสมอเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว  จึงไม่แปลกอะไรที่ฉันมีพ่อแม่เกษตรกรอยู่ทั่วประเทศ  คราวนั้นก็เช่นกันฉันพักค้างที่บ้านพ่อมั่น สามสี  ผู้ชายงดงามที่สุดคนหนึ่งที่ฉันเคยพบ 

         ช่วงเวลาที่ฉันไปเก็บข้อมูลเป็นช่วงที่ข้าวอินทรีย์เหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่งนา สุดลูกหูลูกตา ส่งกลิ่นหอมอย่างมีเอกลักษณ์ทั่วหมู่บ้าน 

           หลักการทำงานของฉันในการเก็บข้อมูลวิจัย คือ  เป็นส่วนหนึ่งของบ้าน และชุมชน  ดังนั้นไม่ว่าพ่อจะทำอะไร ถ้าฉันทำได้ฉันจะทำ ถ้าทำไม่ได้ฉันก็นั่งสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง 

         การเกี่ยวข้าว  คือ กิจกรรมขณะนั้นของชุมชน  พ่อถามฉันว่าจะไปเกี่ยวข้าวไหม ไปสิคะ ฉันไม่พลาดอยู่แล้ว 

ถึงแม้บุพการีของฉันทั้งสองคนจะเป็นลูกชาวนา และทำนามาตั้งแต่เด็ก  แต่เมื่อมีค่านิยมของการเป็นเจ้าคนนายคน จึงได้เปลี่ยนมือทั้งสองของท่านจากกำเคียวเกี่ยวข้าวเป็นจับปากกาในบทบาทของข้าราชการ  เพราะฉะนั้นไม่แปลกอะไรที่ในขณะนั้นฉันจะไม่เคยได้สัมผัสเคียว หรือแม้แต่ต้นข้าว 

          เครื่องแต่งตัวของฉันที่เพิ่มเติมจากกางเกงยีนส์และเสื้อยืดตามสมัยนิยม คือ เสื้อเชิ้ตแขนยาวตัวใหญ่  หมวกปีกกว้าง และเคียว 

          พวกเราตื่นแต่เช้า กินข้าวเหนียวอุ่นๆ แล้วออกเดินทางไปทุ่งนาสีทอง  สภาพต้นข้าวสีทองบางส่วนตั้งตรง  บางส่วนโดนลมทำให้ต้นลู่ขนานไปกับพื้น  พ่อสอนวิธีการจับเคียว  จับต้นข้าว  เกี่ยวข้าว  ให้ฉันก่อนที่จะชี้จุดเริ่มต้นและเขตแดนรับผิลชอบให้กับฉัน 

          ในแปลงของฉันมีทั้งข้าวที่ตั้งสวยงามรอคอยการมาเยือนของฉัน  และต้นที่ล้มหมดแรงต่อสู้กับลมกรรโชก  ฉันมองข้าวมัดแรกที่ฉันเกี่ยวได้และกองไว้อย่างสวยงาม  อดอมยิ้มไม่ได้ในขณะเดียวกันฉันเริ่มมีความรู้สึกแสบมือ... 

          พอหันไปมองหาพ่อมั่นผู้ชายผมขาวตัวผอมสูงยืนอยู่กลางต้นข้าวและตอซัง ดำเนินกิจกรรมที่สวยงาม มีชีวิตชีวา  สดชื่น ไม่เร่งรีบ และสวยงาม 

หมดวันไปอย่างรวดเร็ว แปลงข้าวที่พ่อยกให้ฉัน (เกี่ยว)  ยังเหลืออีกว่าครึ่ง... แต่ก็น่าจะเพียงพอกับการเรียนรู้ของฉัน 

            ฉันเหลือบมองเห็นเมล็ดข้าว และรวมข้าว ที่ไม่ได้อยู่รวมกับกอง แต่ตกอยู่ข้างๆ ตอซัง  ฉันถามพ่อว่าเราไม่เก็บไปด้วยหรือ  พ่อหัวเราะ แล้วบอกฉันว่า แบ่งให้นกมันกินบ้าง ไม่เห็นเป็นไร...

