หลายปีที่ผ่านมาต้องตอบคำถามเหล่านั้นมาตลอด เลือกเรียนเศรษฐศาสตร์เพราะคิดว่าเราคงเหมาะกับเรื่องการเงิน เคยฝันว่าจะต้องทำงานในบริษัทหลักทรัพย์มีเงินเดือนและโบนัสสูงๆ เนื่องจากเห็นรุ่นพี่และอาจารย์พูดให้ฟังอยู่ตลอด...(เน้นแต่เรื่องทุนนิยม)
จึงสนใจเรียนเฉพาะวิชาเกี่ยวกับการเงิน ส่วนวิชาทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่เคยอยู่ในสายตาเลย ตอนนั้นถ้าเรียนก็เชยจะตาย...
เมื่อจบไปแล้วก็เลือกทำงานการเงินที่บริษัทเอกชน ทำธุรกิจส่วนตัว ใช้ชีวิตอย่างที่ใจต้องการ(ฟุ่มเฟือยน่าดู) จนมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เมื่อต้องตอบคำถามเหล่านี้อีกครั้ง... ก็ให้นึกแปลกใจ เพราะคำตอบเริ่มเปลี่ยนไป วิชาที่เลือกสอนคือ วิชาเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม หันมาให้ความสนใจเศรษฐกิจชุมชน น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้
ความคิดหลายอย่างเริ่มพรั่งพรูออกมาตั้งแต่ได้เข้ามารู้จัก g2k เหมือนเพิ่งจะค้นพบตัวเอง เริ่มหาคำตอบให้กับตัวเองได้ว่า...ความสุขที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งที่เราพยายามแสวงหามาตลอดคือ เงินทอง ทรัพย์สิน ความมั่นคงในชีวิต
หลายต่อหลายคนต้องใช้เวลากว่าค่อนชีวิตที่จะค้นพบตัวเอง
แล้วคุณหล่ะ...ค้นพบความต้องการที่แท้จริงของตัวคุณแล้วหรือยัง???
สวัสดีค่ะอาจารย์ลูกหว้า
เมื่อคืนแอบปลื้มที่อาจารย์เข้าไปชื่นชมในบล็อกคุณพลเดช วันนี้เลยตามมาเยี่ยมอาจารย์บ้าง เริ่มค้นพบตัวเองแล้วเหมือนกัน ชอบทำอะไรเกี่ยวกับชุมชน ทำกับคนเยอะๆ ชอบทำงานที่ท้าทาย ใช้ความสำเร็จของงานหล่อเลี้ยงหัวใจค่ะ
ขอบคุณความคิดดีๆของอาจารย์ค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์ลูกหว้าคนสวย
ขยันจังเลยค่ะ ทำโน่นทำนี่ไม่ได้หยุด .. ปิ๊กนอนไม่หลับอ่ะคืนนี้
ไม่มีคำตอบให้อาจารย์ลูกหว้าอ่ะค่ะ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าชอบที่จะทำอะไร รู้แต่ว่า ก็ทำงานไปเรื่อยๆอ่ะค่ะ (ดูไม่ค่อยมีอนาคตเนอะ อิอิ )
สวัสดีค่ะ อ.ลูกหว้า
ทุนนิยมหรือ ถามเพื่อ ใครดีเด่นกว่าใคร
หรือว่าสังคมนิยม
ตอนนี้หมูเรียน เศรษฐศาสตร์ทั่วไป คับพี่หว้า
มาติวให้ม่างจิ่ อิอิ
คำถามเหล่านั้น ต้อมถามตัวเองอยู่บ่อย ๆ ค่ะ
- อยากเรียนต่อคณะอะไร? ชอบภาษา ชอบการออกแบบ ชอบเขียนกลอน ชอบวาดรูป แต่ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนขี้อายและมีดลกส่วนตัวค่อนข้างสูงลิบลิ่วเลยไม่กล้าปรึกษาใคร และที่สำคัญได้โควต้าในสาขาที่เกี่ยวกับภาษาแต่สอบตกเอาตอนสัมภาษณ์ เพราะบอกแล้วเป็นคนขี้อาย ตอนนั้นไม่กล้าคุยกับคนแปลกหน้า แต่ไหงไปเรียนไฟฟ้าได้ก็ไม่รู้ คงเพราะที่เทคนิคฯ คนน้อย ไม่มีสายตาผู้หญิงมองเรามากนัก ดีจัง!!
