เมื่อวันที่ 31 กค. 50 เวลา 13.30- 17.00 น. ในงานสัมมนาวิชาการเคหกิจเกษตรทั่วประเทศ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ มีการเสวนาในหัวข้อเรื่อง งานส่งเสริมเคหกิจเกษตรกับคหกรรมศาสตร์ ดำเนินการเสวนา โดย รองเกรียงไกร คะนองเดชชาติ และมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และกรมอนามัย จำนวน 4 ท่าน คือ
1. รศ.สุภาวดี เหมทานนท์
2. ผศ.ดร.ขจีจรัส ภิรมย์ธรรมศิริ
3. ผศ.กาญจนา ลุศนันท์
4. นายสง่า ดามาพงษ์
เสวนา งานส่งเสริมเคหกิจเกษตรกับคหกรรมศษสตร์
การเสวนาเริ่มต้นจาก คุณสง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการสาธารณสุข 9 จากกรมอนามัย ท่านกล่าวว่า....
<ul style="margin-top: 0cm"> <li class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">คหกรรมนำชาติไปสู่เป้าหมายได้ </li> <li class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">วันนี้..เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ ที่เราดึงพลังเงียบมารวมตัวกัน เป็นเรื่องจริงที่เรายังขุดขึ้นมาไม่พบ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่พวกเราบประมาทตัวเราเอง</li> <li class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">แม่ผมคือ นักคหกรรมศาสตร์ คนแรกในชีวิตผม</li> <li class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">คหกรรมศาสตร์ เป็นศาสตร์แห่งชีวิต เป็นศาสตร์ในการจัดการปัจจัย 4 ของชีวิต คือ อาหาร บ้าน ยา เครื่องนุ่งห่ม นักคหกรรมศาสตร์มาจัดการองค์ความรู้ นำองค์ความรู้ (tacit Knowledge) ที่มีอยู่มาจัดการ</li> <li class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">คหกรรมศาสตร์ เป็นศาสตร์แรกๆ ที่มนุษย์ต้องเรียนรู้ เพราะเกี่ยวข้องกับจุดเริ่มต้นของชีวิต</li> <li class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt"> ครอบครัว (บ้าน) คือ สถาบันแรกที่บ่มชีวิต ที่ต้องใช้เคหกิจและคหกรรมมาจัดการชีวิตให้เป็นระบบ ชีวิตตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ออกมาสู่โลกกว้าง เป็นทารก เป็นเด็ก ผู้ใหญ่ วัยชรา ล้วนอาศัยในครัวเรือนที่ต้องดี พ่อและแม่ ขอยกให้เป็นนักคหกรรมศาสตร์คนแรกของชีวิตที่ยิ่งใหญ่ จัดการได้ทุกปัจจัย 4 </li> <li class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt"> คหกรรมศาสตร์ สร้างชีวิต สร้างคนให้สมบูรณ์ สู่ครอบครัว ชุมชน สังคมไทย ที่เป็นสุขและอบอุ่น รากเหง้าของ OTOP เกิดจากเคหกิจเกษตร </li> <li class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt"> คหกรรมศาสตร์ จึงเป็นพลังเงียบของแผ่นดิน ที่ซ่อนเร้น ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ต้องดึงพลังคหกรรมศาสตร์ มาพัฒนาชาติ สู่ สังคมแห่งการอยู่เย็นเป็นสุข</li> <li class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">ครอบครัว (บ้าน) จึงเป็นสถาบันแรกที่ต้องนำศาสตร์ด้านคหกรรมมาจัดการ ก่อให้เกิด