          นาข้าวของพ่อมั่นเป็นนาอินทรีย์  ข้าวที่ฉันเกี่ยวเป็นข้าวอินทรีย์  แน่นอนข้าวที่ฉันกินวันนั้นก็เป็นข้าวอินทรีย์  พ่อบอกว่าทำนาแบบนี้ไม่ทำร้ายใคร  ไม่ทำร้ายตัวเอง  ไม่ทำร้ายคนกิน  ไม่ทำร้ายดิน  ไม่ทำร้ายน้ำ  และไม่ทำร้ายสัตว์

          ฉันนอนกับพี่ชุลูกสาวพ่อมั่น (ตอนนี้ได้ข่าวว่าแต่งงานและมีลูกน่ารักไปเรียบร้อยแล้ว) และฉันไม่เคยตื่นหลังจากเจ้าของบ้านที่ฉันพักค้างเกิน 10 นาที  แต่วันนี้ฉันลุกแทบไม่ขึ้น  ตัวแข็ง แสบมือและแขน ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว  กว่าจะลุกขึ้นมาจากที่นอนได้  ทรมานเหลือเกิน พี่ชุอมยิ้มอย่างรู้ทันและพ่อดูเหมือนจะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน หลังจากการเกี่ยวข้าววานนี้ 

           พ่อยิ้มและบอกฉันว่านี้แหละ...ชาวนาที่ปลูกข้าวให้ลูกกิน 

           ทุกครั้งที่ฉันกินข้าว ฉันจะนึกถึงชาวนา นึกถึงการเป็นผู้ให้ของชาวนา  และนึกถึงความยากลำบากในการเกี่ยวข้าวของฉันในวันนั้น 

ฉันไม่กินข้าวเหลือ  นอกเสียจากไม่สามารถจะกินมันเข้าไปได้จริงๆ  ฉันจะปรบมือชื่นชมชาวนาที่ปลูกข้าวให้ฉันและตัวเองที่กินข้าวหมดทุกครั้งจนเป็นนิสัย  และฉันจะไหว้ข้าวที่ฉันกินเหลือทุกครั้งด้วยความรู้สึก... 

เหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคนอื่น  สำหรับฉันมันเป็นการระลึกถึงคุณค่าของข้าวที่ฉันได้สัมผัสและเรียนรู้มา  จากช่วงเวลาของการทำวิจัย

วันนี้คุณกินข้าวหมดจานหรือเปล่า

 
หมายเลขบันทึก: 128533เขียนเมื่อ 15 กันยายน 2007 20:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 23:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

สวัสดีครับคุณ พิมพ์ดีด

  • การทำงานกับเกษตรกรเป็นงานที่ต้องลงไปสัมผัสจึงจะเข้าถึงและเข้าใจประเด็นต่างๆอย่างแท้จริง
  • ผมจบเกษตรมาก็จริง แต่ยังไม่เคยเกี่ยวข้าวเลย เคยแต่ดำนาตอนรับน้องครับ น่าลองเกี่ยวดูบ้างเหมือนกัน
  • การทำเกษตรอินทรีย์เท่าที่ผมทราบมานั้น มีอุปสรรคค่อนข้างมาก แต่หากเกษตรกรคิดว่า... ทำนาแบบนี้ไม่ทำร้ายใคร  ไม่ทำร้ายตัวเอง  ไม่ทำร้ายคนกิน  ไม่ทำร้ายดิน  ไม่ทำร้ายน้ำ  และไม่ทำร้ายสัตว์...และยึดความพอเพียงเป็นที่ตั้ง น่าจะขยายผล..เกษตรอินทรีย์...ให้แผ่กว้างดีขึ้นครับ
  • วันนี้...ทานข้าวหมดจานครับผม