- จบไปแล้วทำงานอะไร? รับจ๊อบพิเศษ ดร๊าฟแบบ ทำรายงาน ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ขึ้นอยู่กับเวลาแบบคนอื่นที่ต้องเข้า 8 โมงเช้า ออก 4 โมงเย็น อ๋อ..ตอนเรียนจบมีโรงงานรับเข้าทำงานแล้ว 2 - 3 แห่ง ด้วยความที่ขี้อายและไม่มีความมั่นใจก็เลยไม่เอา แบบกลัวว่า..เอ ให้ฉันเป็นหัวหน้าแต่ฉันไม่เคยทำมาก่อน จะทำได้ไหม ((วะ)) แบบกลัวว่า..เอ ให้ฉันไปคุมเครื่อง ถ้าเกิดเครื่องเสียขึ้นมา ฉันจะทำไง((วะ)) แบบกลัวว่า..จะส่งฉันไปฝึกงานญี่ปุ่น ฉันพูดไม่เก่ง แล้วฉันจะทำไง ฮือ ๆ ๆ เคยทำงานออฟฟิศแต่ก็ทำได้ไม่ถึง 2 เดือน ทำงานที่ไหนไม่ถึง 2 เดือน เลยเลิกทำ ทำงานของตัวเองและเพื่อนก็พออยู่ได้แต่ไม่นานก็มีปัญหา กลับมาตั้งสติที่บ้านแล้วก็ได้งานที่ทำในปัจจุบันนี้ 3 ปีกว่าแล้วค่ะ
- ชอบงานที่ทำอยู่หรือไม่? ตอนแรก เกลียดมากกกกกกก ไม่ชอบคน ไม่ชอบสถานการณ์ ไม่ชอบไปหมด แต่ก็เกรงใจผู้ใหญ่ เพราะเขาเลือกเราเข้ามาเอง แต่พออยู่ ๆ ไปก็เริ่มปรับตัวได้พอสมควร ตอนนี้ก็เฉย ๆ ค่ะ อยู่ได้สบาย ๆ และที่สำคัญ..ทำงานที่นี่ ทำให้มีเวลาทำงานอดิเรกที่รักได้ไม่จำกัด มีเวลาได้ขีด ๆ เขียน ๆ ได้วาดรูป ได้อ่านหนังสือ ได้ทำกิจกรรมเยอะแยะไปหมด ก็เลยพอหยวน ๆ ไปได้
- คิดจะทำอะไรต่อไปในอนาคต? ก็..อยากมีร้านอาหารเล็ก ๆ ขนาด 2 - 3 โต๊ะ เป็นของตัวเอง ในสไตล์ที่ชอบ ร้านน่ารัก ๆ อาหารอร่อย ๆ วางขายของที่เราได้ทำเองจากมือทุกชิ้น หรือไม่ก็มีสวนเล็ก ๆ ได้ทำงานอยู่ในสวน อยากจะมีความมั่นคงในระดับที่ตัวเองไม่เดือดร้อน ถ้าแม่หรือน้องไม่สบายก็มีเงินพาไปรักษา มีเวลาให้กับคนที่รัก เพราะไม่เคยอยากได้ อยากมี เราถึงได้ละทิ้งโอกาสดี ๆ ในชีวิตไปมากมาย หลายครั้งที่ถูกต่อว่าต่อขานก็รู้สึกแย่ ก็ทำไมล่ะ.. ดีออกจะตาย และรู้สึกดีกับการไม่อยากได้ ไม่อยากมีอะไรของตัวเองชะมัด แต่พอมองในแง่ของความเป็นจริง เฮ้ย!! ต้องคิดถึงวันข้างหน้าบ้าง
- อยากจะทำอะไรเพื่อสังคมบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีโอกาสก็จะทำ และงานในตอนนี้ก็เกี่ยวกับสังคมอยู่แล้ว
ความต้องการของชีวิต .. มันก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัยและแต่ละปัจจัย ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา..ทำให้ได้คิดอะไรมากมาย เกิดคำถามขึ้นในใจเสมอว่า ทำไมเราจึงได้ละทิ้งเงินทอง ละทิ้งโอกาสอันดีในการศึกษา การงาน และชีวิตคู่ ทำไมเราถึงได้เป็นคนที่เรื่อยเปื่อยได้ขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่อายุก็ไม่น้อยแล้วนะ คำตอบก็คือ..ก็ทำแบบนั้นแล้วเรามีความสุขไงล่ะ
ถ้าย้อนกลับไปได้ก็คงจะดี จะย้อนกลับไปแก้ไขตั้งแต่ต้น แต่ความจริงก็คือเราย้อนวันเวลากลับไปแก้ไขบริบทใด ๆ ไม่ได้ ที่เป็นอยู่นี้ก็คือต้องดำเนินชีวิตต่อไป และแน่ล่ะ ต้องใช้ความคิดมากกว่าเดิม
เข้ามาแลกเปลี่ยนครับ อาจารย์ลูกหว้า...
ยิ่งในยุคนี้ น้องๆ นักศึกษาหลายๆ คนที่เรียนกำลังจะจบแล้วยังตั้งคำถามเหล่านี้อยู่เลย ซึ่งจริงๆ แล้ว คงต้องช่วยกันในทุกๆ ภาคส่วน เพื่อให้เกิดกระบวนการ "คิดเป็น" แล้วตัดสินใจได้ อย่างเมื่อเช้านั่งคุยกับ อาจารย์ท่านหนึ่ง เรื่องละครหลังข่าว ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะมีแฟนประจำอยู่ไม่น้อยทีเดียว แต่คำถาม คือ คนดูได้เรียนรู้อะไรมากน้อยขนาดไหน? ถ้านำตรงนี้มาเป็นประโยชน์ได้ก็น่าจะดี....
ส่วนตัวเองแล้ว ก็ยังค้นหาตัวเอง (ที่ชัดเจน) ต่อไปครับ
ด้วยความเคารพรัก