ที่จริง เราตั้งโจทย์วิจัยเรื่องมังคุดส่งออกตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้ว (เพราะเพื่อนขอให้ช่วยทำโครงการวิจัยเกี่ยวกับญี่ปุ่นสักเรื่อง) ตอนนั้นมังคุดยังไม่มีปัญหาเรื่องราคา แต่เราเพิ่งได้จังหวะลงไปดูเรื่องมังคุดเอาเมื่อตอนมีปัญหาพอดี
โจทย์ตอนนั้นมาจากท่านทูตไทยประจำญี่ปุ่น (ในครั้งนั้น) ท่านสงสัยมากว่าทำไมทำตลาดมังคุดส่งออกไม่ได้สักที ลงพื้นที่นครฯครั้งนี้ จึงเป็นการลงไปดูส่วนหนึ่งของขั้นตอนจาก “ไร่นาถึงโต๊ะอาหาร” (from farm to table) เพราะเท่าที่รู้ ไม่มีหน่วยงานราชการหน่วยไหนที่ดูแลจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค การผลิตดูแลโดยกระทรวงเกษตรฯ การตลาด (มักเป็นเรื่องประกันราคา) ดูแลโดยกระทรวงพาณิชย์ ช่วงต่อระหว่างผลิตกับขาย ดูเหมือนจะมีสหกรณ์การเกษตรภายใต้การดูแลของกระทรวงเกษตรฯแทรกอยู่ แต่มักต้องทำหน้าที่ตอบสนองนโยบายกระทรวงฯมากกว่าตอบสนองความต้องการของเกษตรกร
ลงพื้นที่คราวนี้จึงได้คุยปัญหาเรื่องผลไม้ล้นตลาดกับเกษตรกรด้วย (แต่ไม่ใช่โจทย์วิจัย) ในความคิดของเรา การตลาดน่าจะแก้ได้โดยใช้ระบบเครือข่าย สหกรณ์การเกษตรเป็นเครือข่ายที่กว้างขวางที่สุดทั่วประเทศ (แต่ก็เป็นเครือข่ายที่อ่อนแอ) จากการทำงานกับกลุ่มชาวบ้าน เห็นอยู่ชัดๆว่า ภาคอีสานมีความต้องการผลไม้ และพอจะมีกำลังซื้อ แต่กระบวนการขนส่งและการตลาดไทยกระจายไปไม่ถึง หรือไปถึงด้วยราคาแพง
เราคิดง่ายๆว่า กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงเกษตร ขอความร่วมมือจากกระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) ใช้เส้นทางรถไฟที่ท่านวิ่งอยู่แล้วแบบคนโหรงเหรง ช่วยขนส่งผลไม้สักตู้จากใต้ผ่านกลางไปอีสานหรือขึ้นเหนือ ก็น่าจะช่วยกระจายผลผลิตได้ จุดรับผลไม้ก็คือ สหกรณ์การเกษตรทุกจังหวัดที่รถไฟวิ่งผ่าน เที่ยวล่องอาจขนข้าวสาร หอม กระเทียม ที่ชาวใต้ต้องการลงมาแลกคืน (ตามฤดูกาล) แต่แน่นอน ต้องมีการวางแผนกันก่อน จึงจะทำเรื่องนี้ได้ แต่ก็ไม่น่าจะยากเกินกำลัง ถ้ามีความตั้งใจจริงที่จะทำ และทำด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ปีนี้คงทำไม่ทัน แต่ปีต่อๆไปน่าจะวางแผน และกันงบประมาณเอาไว้ได้
