สวัสดีครับ
....มาขอกันที่ท่าน พี่บ่าวเม้งไว้ก่อนค่ะ ช้า ๆ อดได้เฟิสต์คิว ..ยิ่งขายดิบขายดีขาดแผงอยู่ด้วย...
"JasmiN"
สวัสดีครับน้องเม้ง
ขอบคุณครับที่ช่วยถ่ายทอดความรู้สึกนี้แทนใจใครหลาย ๆ คน รวมทั้งพี่ด้วยครับ
สวัสดีครับพี่แท็ฟส์
สวัสดีครับ น้องเม้ง(ขออนุญาตเรียกน้อง)
ตามมาขอบคุณที่เขียนถึงงานสัมมนาคราวนี้ โดยยังไม่มีโอกาสได้รู้จักหน้าที่แท้จริงกันเลยครับ
แต่อ่านข้อความที่เขียนแล้ว สรุปได้ว่า...ใจเดียวกัน
เมื่อใจเดียวกันได้ ใจก็ถึงกันได้ครับ
หากอยู่ใกล้ก็จะกอดทันทีครับ
ขอกอดออนไลน์ ไปก่อนก็แล้วกันครับ :)
ชอบใจวิธีรายงานข่าวอันฉับไวและยอดเยิ่ยม พวกเราทางนี้ครางฮือเลยครับ
และชอบใจประโยคนี้ในบันทึก
...ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัว เป็นที่สอง
ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง
ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง
ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ ให้บริสุทธิ์"
มากเลยครับ
สวัสดีครับน้องมะลิ
สวัสดีครับพี่สาว
กราบสวัสดีครับ ท่าน อ.พิชัย
สวัสดีครับน้องเม้ง
หาก Blogger ไม่ได้เอาใจเข้าหากันก็คงไม่มีความรู้สึกดีดีต่อกัน ไม่มีคำพูดดีดีต่อกัน และคงไม่ได้เห็นการกอดต่อกันนะ สิ่งที่แสดงออกเช่นนั้น และภาพที่เราเห็นกันนั้นแสดงถึง ความรู้สึกบริสุทธิที่ดีต่อกัน พี่เชื่อเช่นนั้น ยกเว้นบางท่านอยากจะกอดแต่ยังสลัดความรู้สึกเขินๆไม่หลุด ก็มีบ้าง เช่น พี่เป็นต้น
หากถามตัวเองว่าที่ก้าวเข้ามาตรงนี้ คิดอย่างไรตั้งแต่ต้น พี่เคยไป blog อื่นมาแล้วครับ แต่แค่วันเดียวก็ต้องถอยกลับ "เพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่" และน้องกาเหว่ามาแนะนำก็เข้ามาแบบเก้ๆกังๆ แต่ก็ชอบ และพึงพอใจ ต่อมา จึงเขียนออกมาได้ค่อนข้างติดต่อยกเว้นช่วงที่ติดงานยุ่งจริงๆ
มันมีแบบอย่างที่ดีที่พ่อครูบาทำไว้ และพี่ก็ชื่นชมท่าน ท่านจึงเรียกอาศรมของท่านว่า เฮฮาศาสตร์ คือ ทำเรื่องวิชาการให้เป็นเรื่องสนุกสนาน ง่ายๆ ติดดิน และสร้างบรรยากาศการแลกเปลี่ยนที่ไม่เครียด จนบีบภาวะสร้างสรรคของสมองไปหมด นี่เองคือสิ่งที่พ่อครูบาท่านสร้างไว้ และก็มีเพื่อนๆเข้าไปเชื่อมท่านมากมาย และพี่ก็เชื่อมั่นว่านี่แหละคือรูปแบบหนึ่งที่ลดความมีตัวตนลงมาครับ พี่จึงตัดสินใจเดินทางไปบ้านท่าน พร้อมอาจารย์แป๋ว และอีกจำนวนมาก ดังที่พี่เองก็เขียนรายงานไว้หลายตอน
