มีใครรู้ไหมว่าคำว่า Sight แปลว่าอะไร ปกติแล้วเราไม่ค่อยคุ้นเคยกันนักกับศัพท์คำนี้ แต่จริงๆแล้วถ้าเราสังเกตให้ดีจะพบว่ามีการใช้งานบ่อยมาก คำๆนี้เป็นคำที่มีความหมายง่ายๆแต่ลึกซึ้งอย่างมาก สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบไปกับบริษัททัวร์อาจจะคุ้นเคยกับคำว่า Sight-seeing ซึ่งหมายถึงการเดินทางดูสถานที่ต่างๆไปเรื่อยๆ บางคนเรียกว่าไปแบบแตะๆดมๆ คือไม่มีเวลาเจาะลึกในรายละเอียดมากนัก คือเอาเห็นเยอะเข้าว่า แต่สำหรับคนหนุ่มสาวมักคุ้นเคยกับคำว่า Love at first sight ถ้าแปลเป็นไทยแบบกระชับสั้นง่ายก็คือ “รักแรกพบ” เรียกว่าพบครั้งแรกก็ตกหลุมรักแบบโงหัวไม่ขึ้นซะแล้ว และมักจะตามมาด้วยเหตุการณ์ที่ว่า Falling in love หรือ “ตกหลุมรัก” นั่นเอง
ในทางธุรกิจขนาด (Size) ไม่ใช่เรื่องสำคัญ และไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวกำหนดถึงพลัง และความสามารถในการแข่งขันเสมอไป แต่การเข้าใจในธุรกิจและมองตลาดได้อย่างทะลุปรุโปร่งต่างหาก ที่จะเป็นตัวบอกว่าใครจะเป็นผู้ได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive advantage) ดังคำ 3 คำต่อไปนี้
Insight คือการมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ด้วยความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ด้วยสายตาที่แหลมคม มองเห็นทะลุถึงข้างใน ไม่ใช่เพียงผิวเผินภายนอก หรือสิ่งที่ลูกค้าแสดงออกมาให้เห็นเท่านั้น ดังนั้นใครสามารถรู้ได้ลึกรู้ได้ตรงมากกว่า ก็สามารถสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า และเข้าไปนั่งอยู่ในใจลูกค้าได้ก่อน
Foresight คือการมองการณ์ไกล เห็นถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น หรือมีความสามารถในการคาดการณ์ถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้นี้ โดยไม่ใช่การคาดเดา แต่จากการศึกษาจากข้อมูลความจริงในปัจจุบัน
สำหรับการประกอบธุรกิจทั้ง Insight และ Foresight มีความสำคัญอย่างมาก แล้วคุณล่ะเป็นประเภทไหน เอาใส่ใจความรู้สึกและความต้องการของลูกค้าบ้างหรือไม่ ถ้าไม่เลยต้องเรียกว่าอยู่ในกลุ่ม No sight คือไร้อนาคตอย่างสิ้นเชิง เพราะละเลยความเข้าใจในตัวลูกค้าซึ่งเป็นที่มาของความสำเร็จทางธุรกิจ ดังนั้นอยู่ที่ว่าใครจะมีสายตากว้างไกลเพียงใด และมองเห็นได้ลึกซึ้งมากกว่ากัน
ไม่มีความเห็น