เรื่องการตลาด จะให้แค่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่งแก้ปัญหาในจังหวัดของตัวเองนั้น ทำไม่ได้แน่นอน (เพราะ "ราคาตลาด" ถูกกำหนดมาจากกลไกการทำงานของการผลิตการบริโภคทั้งประเทศ) แต่ต้องช่วยกันเป็น "เครือข่าย" เช่นกัน หากระดับกระทรวงลงมาช่วยไม่ได้ ก็ต้องสร้างเครือข่ายกันเอง เช่น ผู้ว่านครฯจับมือผู้ว่าภูเก็ตและกระบี่ที่มีนักท่องเที่ยวมาก หาวิธีระบายสินค้าออกไป หรือไม่ก็ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในสวน การพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนในระดับจังหวัดน่าจะช่วยได้ (แบบที่ สกว.ฝ่าย 5 พยายามทำ)
และการคิดว่า ผลิตมังคุดนอกฤดูจะช่วยได้ ก็ไม่แน่อีก ในแง่ตลาดแล้ว มังคุดก็แข่งกับ ลองกอง เงาะ ทุเรียน นักวิทยาศาสตร์อาจต้องช่วยดูว่า ระหว่างสี่ชนิดนี้ จะ"หลีก" ชนิดไหนง่ายกว่ากัน นอกจากนี้ การผลิตมังคุดนอกฤดู ก็มีโอกาสไปชนกับฝรั่ง แตงโม แอปเปิล ได้เหมือนก้น
ตลาดต่างประเทศเป็นอีกช่องทางหนึ่งของการระบายสินค้า ตรงนี้ ภาคเอกชนเขาพยายามกันอยู่แล้ว รัฐเพียงแต่มีบทบาทหนุนเสริมในการเจรจาอุปสรรคทางการค้า (ถ้ามี) และสนับสนุนในเรื่องการทำสินค้าคุณภาพ (ซึ่งผลไม้ไทยมีคุณภาพในระดับหนึ่งอยู่แล้ว) เรื่องการทำสินค้าคุณภาพและตลาดสินค้าคุณภาพคือโจทย์วิจัยที่คิดว่าจะกล่าวถึงในโอกาสต่อไป
เห็นด้วยครับอาจารย์ ผมไปเมืองจีน (ทำ FTA กับไทย) ช่วงเดือนมีนาคม ร้านค้าผลไม้ที่โน่นมีผลไม้ไทยชนิดเดียวที่วางขาย คือ มังคุด
การรถไฟบ่นขาดทุนตลอด ไม่ทราบว่าจะเป็นไปได้แค่ไหน ต้องร่วมมือกันครับ ...
สวัสดีครับอาจารย์
ผลไม้สด จะมีปัญหามาก หากแปรรูปเป็นมังคุดกวน ก็คงขายได้แต่ในบ้านเรา เปลือกมังคุดยังเป็นความหวังของชาวสวนมังคุด หากช่วยกันศึกษาถึงคุณสมบัติ วิธีการแปรรูปเปลือกมังคุด น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าขายมังคุดสด
สวัสดัครับอาจารย์
ทฤษฎีที่อาจารย์ว่าเกิดมานานหลายปีแต่ทำไม่สำเร็จจสักทีเป็นเพราะอะไรคงทราบดี(คน+เงิน)ตอนนี้ลองกองที่ยะลาขายตลาดเสรีกิโลละ 5บาทแต่เข้าระบบศูนย์คัดแยกผลไม้ชุมชนโดยความร่วมมือของกรมการค้าภายในกระจายไปตามจังหวัดต่างๆยกเว้นกรุงเทพฯราชบุรี นครปฐม ราคากิโลกรัมละ 20บาทเบิกค่าขนส่งจากกรมการค้าภายในได้อีกต่างหากกมละ9บาทแต่เป็นเป็นตลาดกล่อง(ส่วนใหญ่จะใช้ตะกล้า)
ขอบคุณทุกความเห็นที่เป็นประโยชน์ค่ะ