พี่เห็นด้วยที่ลดกำแพง แต่ลดไม่หมดครับ ที่ลดไม่หมดมิใช่เหตุผลอื่นใด เป็นเหตุผลเดียวคือ ต้องมีกำแพงสำนึกสาธารณะ พี่ไม่เห็นด้วยที่พี่นึกอย่างไรก็พูด ก็กล่าวออกมาตรงๆ ซึ่งอาจจะไม่มีกำแพงจริงแต่จะกลายเป็นคำกล่าวที่ไปกระทบท่านอื่นๆไปทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ตั้งตรงและอ้อม ดังนั้นกำแพงในความหมายพี่คือ สำนึกสาธารณะที่ยังต้องมีกำแพงนี้อยู่ หรืออาจจะเรียกอย่างอื่นก็ได้ที่ไม่ใช่กำแพง ตอนนี้นึกไม่ออกว่าควรจะเรียกว่าอะไรครับ
พี่ศรัทธาเวทีนี้ อย่างที่พี่เคยกล่าวไว้ว่า
นี่เองพี่จึงเห็นว่าเวทีนี้สุดยอดครับ
ที่ได้มากกว่าประเด็นดังกล่าวมีเพิ่มขึ้นมาหลายเรื่อง เช่น ได้เพื่อนมากขึ้น ได้คู่คิดมากขึ้น ได้เรียนรู้จากท่านอื่นๆมากขึ้น และ ฯลฯ
ท่านครูบาเห็นเรื่องนี้มานาน และท่านมองไปข้างหน้าอีกไกล มองไปในอนาคต ท่านแหย่ตั้งหลายครั้งในทำนองว่า "เรามาทำอะไรร่วมกันดีกว่า ที่ดีดีต่อสังคม..." เพราะท่านเห็นพลัง ท่านเห็นการเข้ามาจับมือกันด้วยใจอย่างที่ "แบบทางการ" ไม่มี พี่เห็นประเด็นนี้ และเห็นด้วยกับท่านจึง ลองตั้งคำถามดูเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ ในใจพี่นึกว่า พลังนี้สามารถร่วมกันสร้างสรรค์สังคมที่ระบบปกติทำไม่ได้น่ะครับ
เวที KM เชียงใหม่ และที่อื่นๆที่กำลังจัดขึ้นมา และจะจัดขึ้นมาในอนาคต เป็นการสร้างเวที เป็นการสร้างโอกาสให้ชาว Blog มาพบปะกัน เป็นการจัดเวทีให้ผู้สนใจหน้าใหม่ก้าวเข้ามาบนเวทีนี้ เป็นการดี และควรจะจัดในหลายๆรูปแบบด้วย อย่างเช่นที่ท่านครูบาจัดเล็กๆ กระชับที่อาศรมของท่าน
พี่เห็นด้วยกับน้องเม้งครับ
สวัสดีครับพี่บางทราย
ผมมองว่า วิชาการกับชุมชน จะถึงกันได้จะต้องมีสื่อกลาง คือคนเข้าใจระบบทั้งสองส่วน แม้ว่าวิชาการก็อยู่ในสังคมนั่นหล่ะครับ แต่เราทำลายคำตอบในธรรมชาติจนทุกวันนี้ เราไม่มีคำตอบเหล่านั้นเหลือให้เห็นเลยครับ เราเลยมาตกอยู่ในสภาพที่ต้องตั้งคำถามเพื่อวิ่งไปหาคำตอบเดิมครับ (ไว้ผมจะค่อยเขียนอธิบายไว้ในบันทึกอื่นครับ)
ในเวทีที่เชียงใหม่เป็นการรวมพลังใจ มิตรภาพให้เข้ากัน แล้วกวนกันเป็นเนื้อเดียวกัน ที่พร้อมจะเข้าถึงแล้วผมก็เชื่อว่าวันหนึ่งสิ่งเหล่านี้จะลงถึงสังคม หรือชุมชนครับ แม้ว่าการทำงานจะมีหลายๆ ระดับก็ตามครับ แต่ท้ายสุดก็ควรจะลงถึงชุมชน หรือเซลล์ครอบครัวครับ
พี่บางทรายก็เป็นตัวอย่างที่ดี อีกตัวอย่างหนึ่งครับ ในการร่วมเชื่อมต่อวงจรเหล่านี้ครับ ส่วนแผนของผมจะร่วมวิจัยกับพ่อแม่กันซักยกก่อนครับ แล้วทำควบคู่ไปกับหน้าที่หลักที่ต้องทำครับ...