เคหกิจที่เกียวข้องทุกชีวิตในบ้าน การจัดการชีวิตแห่งบ้านและครอบครัว คือ ที่มาของเคหกิจ</li> <li class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">เคหกิจเกษตร เป็นการจัดการแห่งบ้านเกษตรกร เป็นการนำการเกษตรมาจัดกิจชีวิตคน ดึงองค์ความรู้ด้านคหกรรมศาสตร์ มาจัดการชีวิตคน</li> <li class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; tab-stops: list 36.0pt">ครอบครัวเกษตรกร เป็นชุมชนที่ใหญ่ที่สุด ชุมชนที่เต็มไปด้วยปัญหา จะนำพาสังคมไทยอยู่ร้อน นอนทุกข์ ครอบครัวเกษตรกรไทย กำลังแบกทุกข์</li> </ul><p> -หลงใหลได้ปลื้มตามโลกวัตถุนิยม </p>
-สถาบันครอบครัวเข้าสู่ภาวะวังเวงแตกแยก-เผชิญกับทุกขภาวะจากผลแห่งการปฎิวัติเขียว
(ค่ามือถือ ค่าขนมเด็ก สุราพ่อ ค่าหวย ดูดเงินจากครอบครัวเกษตรกร เมื่อก่อนมีลูกอยู่กับพ่อแม่ ณ วันนี้ เด็กขาดอาหาร การหย่าร้างในชนบทสูงขึ้น ผลพวงจากปฎิวัติเขียว กำลังลงโทษมนุษย์ สิ่งแวดล้อมเลวร้าย ลูกหลานเกิดภาวะทุพโภชนาการ กำลังเผชิญโรคคนเมือง เข้าสู่ภาวะวิกฤติทางสังคม วัฒนธรรมทางอาหารกำลังถูกกลืน แดจังกึม สอนให้รู้ว่า นักโภชนาการไทย อยูที่ไหน เอากลับคืนมาได้อย่างไร)
-วัฒนธรรมสวนครัวรั้วกินได้หายไป
-พึ่งพาอาหารจากระบบตลาด-มุ่งผลิตอาหารเพื่อขาย
-เผชิญกับอาหารไม่ปลอดภัยบริโภคอาหารที่ด้อยคุณค่า
-ความรู้และทักษะโภชนาการต่ำความมั่นคงทางอาหารสั่นคลอน
-มุ่งค้นหาฐานหรือรากเหง้าของปัญหา ( ความทุกข์ของเกษตรกร)
-มุ่งค้นหาทุนทางคหกรรมศาสตร์ในบริบทไทย
-กำหนดทิศทางการขับเคลื่อนให้เห็นเป็นระบบสู่ความยั่งยืน
-วางยุทธศาสตร์ชาติ 3 ด้าน คือ
1. พัฒนาองค์ความรู้และวิชาการ
-มุ่งศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาอาหารและโภชนาการกับสถาบันครอบครัวไทย
-พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนด้านคหกรรมศาสตร์ในบริบทไทย
-ประยุกต์ฐานทรัพยากรด้านคหกรรมศาสตร์
2. การขับเคลื่อนสังคม-การสื่อสาร
-ปลุกกระแสสังคมไทยให้ภูมิใจกับวัฒนธรรมอาหารไทยที่งดงาม
-เชื่อมร้อยและทักทอเพื่อการถ่ายทอดคุณค่าวัฒนธรรมอาหารไทยในคน 3 รุ่น คือ รุ่นบุกเบิก รุ่นเชื่อมร้อย และรุ่นสืบสาน
3. การขับเคลื่อนนโยบาย
- 2 พลังแรก (รุ่นบุกเบิก ,รุ่นเชื่อมร้อย) ต้องชัดเจน
-เคลื่อนพร้อมกระแสสังคม "เศรษฐกิจพอเพียง"
-ต้องเป็นนโยบายชาติ
สุดท้าย ท่านสรุปว่า ถ้าศาสตร์ด้านคหกรรมศาสตร์ นำเคหกิจเกษตรได้ ควบคู่ไปกับเศรษฐกิจพอเพียง ก็จะผสมผสานให้เกิดการอยู่ดีมีสุข
สำหรับผู้เสวนาท่านต่อไป โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ....
นันทา ติงสมบัติยุทธ์
2 สค.50
ดีมากค่ะ สนใจ การขับเคลื่อนสังคม การสื่อสาร งานคหกรรมศาสตร์ในบริบทไทยมาก เพราะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริงค่ะ
■ คหกรรมศาสตร์ จึงเป็นพลังเงียบของแผ่นดิน ที่ซ่อนเร้น ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ต้องดึงพลังคหกรรมศาสตร์ มาพัฒนาชาติ สู่ สังคมแห่งการอยู่เย็นเป็นสุข
อ่านแล้วชอบจังเลยค่ะ