กรณีของการขนส่งทางรถไฟนั้น รถไฟต้องวิ่งอยู่แล้ว (โดยเฉพาะถ้าบรรทุกไม่เต็มขบวน) มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเรื่องการขึ้นลงสินค้า ค่าใช้จ่ายไม่ถึงกิโลเมตรละ 9 บาทแน่ ส่วนหนึ่ง กรมการค้าภายในโอนเงินให้การรถไฟโดยตรงเป็นหน่วยงานต่อหน่วยงาน ไม่ต้องผ่านหลายมือไม่ทราบจะเป็นไปได้หรือไม่ การรถไฟเองก็จะได้ประโยชน์ด้วย
คิดๆฝันๆ เมืองไทย ต้นทุนการจัดการ"คน" ให้อยู่ในกติกา สูงมาก ไม่รู้รักชาติกันแบบไหน
สวัสดีค่ะอาจารย์
อ่านบันทึกนี้ของอาจารย์แล้ว ตรงใจมากค่ะเพราะว่ามีอยู่วันหนึ่งไปร่วมประชุมกับหน่วยงานหนึ่งและเขาเชิญนักวิชาการมาบรรยายและเขาพูดถึงกรณีมังคุดราคาถูกที่นครกับปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก และมีการกระทบถึงหน่วยงานแบบ พอช ที่ดูเหมือนว่าทำงานกับเครือข่ายทั่วประเทศ แต่ทำไมไม่คิดแก้ปัญหาให้ชาวบ้านในเรื่องนี้ และบอกว่าแสดงว่าเครือข่ายที่มีอยู่ไม่เข้มแข็งจริง ซึ่งต้องยอมรับความจริงแบบที่อาจารย์ว่า ในเรื่องนี้ภาคชุมชนได้เคยดำเนินการมาแล้วแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ มีปัญหาเรื่องการจัดการ ความสื่อซัตย์เรื่องการเงิน และไม่มีประสบการณ์ในเชิงธุรกิจ ในปีต่อไปคงได้มีโอกาสแก้ตัวใหม่ ไม่ทราบว่าเครือข่ายเพื่อน เสี่ยว เกลอ ได้มีการดำเนินการมั้ยค๊ะ
สวัสดีค่ะคุณพัช
ไม่ได้คุยกันเสียนาน สบายดีนะคะ
เห็นใจคนขับเคลื่อนงานค่ะ มันมีปัจจัยมากมายที่คนทำงานควบคุมไม่ได้ และกลับถูกควบคุมโดยกติกาบางอย่าง แต่ดูเหมือนคุณพัชยังมีพลังอยู่มาก เป็นกำลังใจให้นะคะ
ภาควิชาการก็พูดก้นไปตามหลักการ ข้อจำกัดในการมอง การพูดน้อยกว่านักปฏิบัติเยอะ ที่จริงอยากสะท้อนให้ผู้กำหนดนโยบายที่มีอำนาจสั่งการในระดับบนๆได้เข้าใจมากกว่า คิดว่ากระบวนการงบประมาณก็เป็นข้อจำกัดสำคัญของการทำงาน
เพื่อนเสี่ยวเกลอก็ยังพยายามกันอยู่ค่ะ เห็นความตั้งใจของกลุ่มชาวบ้าน แต่ก็เหนื่อยใจกับความยืดหยุ่นในการทำงานที่ดูจะสูงเกินไปสักนิด ได้แลกผลไม้กับปลาแห้งตัวเล็กๆ ระหว่างพื้นที่ในนครฯด้วยกัน และได้ข้าวสารมาจากโคราชด้วย แต่ช่วงที่ผลไม้ออกมาก กลับหารถจากนครฯวิ่งขึ้นกรุงเทพฯและโคราชไม่ได้ หาตะกร้าขนไม่ได้
สำหรับเพื่อนเสี่ยวเกลอเอง การวางแผน การเตรียมการ และการประสานงานก็สำคัญมากคะ "ผิดแผน" ก็มีอยู่บ่อย
ปีหน้าก็ต้องลองกันใหม่เหมือนกัน ถ้าได้ร่วมมือกันก็คงดีนะคะ
โชคดีค่ะ
ตอนนี้มีวิธีที่จะนำเปลือกมังคุดมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์รึยังครับ