ขอบคุณพี่มากๆ เลยครับ
สวัสดีค่ะน้องเม้ง
อ่านบันทึกที่เม้งเขียนจากใจนี้แล้วรู้สึกชื่นใจดีจังค่ะ เพราะได้อ่านคำ และได้เห็นภาพ(ที่น้องเอกส่งมา) ซึ่งสัมผัสได้ว่าออกมา "จากใจ" จริงๆ
คำและภาพที่ออกมาจากใจที่ "รักและปรารถนาดีต่อกัน"นั้น แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็จะ"ประทับอยู่ในใจ"ต่อไปอีกนานแสนนาน
และจะเป็นพลังใจให้ไปสร้างความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน ด้วยความบริสุทธิ์ใจในที่อื่นๆอีก เพราะได้สัมผัสกับการสื่อสาร"ด้วยจิตใจที่ปรารถนาดีต่อกัน"อย่างบริสุทธิ์ใจมาแล้ว
การสื่อสารทำให้เกิดสิ่งดีในชีวิต และ"สร้าง"จิตใจที่ดีงามได้ การสื่อสารแบบ "สัมผัสด้วยหัวใจ" แบบที่น้องเบิร์ดเคยบอก จะหล่อเลี้ยงและสืบทอด "หัวใจมนุษย์"ไว้
เพราะไม่ว่ามนุษย์จะสื่อสารกันด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม แต่สุดท้ายแล้ว หัวใจของการสื่อสาร เพื่อความเป็นมนุษย์ คือการสื่อสารเพื่อที่จะได้ "รู้จัก เข้าใจ และรัก" : )
พี่แอมป์สรุป"จากใจ"ได้เช่นนั้นนะคะ : )
พี่แอมป์ขออนุญาตเม้งอีกทีนะจ๊ะ : )
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
แอมแปร์ประทับใจความเห็นของพี่มากค่ะ
พี่บางทรายพูดถึง "สำนึกสาธารณะที่ยังต้องมี" ....ทำให้แอมแปร์นึกถึงคำว่า "วุฒิภาวะในการสื่อสาร" นะคะ
ไม่ทราบว่าพอจะใกล้เคียงกับคำที่พี่บางทรายนึกถึงไหมคะ : )
สวัสดีครับพี่แอมป์
สวัสดีคับ คุณเม้ง
ผมเพิ่งเป็นสมาชิก gotoknow ได้ไม่นาน แต่ก็รู้สึกดีมากๆคับ ที่ในสังคมนี้มีผู้มีความรู้ มาคอยให้ความช่วยเหลือ แนะนำ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน หวังว่าโอกาสหน้าคงมีโอกาสได้พบเจอกันแบบตัวเป็นๆด้วยนะคับ (แต่แค่ได้เจอในบล็อกก็ซึ้งใจแล้วคร๊าบ) ขอบคุณมากคร๊าบ
สวัสดีครับคุณเจ๋ง
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับคุณครูแอน Lioness_ann
รักกันไม่รู้จบ
พานพบอย่างรู้ใจ
ตัวหนังสือสื่อสายใย
สนิทแน่นสนิทใน, ใจดวงเดียว
....
มิตรภาพและความรักใน G2K มหัศจรรย์จริง ๆ ...ครับ
สวัสดีครับพี่แผ่นดิน
รักกันไม่รู้จบ
พานพบอย่างรู้ใจ
ตัวหนังสือสื่อสายใย
สนิทแน่นสนิทใน, ใจดวงเดียว