สวัสดีคะ P

คราวหน้าจะมาเล่าเรื่อง ดำนาให้ฟังบ้างคะ

จากงานวิจัยบอกว่า ปัจจัยที่ทำให้เกษตรอินทรีย์ประสบความสำเร็จได้ คือ แรงบันดาลใจของเกษตรกร  แรงบันดาลใจสามารถทำให้เกษตรกรก้าวข้ามปัญหาอุปสรรคไปได้ 

แต่ตอนนี้เกษตรอินทรีย์ถูกยกและสนับสนุนให้ตอบสนองกระแสตลาดที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับสุขภาพ  มีความกลัวว่าระบบเกษตรอินทรีย์ที่เป็นเชิงพาณิชย์จะส่งผลกระทบแบบเดิมๆ กับเกษตรกรไทยอีกหรือไม่...

ดีใจจังคะที่มีคนร่วมกัน...ทานข้าวหมดจาน....

ขอบคุณมากคะ

---^.^---

 

  • ปกติกินข้าวหมดจานเป็นประจำแถมไม่พออีกต่างหาก :)
  • แล้วนำประสบการณ์ดีๆ มาเล่าสู่กันฟังอีกนะค่ะ
ยิ่งไปอยู่เมืองกรุงแบบทุกวันนี้ ควรต้องกินให้หมดทุกเม็ดนะครับ เพราะราคาแพงครับ 555

อ้ายเอกP

ข้าวที่นี้แพงจริงๆคะ อันที่ไม่แพงก็ไม่ค่อยอร่อย แต่ก็พอกินได้ประทังชีวิตไป ...แต่ยังไงๆ ก็กินข้าวหมดจานทุกวันคะ

หลังจากวันนี้อีกหลายมื้อ จะได้กินข้าวจากเชียงใหม่ เพราะแม่อุตสาห์หอบหิ้วมาทั้งหม้อ ทั้งข้าว ด้วยกลัวลูกสาวจะไม่มีอะไรกิน...ช่างเป็นข้าวที่อร่อยอะไรอย่างนี้เนี้ยะ

---^.^---

ขอบคุณเจ้าที่แวะมา รักษาสุขภาพเน้ออ้าย

อาจารย์เออP

อยู่ไกลบ้านไกลเมือง ไกลอู่ข้าวอู่น้ำ

คงไม่ค่อยได้กินข้าวอร่อยๆ แน่...

คงคิดถึงข้าวบ้านเราน่าดู

 

  • หายไปนานมากๆๆ
  • จำได้ว่า
  • เคยพบท่านตอนทำงานที่ สกศ
  • ท่านได้รับรางวัลครูภูมิปัญญาไทย
  • ใช่ไหมครับ

เรียน อ.ขจิต P

นึกว่าอาจารย์จะไม่มาเยี่ยมบันทึกนี้ซะแล้ว ขอบคุณมากคะ

ช่วงนี้เจอคลื่นยักษ์พัดผ่าน สติสตางค์เลยไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไร คิดอะไรไม่ค่อยออก เขียนอะไรไม่ค่อยเป็นภาษา เลยเงียบหายไป ตอนนี้เริ่มโอเคในระดับหนึ่งแล้วคะ...หวังว่าคงได้ทักทายกันอีกในไม่ช้า

ตั้งแต่ออกจากบ้านพ่อมั่นคราวนั้นก็ไม่ได้พบปะกับท่านอีกแล้ว รวมทั้งข่าวคราวก็ไม่ได้ติดตาม เลยไม่แน่ใจว่าที่อาจารย์ถามจะใช่ท่านหรือเปล่า แต่ถึงจะไม่มีใครให้รางวัลท่าน ท่านก็เป็นครูที่เก่งและมีคุณค่ามากที่สุดอยู่แล้ว ใช่ไหมคะ

---^.^---

รูปใหม่นี่ดูอาจารย์ผอมลงนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท