วันนี้รับหน้าที่ในจุดลงทะเบียนแบบเต็มๆตัวในช่วงเช้า แทนพี่บุญเลิศที่ลาพักร้อน งานที่ทำก็คือ นั่งกดแป้นคอมพิวเตอร์ใส่ข้อมูลต่างๆจากใบสั่งตรวจที่พิมพ์ออกมาจากการอ่านบาร์โค้ด งานนี้ที่ต้องการสมาธิเป็นอย่างมากที่จะทำให้ถูกต้อง เพราะต้อง key ทุ้ก....อย่างจริงๆ เป็นงานที่ควรจะเลิกใช้คนทำได้แล้ว เพราะจำนวนข้อมูลที่ต้อง key ใส่วันละ 700 - 800 รายนั้นเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาจะทำได้โดยไม่ผิดเลย (เขียนบันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตั้งแต่กลับจากเรียนต่อ จนจะ 2 ปีอยู่แล้ว แต่งานนี้ก็ยังเหมือนเดิม แถมจำนวนก็มากขึ้นทุกวันไม่มีลด ได้ข่าวว่าสิ้นปีจะได้เปลี่ยนระบบค่ะ.....สงสัยวันที่ 31 ธันวาคมแน่ๆเลย....ฮา..ฮา...ฮือ...ฮือ...)
นั่งลงทะเบียนไป ก็รับโทรศัพท์ทั้งซ้ายและขวาไปด้วยอีกต่างหาก นึกแล้วก็น่าขำเป็นที่สุด มีโทรศัพท์แปลกๆที่ทำให้ขำหลายรายทีเดียวในวันนี้ เช่น
"สวัสดีค่ะ ขอสายคุณ..(อะไรสักชื่อที่ไม่มีในห้องเรา)" โทษนะคะ โทรเบอร์อะไรคะ "1563 ค่ะ" เอ๊า...นี่ก็เบอร์ห้องเรานี่นา ตรงนี้ไม่มีใครชื่อนี้เลยนะคะ "อุ๊ย...ขอโทษค่ะ โทรผิดที่"....โอ๊ย มีแบบนี้ด้วย โทรถูกเบอร์แต่ผิดที่
แล้วก็มีประเภทโทรมาปรึกษาเรื่องผลแล็บบ้าง วิธีส่งบ้าง หลากหลายรูปแบบ แปลกที่วันนี้มีแบบนี้มากกว่าโทรตามผล หรือเร่งผลแล็บ
คิดขึ้นมาได้ว่า การเห็นอะไรๆในแง่มุมขำขันได้เสมอๆนั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากๆ และเป็นคุณสมบัติที่พวกเราชาวห้องแล็บ Chem มีกันอยู่แทบทุกคน ทำให้แม้จะงานมากมายเกินกำลังขนาดไหน เราก็หาทางมองให้เห็นมุมขำขันกันได้เสมอ ทั้งจากงานตรงหน้าและเรื่องรอบๆตัว
ประโยคเด็ดๆชวนขำทั้งหลายนั้น เราได้ฟังกันทุกวัน วันนี้จำได้หนึ่งประโยคที่ว่า "มือใครยาว สาวได้สาวเอา" จำไม่ได้ว่าใครพูดเรื่องอะไร แต่มีคนบอกว่า "ดีแล...ไม่มีแก่" ....โอ๊ยไม่รู้คิดได้ไง
บรรยากาศแห่งอารมณ์ขันแบบนี้นี่เองที่เป็นเสน่ห์ของห้องเรา ขนาดที่ว่า มีน้องๆนักศึกษาที่มาเก็บตัวอย่างเลือดถึงกับออกปากว่า ที่นี่บรรยากาศสนุกสนานจัง จะรับคนเพิ่มไหม อยากมาสมัครงาน..โน่นแน่ะค่ะ
การสร้างสมอารมณ์ขันให้กับตัวเองนั้น ถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ และมีความสุข ลองค้นดูคำว่า sense of humor ดูสิคะ ได้พบประโยชน์ของการมีอารมณ์ขันมากมายทีเดียว จะทำให้เราแก่ช้า แก้ปัญหาต่างๆได้ดี ลดความเครียด มองเรื่องต่างๆได้หลากหลายแง่มุม และ ฯลฯ เขาว่ากันว่า การมีอารมณ์ขัน การมองโลกในแง่มุมขำขันนั้น เป็นคุณสมบัติที่ต้องฝึกฝนตนเองและสามารถสร้างได้ เห็นดีและเห็นด้วย ก็เลยนำมาบอกต่อค่ะ
อาจจะไม่เกี่ยวกับข้อความในบล็อกซักเท่าไหร่ อยากให้ความเห็นแต่ไม่รู้จะไปไว้ไหนดีเลยแอบไว้ที่นี่ละกันค่ะ
อีกอารมณ์ขันนึงที่ได้ดูรูปเด็กๆของพี่โอ๋ ตอนยังเล็กๆ ขำๆ โดยเฉพาะน้องฟุงนี่เห็นปุ๊บฮาเลย
เหนื่อยแต่คิดถึงครับ
อารมณ์ขันทำให้โลกรื่นรมย์ครับ วันก่อนดร.แสวง เล่าว่า คุณหมอภาคกลางไปอยู่อีสาน พอคนไข้ชาวบ้านบอกว่า ไปเหยียบ ต.ป. มา หมอบอกว่า พูดให้เต็มๆกับหมอ ไม่ต้องมาใช้ตัวย่อให้เสียเวลา ลุงแกสุดงง เพราะแกไม่ได้ย่ออะไรซักหน่อย ..
ใน ความคิด ของหมอ .. ต.ป. = ตะปู
ใน ความจริง ของลุง ตอปอ = ตอของต้นปอ ที่ตำเท้าแกจนต้องเดินกะเผลกๆ มา รพ. นั่นเอง
หมายเหตุจากพี่เอง รพ. = โรงพยาบาล มิใช่ โรงพัก แต่อย่างใด
พี่ Handy เล่นเล่าตลกให้ก๊ากอย่างนี้ ชอบมากเลยค่ะ รู้สึกว่าท่าทางพี่เองก็น่าจะมีในสต๊อคเพียบแน่ๆ โอ๋อ่านเจอเคล็ดลับว่าให้เราอ่านเรื่องขำสักวันละเรื่องก็มีประโยชน์นะคะ แก้เหนื่อยได้ด้วย (แต่แก้คิดถึงไม่ได้ค่ะ....ต้องแวะมาคุยกัน...อิ...อิ...)